บทที่ 8
กับดักกลางงานเลี้ยงตำหนักหลวง
เสียงฆ้องทองประกาศยามพลบค่ำดังก้องไปทั่ววังหลวง
ขับไล่แสงสุดท้ายของวันให้เลือนหายไปในม่านฟ้า
ค่ำคืนนี้ — ค่ำคืนแห่งงานเลี้ยงตำหนักหลวง
ค่ำคืนที่ทุกสายตาจะจับจ้องมาที่ข้า
เฟยหลิง
หญิงสาวที่ครั้งหนึ่งเคยถูกมองเป็นตัวตลกในวังหลวง
แต่คืนนี้...
ข้าจะเปลี่ยนทุกสายตานั้นให้ต้องยอมรับ
หรืออย่างน้อยที่สุด...ต้องหวาดกลัว
**
ฉันยืนอยู่หน้ากระจกทองเหลือง
มองเงาสะท้อนของตัวเองอย่างพินิจพิเคราะห์
ชุดที่เลือกสวมคืนนี้คือฮั่นฝูสีม่วงเข้ม ปักลายมังกรเงินอย่างงดงาม
สายสะพายไหมทองผูกเอวแน่นรับกับรูปร่าง
เส้นผมเกล้ามวยสูงประดับด้วยปิ่นหยกขาวที่ส่องประกายเมื่อกระทบแสงตะเกียง
ใบหน้าแต่งแต้มบางเบา
เพียงพอให้ดูโดดเด่น แต่ไม่มากจนกลายเป็นเป้าสนใจเกินไป
สายตาที่จ้องมองตัวเองในกระจก...
เฉียบคม มั่นคง และเยือกเย็น
**
"ท่านหญิง" ชุนฮวาเอ่ยเสียงเบา "ทุกอย่างพร้อมแล้วเพคะ"
ฉันพยักหน้าเบา ๆ
"ไปกันเถอะ"
**
โถงรับรองของตำหนักหลวงถูกประดับตกแต่งอย่างงดงามราวกับอยู่ในห้วงฝัน
ผ้าม่านแพรสีทองปลิวไสวรับกับสายลมยามค่ำ
โคมไฟแก้วเจียระไนส่องแสงระยิบระยับตลอดทางเดิน
เหล่าขุนนาง ขันที นางกำนัล และแขกเหรื่อต่างแต่งกายงดงาม ห้อมล้อมอยู่ในงาน
เสียงเครื่องดนตรีเบา ๆ ดังกล่อมบรรยากาศให้อ่อนนุ่ม
แต่เบื้องหลังรอยยิ้ม และคำทักทายที่หวานล้ำเหล่านั้น
ข้าสัมผัสได้ถึงเขี้ยวเล็บที่ซ่อนเร้นอยู่ในเงามืด
**
เมื่อข้าและคณะเดินทางมาถึงหน้าประตูโถงงาน
สายตาหลายคู่ก็หันมาจับจ้องทันที
ข้าเห็นแววตาหลากหลายที่ฉายออกมา
บางคู่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
บางคู่เต็มไปด้วยความดูแคลน
บางคู่...ซ่อนรอยยิ้มร้ายกาจเอาไว้ไม่มิด
แต่ข้าเพียงยกยิ้มบาง ๆ
ยืดอกตั้งตรง ก้าวเดินเข้าไปอย่างมั่นคง
ทุกก้าวที่ข้าเดิน
ข้าประกาศให้รู้ว่า
เฟยหลิงกลับมาแล้ว
และเฟยหลิงคนใหม่...
ไม่ใช่เหยื่อที่พวกเจ้าจะขย้ำได้ง่าย ๆ อีกต่อไป
**
เสียงกระซิบกระซาบเริ่มดังแว่วมาเป็นระยะ
ขณะข้าเดินผ่านกลุ่มแขกเหรื่อ
"นั่นท่านหญิงเฟยหลิงหรือ?"
"นางดูเปลี่ยนไปมาก..."
"ข้าได้ยินว่าฮองเฮาไม่พอพระทัยนางอยู่มิใช่หรือ?"
ข้าเพียงเดินต่อไปโดยไม่สนใจ
ในเกมนี้
ผู้ที่หยุดฟังเสียงซุบซิบนินทา...
ก็คือผู้ที่พ่ายแพ้
**
เมื่อข้าเข้าไปถึงกลางโถงรับรอง
ขันทีผู้นำพิธีประกาศเสียงกังวาน
"ท่านหญิงเฟยหลิงแห่งตระกูลฉิน เข้าเฝ้าพระพันปีและฮองเฮา!"
