ตอนที่สอง เรียกความสนใจ2
ตอนที่สอง เรียกความสนใจ
ชายหนุ่มบนหลังม้าเงยหน้าขึ้นมานิดหนึ่งก่อนจะโฉบสายตาผ่านไปรอบๆแล้วบังคับม้าเดินตรงไปอย่างไม่กระโตกกระตาก
“พวกเจ้าดูสิ แม่ทัพเซี่ยมองขึ้นมาจริงด้วย”
“เขามองมาทางข้า”
“ไม่จริง เขามองมาทางข้าต่างหาก”
“มองข้าต่างหาก เจ้าอย่าได้เพ้อเจ้อ”
“มองทุกคนนั่นแหละ”
เสียงถกเถียงกันอย่างเซ็งแซ่เรียกสติของเจียงลี่มี่ให้กลับคืนมา
ไม่ได้การ สายตาที่เขามองกวาดเมื่อครู่ไม่ได้หยุดลงตรงที่ใดที่หนึ่ง ขืนมัวรออยู่ตรงนี้ก็คงเป็นได้แค่หนึ่งในหญิงสาวซึ่งรอคอยความหวังลมๆแล้งๆ
นางต้องรุกคืบเพื่ออยู่ในสายตาเขาให้ได้
มิใช่เป็นเพียงคนนอกสายตาเช่นนี้
เจียงลี่มี่รีบวิ่งลงมาจากโรงน้ำชาจนสาวใช้วิ่งตามแทบไม่ทัน นางถลาพุ่งตัวเข้าไปขวางขบวนม้าศึกอย่างไม่กลัวตายจนเกือบถูกเหยียบหากมิใช่เซี่ยจิ้นกว่างยั้งเชือกเอาไว้จนสุดแรง
“ผู้ใดกัน มิรู้หรือว่าขบวนของแม่ทัพพิทักษ์ชายแดนกำลังเคลื่อนอยู่ บังอาจมาขวางหน้าเช่นนี้ ไม่เคยตายหรืออย่างไร” เสียงตวาดดุดันดังออกมาจากปากของรองแม่ทัพซุนจิวฝู ซึ่งขี่ม้าขนาบข้างมา
เจียงลี่มี่หัวใจแทบหยุดเต้นเมื่อเห็นเกือกม้าลอยอยู่ตรงหน้า ก่อนจะตั้งสติเอ่ยปากเมื่อเห็นว่าแม่ทัพหนุ่มควบคุมม้าได้แล้ว
“ข้าขอโทษ เพียงตั้งใจมาถามไถ่ด้วยความห่วงใย มิคิดว่ากลับยั้งเท้าไม่ทันจนเกิดเหตุเช่นนี้ พี่จิ้น ข้าขอโทษได้หรือไม่” เสียงออดอ้อนเปล่งออกมาพร้อมสีหน้าสลด
เซี่ยจิ้นกว่างเพ่งมองใบหน้าเล็กซึ่งพยายามสบตาแสดงความจริงใจ
ผู้ที่เรียกเขาด้วยคำคุ้นเคยมีอยู่เพียงไม่กี่คน เมื่อทบทวนดูดีดีจึงพอจดจำได้
“คุณหนูลี่มี่เองหรอกหรือ”
“ใช่ ข้าเอง พี่จิ้นไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่” เจียงลี่มี่ยิ้มแย้มอย่างมีความหวังเมื่อเขาจำตนเองได้
“ไม่เป็นไร เจ้าเล่า เป็นอันใดหรือไม่”
“ข้า...ไม่เป็นไร” หญิงสาวยิ้มกว้างจนฉีกแทบถึงรูหูเมื่อได้ยินคำถามซึ่งแสดงออกถึงความห่วงใยก่อนจะหุบยิ้มแทบไม่ทันเมื่อได้ยินคำต่อมา
“เช่นนั้นพวกเราค่อยคุยกันทีหลังเถอะ” เซี่ยจิ้นกว่างตัดบทด้วยไม่อยากให้เกิดคำครหานินทา ยามนี้พวกเขากำลังอยู่กลางตลาดซึ่งมีสายตาของผู้คนมากมาย
มิคาดว่ากลุ่มของเด็กสาว4-5คนกลับเดินมาขวางทางม้าอย่างเจตนาพร้อมท่าทีกระบิดกระบวนเอียงอายไม่พูดไม่จา
“ข้าต้องรีบไปรายงานตัว ขอเหล่าคุณหนูหลีกทางด้วย” เสียงเคร่งขรึมเอ่ยออกมา
พวกนางทำสิ่งใดกัน วุ่นวายนัก
กู่ซิ่วซิ่นอยากจะเอ่ยปากเจรจากับแม่ทัพหนุ่มดังเช่นหญิงสาวซึ่งยืนอยู่อีกข้าง แต่นางมัวกังวลมากมายจนมือไม้สั่นทำตัวไม่ถูก ทั้งร่างเกร็งค้างแข็งมีเพียงมือขยับบิดผ้าเช็ดหน้าไปมา สุดท้ายจึงได้แต่มองขบวนม้าศึกขี่จากไปโดยไม่ได้เอ่ยปากสักคำ
