บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 วังวนเดิมที่แสนชิงชัง (1)

"ท่านตา...ท่านช่วยเขาหรือเจ้าคะ"

"ใช่ ตาช่วยเขาเอง พ่อหนุ่มนี่นอนหมดสติตากฝนอยู่ผู้เดียว ดูเหมือนร่างกายได้รับพิษเสียด้วย อีกอย่างเขายังไม่ถึงคราวตาย"

"ท่านตาเจ้าคะ แต่เขาเป็น..." ฟู่ซูหนิงมิได้เอ่ยประโยคถัดไป นางก้มหน้างุดแทบหลั่งน้ำตา นิ้วโป้งสาละวนขึ้นลงพลางเหลือบมองผู้ป่วยบนเตียงด้วยอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก 

เหตุใดข้าต้องโล่งอกด้วยนะ เฮ้อ..

"หนิงเอ๋อร์ เป็นอะไรของเจ้า"

ฟู่ซูหนิงยังคงก้มหน้าอยู่เช่นนั้น ต่อให้อธิบายไปก็คงไม่มีใครเชื่อ ว่าบุรุษผู้นี้เปรียบดั่งพญามัจจุราชที่กำลังเข้ามาช่วงชิงชีวิตอันแสนสงบสุขไปจากนางตลอดกาล เจ้าของร่างสูงเบื้องหน้าฟู่ซูหนิงยามนี้คือองค์ชาย'ฉืออิ้งเทียน'แห่งแคว้นซีฮัน อีกไม่นานเขาจะได้รับตำแหน่งชินอ๋องด้วยอายุเพียงสิบแปดปี

ชาติก่อนฉืออิ้งเทียนถูกลอบทำร้ายด้วยยาพิษเสียจนดวงตาใกล้มืดบอด ฉืออิ้งเทียนซัดเซพเนจรและได้บังเอิญผ่านมาถึงหุบเขาร้อยโอสถ ทั้งที่ด้านนอกมีค่ายกลขวางกั้นทว่าชายหนุ่มกลับข้ามผ่านเข้ามาได้อย่างน่าอัศจรรย์ ดูเหมือนสวรรค์จงใจส่งองค์ชายผู้นี้เข้ามาเพื่อทดสอบชีวิตรักช้ำของฟู่ซูหนิง หลังจากช่วยเหลือเขาจนหายดี นานวันเข้าความรักระหว่างชายหญิงก็เริ่มก่อตัวขึ้น

ใครจะทันคาดคิดว่าฉืออิ้งเทียนนั้นมีคู่หมายที่มารดามาดมั่นให้เป็นชายาของเขาแต่เดิมอยู่แล้ว เพราะความดื้อดึงของฉืออิ้งเทียน ปรารถนาจะอภิเษกกับฟู่ซูหนิงเพื่อเป็นชายาเอกให้จงได้ จนกระทั่งฟู่ซูหนิงได้รับตำแหน่งชายาชินอ๋องในที่สุด

ทว่าโชคชะตาดันตลบหลังฟู่ซูหนิงได้อย่างแสบสัน แกล้งส่งบุรุษที่นางรักมาให้แต่มิอาจครองคู่กันอย่างสงบสุข แม่สามีรังเกียจชิงชังไม่พอ ฟู่ซูหนิงยังต้องก้มหน้ารับโทษทัณฑ์ที่ตนมิได้ก่อ

คนแรกที่นางนึกถึงในตอนนั้นก็มีเพียงเขาแต่ทว่าสวามีที่นางรักยิ่ง กลับทอดทิ้งฟู่ซูหนิงให้ตายเพียงลำพัง

ฟู่ซูหนิงถูกป้ายสีจนสิ้นไร้ไม้ตอก นางมิอาจแก้ต่างได้เลย จวบจนถูกตัดสินว่าเป็นกบฏ ก่อนตายฟู่ซูหนิงหมายได้มองเห็นหน้าเขาสักเสี้ยว แต่ยามนั้นสวามีนางมิได้ปรากฏกาย

ย้อนมาหนนี้ความรู้สึกเสียววูบวาบบริเวณหลังคอ ยามท่อนเหล็กคมกริบหวดสะบั้นลงจนศีรษะหลุดกระเด็น ยังคงหยั่งรากลงลึกภายในจิตใจมิเคยจางหาย 

นี่น่ะหรือผู้ที่เอ่ยเสมอจะปกป้องนางยิ่งกว่าชีวิตตน คนที่มักกล่าวคำหวานว่ารักนางสุดหัวใจ วาจาบุรุษดุจดั่งผายลม คนหลอกลวง!

ฟู่ซูหนิงทอดถอนใจ ในเมื่อนางยังต้องช่วยเขา เช่นนั้นควรพลิกชะตาอย่าได้เผลอมีใจให้กันและกันอีก ไม่เช่นนั้นคงหลีกไม่พ้นบทสรุปเดิม

"เอาเถิดเจ้าค่ะ ท่านตาอยากช่วยเขาก็ช่วย แต่ข้าขอไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้นะเจ้าคะ" น้ำเสียงของนางอ่อนระโหย เฉกเช่นหมดอาลัยตายอยาก

"หนิงเอ๋อร์ กล่าวเช่นนี้ได้อย่างไร เราเป็นหมอ เห็นคนใกล้ตาย เจ้าจะไม่ดูดำดูดีเขาหน่อยหรือ ตาเคยสอนเจ้าว่าอย่างไร"

ฟู่ซูหนิงแหงนหน้าขึ้นด้วยดวงตาแดงก่ำ นางพยายามกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ "เจ้าค่ะ หนิงเอ๋อร์ผิดไปแล้ว ต่อไปจะไม่เห็นแก่ตัวเช่นนี้อีก"

