ตอนที่หนึ่ง ชมขบวน
ตอนที่หนึ่ง
ชมขบวน
“อิ๋งอิ๋ง วันนี้พวกเราไปอ้อนท่านแม่ขอออกไปเที่ยวเล่นดีหรือไม่ ข้าเบื่ออ่านตำราพวกนี้เต็มทนแล้ว”
เจียงลี่มี่ บุตรสาวแฝดพี่วัยเพียง15ขวบปีของราชครูเจียงชงซ่านเอ่ยกับแฝดสาวผู้น้อง
“ดีสิ ข้าเองก็เบื่อมาก ให้เจ้าอ้วนเฉิงอ่านไปคนเดียวเถอะ พวกเราออกไปหาขนมอร่อยกินกันดีกว่า ไปเถอะ มีมี่”
เจียงลี่อิน บุตรสาวแฝดน้องซึ่งคลอดออกมาห่างกันเพียงไม่ถึงครึ่งเค่อหันไปมองน้องชายเจียงเฉิงซึ่งยังคงนั่งขะมักเขม้นพลิกตำราอ่านอยู่ที่ริมหน้าต่าง
สองสาวจูงมือกันออกไปออดอ้อนผู้เป็นมารดาซึ่งทั้งรักทั้งหลงตามใจบุตรสาวฝาแฝดอย่างไม่ลืมหูลืมตา
ชิงเถาและชิงฮวา สาวใช้คู่ใจของแฝดพี่แฝดน้องเดินตามนายสาวไปอย่างใกล้ชิดพลางมองสบตากันอย่างไม่ว่าจะนานเพียงไรก็ยังคงไม่คุ้นชินกับคำเรียกขานอันแปลกประหลาดของเจ้านายสาว
แน่นอนว่าย่อมไม่มีผู้ใดคุ้นชิน ด้วยสองสาวเพิ่งใช้คำเรียกอีกฝ่ายราวเป็นเพื่อนสนิทโดยไม่นับพี่น้องเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา นอกเหนือจากนั้นฝาแฝดทั้งสองนางยังมีกิริยาท่าทางซึ่งผิดไปจากเดิม
แต่ด้วยผู้เป็นบิดามารดาไม่ใส่ใจไต่ถาม สาวใช้อย่างพวกนางหรือจะกล้าเรื่องมาก
เจียงลี่มี่จูงมือเจียงลี่อิน ขึ้นรถม้าหลังได้รับคำอนุญาตจากมารดาตามคาด
พวกนางมองสบตากันอย่างรู้ใจ แต่มิใช่เป็นการรู้ใจด้วยเป็นพี่น้องฝาแฝดซึ่งคลอดตามกันออกมา แต่หากคือการรู้ใจจากเพื่อนซึ่งประสบชะตากรรมเดียวกัน
ใช่แล้ว!
ภายในร่างกายบอบบางของหญิงสาวฝาแฝดทั้งสอง คือวิญญาณของมีมี่ และอิ๋งอิ๋ง สองสาวจากอีกยุคหนึ่งซึ่งบังเอิญหลุดเข้ามาตั้งแต่เมื่อห้าปีที่แล้ว
พวกนางเองก็เริ่มจดจำเรื่องมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ รู้เพียงว่าลืมตามาก็อยู่ในร่างเด็กน้อยซึ่งเกือบจมน้ำตาย หลังจากนั้นพวกนางก็ได้รับการดูแลเอาใจใส่ทะนุถนอมอย่างดีจากทั้งราชครูเจียงและเปาซื่อ จึงใช้ชีวิตอยู่ในร่างฝาแฝดสาวเรื่อยมา
แม้พวกนางจะมีกิริยาแปลกประหลาด และคำพูดอันไม่คุ้นเคยหลุดรอดออกมาอยู่เนืองๆ จนได้รับคำครหาว่าเป็นบุตรสาวแสนซนแสบซ่าไม่มีความเป็นกุลสตรีในห้องหอ
แต่ผู้เป็นมารดากลับคอยให้ท้ายแก้ตัวแทนว่าบุตรสาวยังเยาว์วัย ทุกการกระทำของพวกนางถูกมองว่าน่ารักน่าใคร่ไปเสียหมด นั่นจึงทำให้สองสาวใช้ชีวิตอย่างสุขสบายโดยไม่เคยเกรงกลัวผู้ใด
“ข้าได้ข่าวว่าจะมีขบวนของแม่ทัพพิทักษ์ชายแดนกลับมาในวันนี้ พวกเราไปดักรอชมดีหรือไม่” เจียงลี่มี่เอ่ยชวนแฝดผู้น้องด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น
“ขบวนทหารหยาบกร้านมีอันใดน่าชมกัน เอ!...หรือว่าเจ้ามีจุดประสงค์แอบแฝง หือ มีมี่” เจียงลี่อินเอียงคอหรี่ตามองแฝดผู้พี่อย่างรู้ทัน
“อย่าได้กล่าวเช่นนั้น...จะมีอันใด” กิริยากลบเกลื่อนบิดม้วนพร้อมสีหน้าซึ่งขึ้นสีแดงระเรื่อส่อพิรุธจนน้องสาวอยากกลั่นแกล้ง
“ไม่มีหรือ ได้ เช่นนั้นข้าไม่ไป”
“โธ่...ไปสักหน่อยเถิด อิ๋งอิ๋ง” เจียงลี่มี่เริ่มใช้การออดอ้อนอันเป็นความถนัด
“พวกเราไม่ได้ตั้งใจไปชมขบวนนั่น เพียงแวะกินขนมดื่มน้ำชาที่โรงน้ำชาตรงหัวมุมถนน เอาเป็นว่าข้าเลี้ยงเจ้าเอง ดีหรือไม่” นานทีผู้พี่สาวจะใจป้ำเพียงนี้
“เช่นนั้นก็ได้ ข้าจะกินให้อิ่มหนำทีเดียว” เจียงลี่อินได้แกล้งพี่สาวแล้วจึงพอใจหันไปตะโกนบอกให้คนขับรถม้ามุ่งหน้าไปทางที่ต้องการ
สองสาวจูงมือกันขึ้นไปเปิดห้องที่ทำเลดีที่สุดเพื่อรอชมริ้วขบวนของแม่ทัพผู้เกรียงไกรซึ่งชนะศึกกลับมา โดยมีสองสาวใช้ติดตามมายืนเฝ้าหน้าห้องตามหน้าที่
ไม่นานเสียงพูดคุยจากห้องข้างเคียงก็ดังแว่วเข้าหู