เสียงประกาศจบลง
ข้าคุกเข่าคำนับอย่างสง่างาม
ใบหน้าก้มลงต่ำ แต่ดวงตาที่มองจากใต้ขนตา
จับจ้องไปยังบัลลังก์สูงเบื้องหน้า
พระพันปีในชุดคลุมสีทองลายมังกรนั่งสงบนิ่ง
ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มอ่อนโยน
ข้างกายนางคือฮองเฮา — หญิงสาวผู้เปี่ยมไปด้วยอำนาจและความเฉียบคม
ดวงตาของฮองเฮามองข้าราวกับมีดคมกริบ
กวาดผ่านร่างข้าอย่างประเมินราคา
ฉันยิ้มบาง ๆ
สงบเยือกเย็นไม่หวั่นไหว
เกมนี้...
เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น
กับดักกลางงานเลี้ยงตำหนักหลวง
เมื่อข้าคำนับเสร็จแล้ว
พระพันปียกพระหัตถ์ขึ้นเบา ๆ เป็นเชิงอนุญาตให้ลุกขึ้น
"ลุกขึ้นเถิด ท่านหญิงเฟยหลิง" พระสุรเสียงอ่อนโยนเอ่ย
ฉันลุกขึ้นอย่างสง่างาม
พัดทองในมือวางแนบข้างลำตัวอย่างเป็นธรรมชาติ
ท่าทีไม่สูงไม่ต่ำ — สง่างามแต่ไม่ท้าทาย
บรรยากาศในโถงงานค่อย ๆ คลายความตึงเครียดชั่วคราว
ข้าถูกเชิญให้ร่วมโต๊ะเลี้ยงในตำแหน่งที่ไม่ห่างจากหน้าพระที่นั่งมากนัก
ตำแหน่งนี้...
แปลว่าข้ายังได้รับการยอมรับในฐานะ “เบี้ยตัวหนึ่ง” ที่ยังมีค่าในเกมของพวกเขา
**
เสียงเครื่องดนตรีขับกล่อมดังขึ้นอีกครั้ง
เหล่านางรำโค้งตัวเริ่มต้นร่ายรำอย่างพลิ้วไหวกลางลานโถง
อาหารเลิศรสถูกทยอยนำมาเสิร์ฟ
สุรารสเลิศบรรจุอยู่ในเหยือกหยก
กลิ่นหอมหวานแผ่กระจายไปทั่ว
ทุกอย่างดูราวกับคืนแห่งความสุข
แต่ข้ารู้ดี...
ภายใต้ความหรูหราฟุ่มเฟือยนี้
ซ่อนอสรพิษนับไม่ถ้วน
และหนึ่งในนั้น...กำลังจ้องเขมือบข้าอยู่
**
"ท่านหญิงเฟยหลิง"
เสียงหวานดังขึ้นข้างตัว
ข้าหันไปมอง พบว่าผู้พูดคือคุณหนูหมิงฮวา บุตรีขุนนางใหญ่ฝ่ายตะวันตก
หญิงสาวที่ขึ้นชื่อเรื่องความงดงามและความเฉลียวฉลาด...พอ ๆ กับความเจ้าเล่ห์
"ได้ยินว่าท่านหญิงประชวรอยู่นาน"
นางยิ้มบาง ๆ
"ตอนนี้หายดีแล้วหรือเพคะ?"
ข้ายกพัดทองขึ้นแตะริมฝีปาก ยิ้มตอบอย่างอ่อนหวาน
"ขอบคุณสำหรับความห่วงใยเพคะ คุณหนูหมิงฮวา"
"บัดนี้ข้าแข็งแรงดีแล้ว"
เสียงของข้านุ่มนวล ราบเรียบ
ไร้ซึ่งช่องโหว่ให้จับผิด
**
"งั้นก็ดีแล้วเพคะ" หมิงฮวายิ้มหวาน
"ดื่มสุราฉลองด้วยกันสักถ้วยเถิดเพคะ"
นางยื่นถ้วยสุรามาให้ด้วยมือเรียวงาม
ทุกสายตารอบข้างแอบเหลือบมอง
รอยยิ้มบาง ๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าหลายคน
นี่คือด่านแรก
กับดักที่พวกเขาหวังให้ข้าตกลงไป
**
ฉันยกพัดทองขึ้นปิดริมฝีปากเบา ๆ
ก่อนกล่าวเสียงหวาน
"ข้าเพิ่งหายป่วย"
"แพทย์หลวงสั่งห้ามข้าดื่มสุราเพคะ"
"เกรงว่าหากฝ่าฝืน...จะทำให้พระพันปีทรงไม่สบายพระทัย"
คำพูดของข้า
ปฏิเสธได้อย่างนุ่มนวล
โยนภาระไปยังพระพันปี
จนไม่มีใครกล้าเซ้าซี้ต่อ
**
หมิงฮวายิ้มค้างไปครู่หนึ่ง
ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ พลางเก็บถ้วยสุรากลับไปอย่างงดงาม
"ท่านหญิงรอบคอบสมกับกิตติศัพท์เพคะ"
ข้าเพียงยิ้มบาง ๆ ตอบ
แต่ในใจ...กลับระวังตัวมากขึ้นอีกเท่าตัว
**
เวลาผ่านไป
เสียงดนตรี เสียงหัวเราะ และเสียงสนทนาเริ่มดังขึ้นทั่วโถง
แต่ข้าสังเกตได้ชัดเจน
มีสายตาหลายคู่...