"สมุนไพรของเจ้า เปียกและบอบช้ำ ตาเลยขึ้นไปเก็บมาใหม่ หากพบเขาช้ากว่านี้ เกรงว่าพ่อหนุ่มนี่อาจไร้ลมหายใจไปแล้ว"

เหอะ...เขาตายไปได้ก็ดี ท่านตามิรู้หรือ เขาน่ะคือ มัจจุราชผู้พรากชีวิตหลานของท่าน

"เจ้าค่ะ" ฟู่ซูหนิงตอบกลับเสียงค่อย ขาเรียวเยื้องย่างจากไปราวหุ่นไม้ไร้ชีวิต นัยน์ตาดอกท้อปรายมองบุรุษซึ่งนอนเหยียดยาวบนแคร่ไม้ไผ่เล็กน้อย

หรือข้าไม่อาจหลีกชะตาหนีจากท่าน ยามนี้เราถือเป็นคนแปลกหน้าของกันและกัน ข้าควรทำเช่นไรดีนะ

ฟู่ซูหนิงขบคิดไปเรื่อยเปื่อยตลอดการก้าวย่าง นางจะพลิกชะตาแสนอนาถานี้อย่างไร คงไม่มีใครย้อนกลับมาแล้วทำเรื่องโง่งมซ้ำรอยเดิมจริงหรือไม่

"หนิงเอ๋อร์ ใจลอยไปถึงไหนเล่า รีบเข้าไปพักเถิด เมื่อครู่ทำเสียตกอกตกใจหมด เดี๋ยวยายจะไปดูพ่อหนุ่มนั่นเสียหน่อย"

ฟู่ซูหนิงหลุดจากภวังค์ "ท่านยายเจ้าคะ เขาถูกพิษร้าย ดวงตาของเขากำลังจะมืดบอด"

"เจ้ารู้ได้อย่างไร ท่านตาบอกเจ้าหรือ"

"เอ่อ เอ่อ..." ฟู่ซูหนิงอึกอัก ชาติก่อนเขารักษาตัวอยู่ที่หุบเขาร้อยโอสถหลายเดือน เป็นนางที่ดูแลเขาทุกอย่าง

ฟู่ซูหนิงตระหนักวุ่น กระทั่งยกมือยีเส้นผมจนแตกกระเซิง ความชั่วร้ายก็ผุดเข้ามาในมโนความคิด หากนางแสร้งรักษาเขาไม่หาย เส้นทางชีวิตบัดซบนี้จะเปลี่ยนหรือไม่ แต่ถ้านางทำเช่นนั้นก็เท่ากับกำลังกระทำผิดจรรยาบรรณความเป็นแพทย์อย่างถ่องแท้ ช่างเห็นแก่ตัวและขลาดเขลายิ่ง

นี่ข้าจะตัดใจจากเขาได้จริงหรือ เทพเจ้าจอมสับปลับ ข้าจะแก้หมากกระดานนี้ของท่านอย่างไร นี่น่ะหรือชะตาใหม่ที่มอบให้ข้า ข้าบอกว่าขอชีวิตที่แสนสงบสุข ขอความรักอันมั่นคง แล้วนี่อะไร ตายแล้วตายอีกอย่างกับเกมชีวิต บิดาท่านเถอะ!! 

ฟู่หรงมองท่าทีขบคิดของหลานสาวก็ชวนประหลาดใจ ดูเหมือนฟู่ซูหนิงคงยังไม่ส่างจากอาการป่วยไข้ "เอาล่ะ ๆ หนิงเอ๋อร์ ยายไม่เซ้าซี้แล้ว เจ้าไปพักก่อนเถิด อีกสักหน่อยจึงออกมายืดเส้นยืดสายแล้วกัน นอนมากไปก็จะยิ่งซม ไม่สบายตัวเอาได้"

ฟู่ซูหนิงหลุดจากภวังค์ ขานรับเสียงแผ่ว "เจ้าค่ะท่านยาย"

ฟู่ซูหนิงลากสังขารอ่อนระโหยโรยแรงเข้าไปด้านใน  ฟู่หรงมองตามแผ่นหลังหลานสาวก็พานห่วงใย ตั้งแต่ฟู่ซูหนิงฟื้นจากพิษไข้ นางก็เอาแต่ทำตัวประหลาด

ร่างระหงเอนกายลงบนแคร่ไม้ไผ่ซึ่งมีฟูกนอนหอมสะอาดปูรองเอาไว้ ท่านยายของนางเป็นคนรักสะอาดอย่างมาก กระทั่งที่หลับนอนก็ถูกซักล้างจนดูใหม่เอี่ยมอยู่เสมอ แขนเรียวยกขึ้นก่ายหน้าผาก นัยน์ตาดอกท้อเลื่อนลอยมองเพดานแทบไม่กะพริบ คิดอย่างไรก็คิดไม่ตก การกลับไปสู่วงจรอุบาทว์เดิมล้วนไม่เป็นผลดีอย่างแน่นอน

จู่ ๆ ฟู่ซูหนิงก็ดีดกายผึง ริมฝีปากสีกุหลาบยกโค้งบางเบา "ข้าคิดออกแล้ว"

ฟู่ซูหนิงผุดลุกขึ้นอีกครั้ง นางไม่อาจข่มตาให้หลับได้แล้วหากฉืออิ้งเทียนยังอยู่ที่นี่ เมื่อจัดแจงเสื้อผ้าเรียบร้อย ฟู่ซูหนิงก็หอบตนเองมายืนจังก้าที่หน้าเตียงผู้ป่วย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel