บท
ตั้งค่า

บทที่ 6

หมากลวงในคืนพระจันทร์เต็มดวง

กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกเหมยปลิวตามสายลมยามเช้าเข้ามาในห้อง

ผสมกับกลิ่นชาอุ่นที่ลอยขึ้นจากถ้วยกระเบื้องเคลือบบนโต๊ะไม้

ฉันนั่งสงบนิ่งอยู่บนเบาะปักลวดลายกิ่งเหมย

สายตาจ้องมองแผนที่วังหลวงที่ปูอยู่ตรงหน้า

นิ้วเรียวยาวลากไปตามเส้นทางเชื่อมโยงระหว่างตำหนักใหญ่

ตำหนักฮองเฮา...ตำหนักฝ่ายตะวันตก...ตำหนักอวี้เหวินหรง...

ทุกจุด...ทุกทางเดินลับ...ทุกเส้นทางติดต่อที่เป็นไปได้

ข้ากำลังวางหมากลวงใหญ่

หมากที่จะบีบให้ศัตรูที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืด

ต้องออกมาเผยตัวด้วยมือของมันเอง

**

"ชุนฮวา" ฉันเอ่ยเรียก

สาวใช้คนสนิทรีบก้าวเข้ามาคุกเข่าเบื้องหน้าอย่างนอบน้อม

"เพคะ ท่านหญิง"

"ส่งคนไปกระจายข่าว" ฉันกล่าวเสียงเรียบ

"ข่าวว่าข้า...กำลังลักลอบติดต่อขุนศึกใหญ่ทางเหนือ"

ชุนฮวาเบิกตากว้างเล็กน้อย แต่รีบก้มหน้ายอมรับคำสั่งทันที

"รับทราบเพคะ ท่านหญิง"

"จำไว้นะ" ฉันกระซิบเสียงต่ำ "อย่าให้ดูจงใจเกินไป"

"ข่าวลือที่ดีที่สุด...คือลือโดยที่ไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นต้นตอ"

"เพคะ" นางตอบอย่างแข็งขัน

**

ข้าทราบดีว่าข่าวลือสามารถทำลายได้ทุกสิ่ง

ในโลกแห่งอำนาจ

ความเชื่อที่ปลูกฝังด้วยข่าวลือบางครั้งก็ร้ายแรงยิ่งกว่ากองทัพทั้งกองทัพ

**

ตลอดช่วงบ่ายวันนั้น

ข้าทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เดินเล่นในสวนเหมยเช่นทุกวัน

พูดคุยกับชุนฮวาเรื่องดอกไม้ เรื่องกาพย์กลอนเก่า ๆ อย่างสงบนิ่ง

แต่เบื้องหลังนั้น...

ข้ากำลังฟัง

ฟังเสียงลือกระซิบที่ค่อย ๆ ไหลผ่านลม

ฟังข่าวที่ข้าปล่อยออกไป

ค่อย ๆ เติบโตเป็นเถาวัลย์พันเกี่ยวหัวใจผู้คน

**

สามวันต่อมา

ผลลัพธ์ก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้น

"ท่านหญิง" ชุนฮวาเอ่ยขณะส่งม้วนกระดาษลับมาให้ข้า

ฉันกางม้วนกระดาษออกอ่านเงียบ ๆ ใต้แสงตะเกียงน้ำมัน

มีคนของฝ่ายฮองเฮาแอบสืบเสาะรอบเรือนข้า

มีข้ารับใช้ในวังฝ่ายเหนือส่งข่าวออกนอกวังแบบลับ ๆ

และที่สำคัญที่สุด...

ตำหนักของอวี้เหวินหรงมีการขยับคนเงียบ ๆ ในเวลากลางคืน

ฉันยกยิ้มบาง ๆ

หมากลวงได้ผล

ทุกฝ่ายเริ่มขยับตัวตามที่ข้าคาดไว้

**

แต่ในความพึงพอใจนั้นเอง

ข้าก็เริ่มรู้สึกถึงบางสิ่งที่ผิดปกติ

ข่าวบางสายกลับไม่ตรงกัน

เส้นทางบางเส้นที่ควรจะว่างเปล่ากลับมีการเคลื่อนไหวประหลาด

และที่สำคัญที่สุด...

มีคนแอบติดตามข้าในขณะที่ข้าเดินเล่นในสวนในยามเย็น

**

ข้าแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

แต่ในใจกลับตื่นตัวถึงขีดสุด

ใคร?

ใครกำลังซ้อนแผนข้าอีกที?

ใครกำลังเดินเกมที่ข้าไม่ได้วางไว้?

**

ยามค่ำของคืนพระจันทร์เต็มดวงมาถึง

แสงจันทร์ส่องลอดผ่านม่านบาง สาดเงาจาง ๆ บนพื้นไม้ขัดมัน

ฉันยืนอยู่กลางห้อง

พัดทองในมือสะท้อนแสงจันทร์วาววับ

คืนนี้...

