ตอนที่หนึ่ง ชมขบวน2
ตอนที่หนึ่ง ชมขบวน
สองสาวจูงมือกันขึ้นไปเปิดห้องที่ทำเลดีที่สุดเพื่อรอชมริ้วขบวนของแม่ทัพผู้เกรียงไกรซึ่งชนะศึกกลับมา โดยมีสองสาวใช้ติดตามมายืนเฝ้าหน้าห้องตามหน้าที่
ไม่นานเสียงพูดคุยจากห้องข้างเคียงก็ดังแว่วเข้าหู
“ข้าได้ข่าวว่าแม่ทัพเซี่ยจิ้นกว่างผู้นี้ยังอายุไม่มาก แต่เก่งกล้าเกินวัย อีกทั้งหล่อเหลาไม่เบาทีเดียว”
“ย่อมแน่นอนอยู่แล้ว เจ้าไม่รู้หรือว่าแม่ทัพเซี่ยสนิทสนมกับซิ่วซิ่นของพวกเราตั้งแต่ยังเล็ก กลับมาคราวนี้ อีกไม่นานคงมีเรื่องน่ายินดีแน่”
“ซิ่วซิ่นของพวกเราเป็นถึงคุณหนูเสนาบดี ย่อมคู่ควรกับแม่ทัพผู้เกรียงไกร ว่าแต่เจ้าไม่ได้พบเขาหลายปีแล้ว จะแน่ใจได้อย่างไรว่าเขายังคงหล่อเหลาอยู่เช่นเดิม มิใช่ถูกคมดาบฟาดฟันจนมีบาดแผลไปเสียแล้วหรือ”
“อย่าได้เอ่ยเช่นนี้ ข้าได้ข่าวมาว่าแม่ทัพเซี่ยได้รับบาดเจ็บกลับมาจริงๆ ซิ่วซิ่น เจ้ารู้เรื่องนี้หรือไม่”
“ข้าไม่รู้ แต่อีกไม่กี่วันคงได้เข้าไปเยี่ยมพี่จิ้นกว่าง แล้วจะมาบอกพวกเจ้าก็แล้วกัน” เสียงหญิงสาวซึ่งน่าจะมีนามว่าซิ่วซิ่นเอ่ยออกมาก่อนจะตามด้วยเสียงหยอกล้อและหัวเราะต่อกระซิกกันอย่างสรวลเสเฮฮา
“มีมี่ เจ้าตั้งใจมาส่องแม่ทัพเซี่ยที่พวกเขาพูดถึงอยู่ใช่หรือไม่ หากใช่ คงต้องเร่งมือหน่อย ท่าทางคุณหนูซิ่วซิ่นผู้นี้จะหมายมั่นปั่นมืออย่างแน่วแน่ หากเดาไม่ผิด นางน่าจะเป็นบุตรสาวเสนาบดีกู่ซึ่งดูแลงานกลาโหม นับว่าคู่ควรเหมาะสมดุจกิ่งทองใบหยก” เจียงลี่อินรีบกระซิบถามแฝดผู้พี่ด้วยความหนักใจ
“เจ้าจำ’เซี่ยจิ้นกว่าง’ผู้นี้ไม่ได้หรือ เมื่อไม่กี่ปีก่อนเขาเคยเป็นลูกศิษย์ของท่านพ่อแล้วยังพักอาศัยอยู่ในจวนของเราระยะหนึ่งด้วย” เจียงลี่มี่ทบทวนให้น้องสาวฟัง
“ยามนั้นเขายังไม่ได้เก่งกล้าเช่นนี้ ข้ายังคิดว่าเขาจะเอาดีทางบุ๋น ไม่คาดว่าจู่ๆเขาก็อาสาออกรบแล้วยังสร้างผลงานจนไต่เต้าขึ้นเป็นแม่ทัพได้อย่างรวดเร็ว”
“อาจจะด้วยบิดามารดาของเขาถูกสังหารอย่างยังคงจับคนร้ายไม่ได้ จึงทำให้เขาเคียดแค้นจนต้องหาทางออกเช่นนี้ แต่เรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวกับพวกเราสักหน่อย” เจียงลี่อินยังคงปะติดปะต่อเรื่องราวความสัมพันธ์ไม่ได้
“ยามที่เขาพักอาศัยในจวนของเรา เคยช่วยข้าเอาไว้คราหนึ่ง” เจียงลี่มี่เล่าด้วยสีหน้าแดงก่ำ
“อย่าบอกนะว่า เจ้าชื่นชอบเขาตั้งแต่ตอนนั้น มีมี่เอ๋ย ยามนั้นร่างนี้เพิ่งจะมีอายุเท่าใดกัน เจ้าถึงกับ...เฮ้อ...” เจียงลี่อินทอดถอนใจ
“ร่างนี้มีอายุไม่เท่าใด แต่พวกเราเป็นสาวแล้ว เหตุใดจะมีความชอบชายหนุ่มมิได้เล่า” เจียงลี่มี่เถียงแต่ยังคงก้มหน้างุด