จับจ้องมาที่ข้าอย่างไม่วางตา
ทั้งสายตาอวี้เหวินหรงที่นั่งอยู่ไกลออกไป
ทั้งสายตาของขันทีใหญ่ประจำวัง
ทั้งสายตาของพระสนมหลี่ที่นั่งสง่างามอยู่ข้างพระพันปี
ทุกคน...กำลังรอคอยบางสิ่ง
บางสิ่งที่จะทำให้ข้าล้ม
**
และแล้ว...
เหตุการณ์ก็เกิดขึ้น
**
จานอาหารตรงหน้าข้าส่งกลิ่นหอมหวานผิดปกติ
กลิ่นหอมแรงเกินธรรมดา
แทรกกลิ่นดอกไม้ในอากาศอย่างชัดเจน
ข้าขยับตัวเล็กน้อย
ทำทีเป็นเอื้อมมือไปหยิบถ้วยชา
แต่หางตาจับภาพได้ชัดเจน
นางกำนัลที่เสิร์ฟจานนี้ให้ข้า...
สั่นมือเล็กน้อยอย่างไม่ปกติ
**
ข้ายกพัดทองขึ้นอย่างเชื่องช้า
โบกเบา ๆ เหนือจานอาหาร
กลิ่นหอมแรงฉุนขึ้นอีก
สมุนไพรบางชนิดที่ใช้วางยา...จะปล่อยกลิ่นเมื่อโดนลม
ข้าสรุปได้ทันที
อาหารจานนี้
มีพิษ
**
ฉันยิ้มบาง ๆ
ก่อนผลักจานอาหารเบา ๆ ไปยังสาวใช้ที่อยู่ด้านข้าง
"ข้ามิหิวแล้ว" ฉันกล่าวเสียงนุ่ม
สาวใช้ผู้นั้นตกใจเล็กน้อย
แต่รีบก้มหน้ารับจานไปโดยไม่กล้าเอ่ยอะไร
ข้าแสร้งทำเป็นไม่สนใจ
แต่ภายในใจตื่นตัวสูงสุด
เกมเริ่มขึ้นแล้ว
และข้าจะไม่แพ้
ข้าทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น
นั่งยิ้มพลางจิบชาดำเบา ๆ ราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
แต่ในใจ...
ข้าเริ่มเดินเกมสวนกลับ
**
"ชุนฮวา" ฉันกระซิบเบา ๆ ขณะก้มลงรินชา
นางขยับตัวเข้ามาใกล้โดยไม่เป็นที่สังเกต
"เพคะ ท่านหญิง"
"เปลี่ยนจานนั้นไปเสิร์ฟที่โต๊ะคุณหนูหมิงฮวาแทน"
น้ำเสียงของฉันเบาราวกับสายลม
ชุนฮวาก้มศีรษะรับคำ
แล้วเคลื่อนตัวอย่างแนบเนียนไปรับจานอาหารที่เต็มไปด้วยกลิ่นพิษรุนแรงนั้น
**
ไม่นานหลังจากนั้น
ฉันก็เห็นสาวใช้คนหนึ่งนำจานนั้นไปเสิร์ฟที่โต๊ะของหมิงฮวาอย่างแนบเนียน
หมิงฮวาไม่ได้ทันสังเกต
นางกำลังหัวเราะสนทนากับคุณหนูคนอื่นอย่างอารมณ์ดี
แต่ข้า...
กลับนั่งเงียบ มองภาพทุกอย่างด้วยแววตาเย็นเยียบ
**
เมื่อหมิงฮวาใช้ตะเกียบคีบอาหารขึ้นมา
ข้าก็กล่าวขึ้นเสียงใส
"คุณหนูหมิงฮวา" ข้าส่งเสียงเรียก
นางชะงัก กำลังจะคีบอาหารใส่ปาก
"อาหารจานนั้น..." ข้าพูดเบา ๆ แต่ชัดเจน
"มีกลิ่นหอมเกินธรรมดาเสียหน่อยหรือไม่?"