เป็นคืนที่ข้าตั้งใจจะดูผลของหมากลวงที่วางไว้

แต่กลับกลายเป็น...

คืนที่ข้าเริ่มตระหนักว่า

ข้าเองก็อาจกำลังติดอยู่ในใยแมงมุมของใครบางคนเช่นกัน

หมากลวงในคืนพระจันทร์เต็มดวง

เงาจันทร์สาดแสงเย็นเฉียบลงบนพื้นไม้ขัดมัน

ทำให้ห้องทั้งห้องดูราวกับถูกชะล้างด้วยหมอกสีเงินบางเบา

ฉันยืนอยู่กลางห้องด้วยท่าทีสงบนิ่ง

มือหนึ่งกำด้ามพัดทองแน่น อีกมือหนึ่งซุกซ่อนอาวุธเล็ก ๆ ที่เตรียมไว้ใต้ชายแขนเสื้อ

สายลมยามค่ำพัดเอากลิ่นดอกเหมยปลิวลอยเข้ามา

ขับกล่อมให้ค่ำคืนนี้ดูงดงามราวกับบทกวี

แต่ข้ารู้ดี...

ภายใต้ความงดงามนี้

มีอันตรายรอข้าอยู่ในเงามืด

**

"ท่านหญิง" เสียงกระซิบเบา ๆ ดังขึ้นจากเงามุมห้อง

ชุนฮวาโผล่ออกมาเงียบ ๆ

ในมือมีม้วนกระดาษเล็ก ๆ ที่ซ่อนอย่างแนบเนียนใต้ชายเสื้อ

ฉันรับมันมาอย่างรวดเร็ว กางออกอ่านภายใต้แสงจันทร์

เนื้อความสั้น ๆ แต่ทำให้หัวใจฉันเต้นแรง

"ตำหนักฝ่ายเหนือมีการเรียกประชุมลับในยามวิกาล"

"ตำหนักอวี้เหวินหรงเริ่มเคลื่อนกำลังข้ารับใช้สายลับ"

"มีข่าวลือว่าฮองเฮากำลังเคลื่อนมือซ้ายคนใหม่เข้าใกล้ตำหนักเจิ้นหวัง" (ตำหนักขององค์ชายที่มีสิทธิ์สืบราชสมบัติ)

ฉันหลับตาลงช้า ๆ

ทุกฝ่าย...

เริ่มเคลื่อนไหวพร้อมกันในคืนนี้

และข้า...

คือตัวแปรที่พวกเขาต่างจับจ้อง

**

"ท่านหญิง" ชุนฮวาเอ่ยอย่างลังเล "บ่าวเป็นห่วงเพคะ คืนนี้อันตรายเกินไป"

ฉันลืมตาขึ้น สบกับสายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยของนาง

ข้ายกยิ้มบาง ๆ

"ข้ารู้"

"แต่เราต้องไป"

**

หลังจากเตรียมตัวอย่างรอบคอบ

ฉันเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดคลุมสีดำเนื้อเบา

ซ่อนเร้นรูปร่างได้แนบเนียนในความมืด

พัดทองที่เคยถือเป็นเครื่องประดับบัดนี้กลายเป็นอาวุธ

ใบพัดแข็งพอที่จะฟาดคอศัตรูได้หากจำเป็น

ฉันและชุนฮวาเคลื่อนตัวออกจากเรือนพักอย่างเงียบเชียบ

หลบเลี่ยงสายตาขององครักษ์และข้ารับใช้ทั้งหลาย

คืนนี้...

ข้าต้องไปยังตำหนักรกร้างที่อยู่นอกเส้นทางหลักของวังหลวง

ตำหนักที่สายลับของข้าได้ข่าวว่าอาจมีการนัดพบลับ ๆ ของฝ่ายตรงข้าม

**

เส้นทางในวังหลวงยามค่ำคืนเงียบงันจนน่าขนลุก

แสงจันทร์ส่องลอดผ่านกิ่งเหมยที่แกว่งไกวตามแรงลม

ทอดเงาโยกไหวราวกับมือผีที่พยายามไขว่คว้า

ฉันและชุนฮวาหยุดทุกครั้งที่ได้ยินเสียงฝีเท้าหรือเสียงกระซิบแผ่วเบา

ใช้เงามืดของแนวต้นไม้และระเบียงเรือนเป็นเครื่องกำบัง

หัวใจเต้นแรงด้วยความตื่นตัวสูงสุด

ทุกย่างก้าวคือความเสี่ยง

แต่ข้าต้องไปให้ถึง

ไม่เช่นนั้น ข้าจะไม่มีทางรู้เลยว่า

ศัตรูของข้าคือใคร

และข้าควรลงมือกับพวกมันอย่างไร

**

ในที่สุด เราก็มาถึงหน้าตำหนักร้าง

ประตูไม้สีดำปิดสนิท

ไร้แสง

ไร้เสียง

แต่ในความเงียบนั้นเอง...

