บทที่ 7
เงาแห่งการทรยศ
กลิ่นหอมจาง ๆ ของยาสมุนไพรลอยอบอวลอยู่ในห้องพัก
สายลมยามเช้าพัดเอาไอหมอกบาง ๆ เข้ามา ปะทะกับผิวหน้าของฉันอย่างแผ่วเบา
ฉันนอนนิ่งอยู่บนเตียงไม้หอม
ไหล่ซ้ายพันผ้าพันแผลอย่างแน่นหนา
ความเจ็บปวดแผ่วเบาเตือนให้ข้าระลึกว่า
สิ่งที่เกิดขึ้นในคืนพระจันทร์เต็มดวง...ไม่ใช่ความฝัน
มันคือความจริง
และมันทำให้ข้าเห็นชัดขึ้นกว่าเดิมว่า —
ในสนามรบนี้ ข้าไม่อาจไว้ใจใครได้อีกต่อไป
**
"ท่านหญิง" เสียงชุนฮวาดังขึ้นเบา ๆ ข้างเตียง
ฉันหันหน้าช้า ๆ ไปสบตานาง
เห็นดวงตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยและโทษตัวเอง
"หม่อมฉันขอโทษเพคะ" นางเอ่ยเสียงสั่น
"หม่อมฉันไม่น่าปล่อยให้ท่านหญิงไปคนเดียวเลย..."
ฉันยกมือขึ้นเบา ๆ เป็นเชิงห้าม
"ไม่ใช่ความผิดของเจ้า"
เสียงของฉันเบา แต่หนักแน่น
"ข้าคิดแผนผิดเอง"
"ข้าประเมินศัตรูต่ำเกินไป"
และที่สำคัญ...
ข้าประเมินภัยจาก 'คนของตัวเอง' ต่ำเกินไปด้วย
**
สองวันถัดมา
ข้าเริ่มกลับมานั่งที่โต๊ะทำงานได้ แม้จะต้องพันผ้าพันแผลที่ไหล่ไว้ตลอดเวลา
แผนการใหม่ถูกวางเรียงรายอยู่บนกระดาษตรงหน้า
ข้าจะหาหนอนบ่อนไส้ในเรือนตัวเองให้เจอ
และข้าจะทำให้มันไม่มีโอกาสทรยศข้าอีก
**
"ชุนฮวา" ฉันเรียกเสียงเบา
นางรีบเข้ามาคุกเข่าเบื้องหน้า
"เพคะ ท่านหญิง"
"ข้าจะปล่อยข่าวลวงอีกครั้ง" ฉันกล่าว "แต่คราวนี้...แต่ละข่าวจะส่งผ่านคนละสาย"
"ข้าจะดูว่า ข่าวไหนรั่วออกไปก่อน"
"แล้วข้าจะรู้ว่า...หนอนอยู่ตรงไหน"
ดวงตาของชุนฮวาเบิกกว้างเล็กน้อย ก่อนนางจะพยักหน้ารับคำอย่างเคร่งขรึม
"รับทราบเพคะ"
**
ตลอดช่วงบ่ายวันนั้น
ฉันจัดทำเอกสารปลอมหลายชุด
บางชุดเป็นข่าวว่าข้าจะขอความช่วยเหลือจากขุนศึกเหนือ
บางชุดเป็นข่าวว่าข้ากำลังวางแผนหมั้นหมายใหม่กับตระกูลขุนนางฝ่ายตะวันตก
บางชุดเป็นข่าวว่าข้าเตรียมแอบหนีออกนอกวัง
แต่ละข่าว...
ฉันฝากผ่านข้ารับใช้ที่แตกต่างกันโดยตั้งใจ
**
และแล้ว...
ในคืนถัดมา
ชุนฮวานำข่าวกลับมาให้ฉัน
"ท่านหญิง" นางกระซิบ "ข่าวเรื่องท่านหญิงจะหนีออกนอกวัง ถูกลือไปทั่วแล้วเพคะ"
ฉันหรี่ตาลง
ข่าวนี้...
ฉันฝากผ่านสาวใช้คนหนึ่งในเรือนชื่อ "ซือหลาน"
ซือหลาน...เด็กสาวหน้าตาไร้พิษภัย ที่ข้าเคยเห็นว่าน่ารักน่าเอ็นดู
ข้าไม่เคยสงสัยนางมาก่อน
แต่ตอนนี้...
ข้าจะไม่ลังเลอีกต่อไป
**
"จับตัวซือหลานมา" ฉันสั่งเสียงเย็น
"เพคะ ท่านหญิง!"
เงาแห่งการทรยศ
ซือหลานถูกพามาคุกเข่าเบื้องหน้าฉันในห้องโถงหลักของเรือน
สีหน้าของนางซีดเผือด ดวงตาเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว
มือของนางสั่นระริกจนแทบกำชายเสื้อไว้ไม่อยู่
"ท่านหญิง...หม่อมฉันบริสุทธิ์เพคะ!" ซือหลานร้องไห้เสียงสั่น
น้ำตาไหลอาบแก้มเป็นสาย
ฉันนั่งสงบนิ่งอยู่บนเก้าอี้ไม้หอม
มือข้างหนึ่งจับพัดทองแน่น อีกมือหนึ่งลูบขอบถ้วยชาด้วยปลายนิ้วอย่างเชื่องช้า
"บริสุทธิ์?" ฉันกล่าวเสียงเรียบ
"แล้วเหตุใดข่าวเรื่องข้าจะหนีออกนอกวังจึงลือกันไปทั่ว?"