ทุกสายตาหันขวับมาที่โต๊ะของนางทันที
หมิงฮวาหน้าถอดสี
รีบวางตะเกียบลงแทบไม่ทัน
พระพันปีเลิกคิ้วขึ้น
ฮองเฮาหรี่ตาลงอย่างจับสังเกต
เสียงซุบซิบดังขึ้นรอบโถงงาน
**
ขันทีหลวงก้าวเข้ามา
ตรวจสอบจานอาหารอย่างรวดเร็ว
"กราบทูลพระพันปี..." เขากราบลงต่ำ
"ในจานนี้...พบสมุนไพรที่มีพิษจริงเพคะ"
โถงงานตกอยู่ในความเงียบงันชั่วขณะ
**
สายตาทุกคู่พุ่งมาที่หมิงฮวา
รวมถึงสายตาของพระพันปีด้วย
"คุณหนูหมิงฮวา" พระพันปีตรัสเสียงเย็น
"เจ้ามีอะไรจะกล่าวอธิบายหรือไม่?"
หมิงฮวาหน้าซีดเผือด
ก้มหน้าลงจนแทบซุกพื้น
"หม่อมฉัน...หม่อมฉันไม่รู้เพคะ!" นางร้องเสียงสั่น
**
ข้านั่งสงบนิ่ง
ยกถ้วยชาขึ้นจิบเบา ๆ ราวกับไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ
แต่ในใจ...
ฉันหัวเราะอย่างเยือกเย็น
หมากลวงนี้...
พวกเจ้าตกลงไปเอง
**
พระพันปีมิได้ตรัสลงโทษในที่นั้น
แต่เพียงแค่สายตาเย็นเฉียบที่ประทานให้หมิงฮวา...
ก็มากพอที่จะทำลายชื่อเสียงของนางไปตลอดกาล
**
ข้าคิดว่าทุกอย่างจะจบลงเท่านี้
แต่แล้ว...
เสียงหวีดร้องแหลมก็ดังขึ้นจากอีกมุมหนึ่งของโถงงาน
"ท่านหญิงเฟยหลิงถูกทำร้าย!"
เสียงร้องทำให้บรรยากาศที่เงียบงันอยู่แล้ว
ยิ่งแตกตื่นวุ่นวาย
**
ฉันหันขวับไปตามต้นเสียง
เห็นร่างชายชุดดำพุ่งตรงเข้ามาทางข้าอย่างรวดเร็ว
ในมือถือมีดสั้นวาววับ สะท้อนแสงจันทร์แสบตา
เวลานั้น...
ทุกอย่างเหมือนหยุดนิ่ง
**
ชุนฮวาพุ่งเข้ามาขวางหน้าอย่างรวดเร็ว
แต่นางตัวเล็กเกินไป จะต้านทานได้
ฉันเบี่ยงตัวหลบมีดอย่างฉับไว
พัดทองในมือฟาดใส่ข้อมือของชายชุดดำเต็มแรง
เสียงกระดูกหักดัง "กร๊อบ"
มีดหลุดจากมือชายชุดดำกระเด็นไปตกบนพื้น
องครักษ์วังหลวงกรูกันเข้ามารวบตัวเขาทันที
**
ข้ายืนหอบหายใจหนัก
มองชายชุดดำที่ถูกจับกดลงกับพื้น
ในแววตาเขา...
มีแต่ความเกลียดชังลึกจนแทบกลายเป็นความคลั่ง
"เจ้ามาจากไหน!" ขันทีหลวง quátถามเสียงดัง
ชายชุดดำเพียงหัวเราะเยาะเบา ๆ
ไม่เอ่ยคำใด
**
ข้าหรี่ตาลง
เรื่องนี้...
ไม่ใช่แค่การวางยาพิษ
ไม่ใช่แค่เกมทำลายชื่อเสียง
แต่มันคือการ "หมายเอาชีวิต"
และที่น่ากลัวกว่านั้น...
เบื้องหลังของชายชุดนี้
ต้องมีใครบางคนสั่งการอยู่
**
ในค่ำคืนที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและสุรานี้เอง
กับดักที่แท้จริงได้เผยตัวออกมาแล้ว
และข้า...
ต้องเตรียมตัวให้พร้อม
สำหรับสงครามที่ใหญ่กว่าทุกสงครามที่ผ่านมา