ข้ากลับรู้สึกได้ถึง "บางสิ่ง" ที่ผิดปกติ

สัญชาตญาณกระซิบบอกข้าให้ระวังตัว

"ชุนฮวา" ฉันกระซิบเบา ๆ

"เพคะ?"

"ซ่อนตัว...ไม่ว่าอย่างไร อย่าออกมา จนกว่าข้าจะเรียก"

"แต่ท่านหญิง—"

"อย่าเถียง" ฉันตัดบทแน่วแน่

**

ฉันก้าวเข้าไปในตำหนักเพียงลำพัง

ประตูไม้เก่ากรอบแกรบยามที่ข้าผลักเข้าไป

กลิ่นอับชื้นและฝุ่นเก่า ๆ ตีขึ้นมาแทบทำให้หายใจไม่ออก

ภายในมืดสลัว

มีเพียงแสงจันทร์ที่ลอดผ่านช่องหน้าต่างแตก ๆ

ฉันก้าวเดินอย่างระมัดระวัง

พัดทองในมือแนบชิดลำตัว พร้อมจะฟาดหากมีภัยใกล้ตัว

และในขณะนั้นเอง...

เสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังขึ้นจากเงามืด

**

ฉันชะงักกึก

หัวใจเต้นระรัว

"ใคร!" ฉันเอ่ยเสียงเฉียบ

ไม่มีเสียงตอบ

มีเพียงเสียงก้าวเท้าที่ค่อย ๆ เคลื่อนเข้ามาใกล้

ฉันกำด้ามพัดแน่น

ร่างกายตึงเครียดถึงขีดสุด

เงาดำร่างหนึ่งโผล่ออกมาจากความมืด

"ท่านหญิงเฟยหลิง..." เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นอย่างเยือกเย็น

ฉันเพ่งมองเงานั้นอย่างระมัดระวัง

และทันทีที่แสงจันทร์สาดกระทบใบหน้าของเขา

หัวใจของฉันแทบหยุดเต้น

**

ชายคนนั้น...

คือองครักษ์คนสนิทของอวี้เหวินหรง

คนที่ข้าไม่เคยระแคะระคายแม้แต่น้อยว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง

เขายิ้มบาง ๆ

รอยยิ้มที่เย็นเยียบจนข้ารู้สึกถึงลมหายใจของความตาย

"ท่านหญิงช่างกล้าเสียนัก" เขากระซิบเบา ๆ

"บุกเดี่ยวเข้ามาถึงที่นี่ด้วยตัวเอง"

"หรือว่าท่านหญิง...คิดว่าตัวเองฉลาดกว่าทุกคน?"

**

ฉันไม่ตอบ

เพียงกำพัดทองในมือแน่นขึ้น

ในใจพลันรู้ชัด

ข้าไม่ใช่คนเดียวที่วางหมากลวงในวังหลวง

ศัตรูของข้า...

ก็วางกับดักซ้อนมาอีกชั้นหนึ่ง

เพื่อดักจับข้าในคืนนี้

หมากลวงในคืนพระจันทร์เต็มดวง

เงาดำก้าวเข้ามาใกล้ทีละน้อย

ทุกย่างก้าวของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ

เหมือนนักล่าที่รู้ดีว่าเหยื่อไม่มีทางหนีรอดจากเงื้อมมือ

ฉันขยับเท้าอย่างแนบเนียน

ถอยหลังทีละก้าว

มองหาเส้นทางหลบหนี

แต่ตำหนักร้างแห่งนี้...

ถูกสร้างขึ้นราวกับกับดัก

ทางเข้าออกทุกทางถูกจำกัดด้วยผนังหนาหนัก

หน้าต่างถูกตีไม้กั้นไว้เกือบหมด

ฉันเม้มริมฝีปากแน่น

หนนี้...

ข้าตกหลุมพรางเสียเอง

**

"ท่านหญิง" เขาเอ่ยเสียงนุ่มเหมือนกำลังปลอบโยน

แต่ในแววตากลับไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของความเมตตา

"ไม่ต้องกลัว"

"ข้าเพียงต้องการพาท่านไปพบท่านชายเท่านั้น"

ฉันหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ

"พบ..." ฉันทวนคำ "หรือจับ?"

ชายคนนั้นยิ้มบาง ๆ

"ไม่ต่างกันกระมัง"

**

ฉันสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ

เรียกสติกลับคืน

ข้าจะไม่ถูกจับง่าย ๆ เช่นนี้

ต่อให้ต้องสู้...

ข้าก็จะลากพวกมันลงนรกไปด้วยกัน!