"ทั้งที่ข้าเล่าเรื่องนี้ให้เจ้าเพียงคนเดียว?"
ซือหลานตัวสั่นเทา ริมฝีปากขยับพะงาบ ๆ แต่ไร้เสียงตอบ
ฉันยิ้มบาง ๆ
"ข้าไม่ชอบเสียเวลา"
"สารภาพมาเสียเถิด"
"บางที...ข้าอาจเมตตาเจ้า"
**
ดวงตาของซือหลานเต็มไปด้วยความลังเลและความสิ้นหวัง
ในที่สุด นางก็ฟุบหน้าลงกับพื้น ร้องไห้สะอึกสะอื้น
"หม่อมฉัน...หม่อมฉันถูกบังคับเพคะ!"
"บ่าวจากตำหนักฝ่ายเหนือข่มขู่หม่อมฉัน!"
"พวกมันขู่จะทำร้ายครอบครัวของหม่อมฉันถ้าหม่อมฉันไม่ส่งข่าวให้!"
น้ำเสียงของนางสั่นเทาแทบจับความไม่ได้
ฉันนั่งฟังอย่างเย็นชา
ข้ารู้ดีว่าในวังหลวง...
ข้ออ้าง "ถูกบังคับ" เป็นข้ออ้างที่ใช้กันบ่อยที่สุด
และไม่ว่าความจริงจะเป็นเช่นไร...
ข้าก็ไม่สามารถปล่อยให้นางมีชีวิตอยู่อีกต่อไป
**
"เจ้ารู้หรือไม่" ฉันเอ่ยเสียงเบา
"การทรยศ...ไม่มีข้อแก้ตัวใดในโลกนี้"
ซือหลานหน้าซีดเผือด
นางพยายามคลานเข้ามากอดชายเสื้อฉัน
แต่ชุนฮวาก้าวเข้ามาขวางไว้อย่างรวดเร็ว
"นำตัวนางไปขังไว้ก่อน" ฉันสั่งเสียงเรียบ
"พรุ่งนี้...ข้าจะตัดสินโทษของนาง"
"เพคะ ท่านหญิง!"
**
หลังจากซือหลานถูกลากตัวออกไป
ฉันยังคงนั่งนิ่งอยู่กลางห้องโถงที่ว่างเปล่า
สายตาจ้องมองถ้วยชาว่างเปล่าตรงหน้า
ความรู้สึกเจ็บปวดแปลบในอกค่อย ๆ ก่อตัวขึ้น
ไม่ใช่เพราะการถูกหักหลัง
แต่เพราะข้ารู้ดีว่า...
จากนี้ไป
ข้าจะต้องระแวงแม้กระทั่งเงาของตัวเอง
**
ค่ำวันนั้น ฉันนั่งอยู่บนระเบียง
มองดวงจันทร์ครึ่งดวงแขวนตัวอยู่กลางฟ้า
ลมยามราตรีพัดเอากลิ่นหอมของดอกไม้แทรกซึมเข้ามา
แต่มันไม่สามารถลบล้างกลิ่นอายแห่งความระแวดระวังที่แผ่คลุมอยู่ในใจข้าได้
"ท่านหญิง..." ชุนฮวาเดินเข้ามาเงียบ ๆ
"ว่าไง" ฉันเอ่ยโดยไม่หันไปมอง
"บ่าว...บ่าวอยากถามเพคะ" นางลังเล
"ว่าในใจของท่านหญิง..."
"ยังไว้ใจใครบ้างหรือไม่"
**
ฉันนิ่งงันไปชั่วขณะ
คำถามของชุนฮวา
เหมือนกระบี่ที่กรีดลึกเข้าไปในหัวใจของข้า
ข้าหลับตาลงช้า ๆ
หวนคิดถึงใบหน้าของผู้คนมากมายที่ข้าเคยไว้ใจในอดีต
ใบหน้าที่ล้วนแต่จางหายไปพร้อมกับคำทรยศ
**
"ข้ายังไว้ใจตัวเองได้" ฉันเอ่ยเบา ๆ
"แค่นั้น...ก็มากพอแล้ว"
**
ชุนฮวาไม่กล่าวอะไรอีก
นางเพียงคุกเข่าเงียบ ๆ ข้างหลังข้า
ปล่อยให้สายลมแห่งราตรีพัดพาเอาความเงียบงันระหว่างเราล่องลอยไปกับดวงจันทร์ครึ่งดวงที่ลอยเด่นกลางฟ้า
**
คืนนั้น
ข้าสาบานกับตัวเอง
ว่าข้าจะไม่หวั่นไหวอีก
ไม่ว่าจะต้องสูญเสียมากเพียงใด
ข้าจะก้าวต่อไป
จนกว่าจะปีนขึ้นไปถึงยอดสูงสุดของวังหลวงนี้
ด้วยมือของข้าเอง