**

ทันใดนั้น ฉันกระชากพัดทองออก

เหวี่ยงฟาดเข้าใส่ข้อมือของชายตรงหน้าอย่างรวดเร็ว

เขาเบี่ยงตัวหลบอย่างรวดเร็วเช่นกัน

แต่มันก็ทำให้ฉันได้จังหวะกระโดดถอยหลังออกมา

"จับนางไว้!" เสียงเขาตะโกนสั่งทันที

จากเงามืดด้านข้าง มีชายสวมชุดดำอีกสองคนโผล่ออกมา

พุ่งเข้าหาฉันจากสองทิศทางพร้อมกัน

**

ฉันหอบหายใจแรง

ร่างกายตึงเครียดสุดขีด

สองมือกำด้ามพัดทองแน่น

วาดวงฟาดใส่คนแรกที่กระโจนเข้ามาอย่างแรง

เสียง "เพียะ!" ดังขึ้น

ชายคนนั้นเซถอยหลังไปสามก้าว

แต่คนที่สองก็ตามติดมาติด ๆ

ฉันเหวี่ยงพัดทองขึ้นปัดมือที่พุ่งมา แต่แรงของฝ่ายนั้นมากกว่าที่ฉันคาด

ร่างของฉันกระเด็นถอยหลังไปกระแทกกับเสาไม้

แรงกระแทกทำให้ไหล่ซ้ายชาไปทั้งแถบ

**

"จับนาง!" ชายคนนำสั่งเสียงกร้าว

ข้ากัดฟันแน่น พยายามยันตัวลุกขึ้น

หัวใจเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง

แต่ในสายตา...กลับมีเพียงความดุดันแน่วแน่

ข้าจะไม่ถูกจับ

เด็ดขาด!

**

ทันใดนั้นเอง

เสียงหวีดแหลมของธนูแหวกอากาศก็ดังขึ้น

"ฟิ้ว!"

ลูกธนูดอกหนึ่งพุ่งมาปักลงตรงหน้าชายชุดดำที่พุ่งเข้าใส่ข้า

ทำให้เขาต้องเบี่ยงตัวหลบอย่างรวดเร็ว

"เกิดอะไรขึ้น!" เขากวาดตามองไปรอบตัวอย่างหวาดระแวง

เสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังขึ้นจากเงามืด

พร้อมกับเงาร่างสวมชุดดำอีกกลุ่มหนึ่งที่โผล่เข้ามาในตำหนัก

ไม่ใช่พวกเดียวกับพวกมัน

แต่ก็ไม่ใช่ฝ่ายของข้า

ใครกัน!?

**

การปะทะสั้น ๆ เกิดขึ้นในความมืด

เสียงดาบกระทบกัน เสียงร้องสั้น ๆ ดังขึ้น

ฉันฉวยโอกาสในช่วงชุลมุน

รวบรวมเรี่ยวแรงที่เหลือทั้งหมด

พุ่งตัวออกจากตำหนักร้างด้วยความเร็วสูงสุดที่ร่างกายจะทำได้

เสียงตะโกนไล่หลังมา

แต่ฉันไม่หันกลับไปมองแม้แต่น้อย

ตอนนี้...

เป้าหมายเดียวของข้า

คือหนีให้พ้น

**

ข้าพุ่งตัวเข้าไปในเงามืดของแนวต้นเหมย

วิ่งตามเส้นทางที่วางแผนไว้ล่วงหน้า

ในที่สุด...

ข้าก็เห็นเงาร่างของชุนฮวาที่ซ่อนตัวอยู่หลังพุ่มไม้ใหญ่

"ท่านหญิง!" นางร้องเสียงสั่น

"รีบไป!" ฉันสั่งเสียงเฉียบ

เราวิ่งไปตามทางลัดที่เตรียมไว้

เลี่ยงการปะทะ เลี่ยงการเปิดเผยตัวตนให้ได้มากที่สุด

**

เมื่อกลับถึงเรือนพักในที่สุด

ฉันทรุดตัวลงนั่งหอบหายใจหนักบนพื้นไม้

หัวใจเต้นโครมครามแทบทะลุอก

ไหล่ซ้ายที่กระแทกเสาไม้เจ็บปวดจนชา

เลือดซึมออกมาจากรอยฟาดที่แขน

แต่ฉันไม่สนใจ

ในหัวมีเพียงความคิดเดียว

ศัตรูที่แท้จริง...

อยู่ใกล้กว่าที่ข้าคิด

**

คืนนี้...

ข้าเพิ่งได้ลิ้มรสเศษเสี้ยวของ "สงครามในเงามืด" ของวังหลวง

และข้าต้องเตรียมตัวให้พร้อม

เพราะจากนี้ไป

เกมที่ข้าเล่นอยู่

จะยิ่งอันตรายกว่าที่เคยเป็นมา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel