บท
ตั้งค่า

บทที่ 4

สืบข่าววังหลวง

เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วในสวนดอกเหมยยามเช้าดังแว่วมาแต่ไกล

สายลมอ่อนพัดเอากลิ่นหอมของดอกไม้โชยมาปะปนกับกลิ่นชาดำที่วางอยู่บนโต๊ะไม้ข้างตัวฉัน

ฉันนั่งสงบนิ่งอยู่กลางเรือนพัก มือข้างหนึ่งกุมพัดทองไว้แน่น อีกข้างหนึ่งลูบไล้ขอบถ้วยชาด้วยปลายนิ้วอย่างเชื่องช้า

ข้าเพิ่งกวาดล้างข้าทาสทรยศออกจากเรือนตัวเองได้สำเร็จ

แต่ข้ารู้ดี...

สงครามที่แท้จริงเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น

ในวังหลวงแห่งนี้ —

ศัตรูไม่ได้อยู่เพียงแค่รอบตัวข้าเท่านั้น

มันแฝงอยู่ในทุกซอกมุม

ในรอยยิ้มแสนหวาน

ในคำพูดประจบสอพลอ

ในกิริยาสุภาพอ่อนโยน

ถ้าข้าอยากอยู่รอด

ข้าต้องรู้ให้ได้ว่าใครเป็นศัตรู

ก่อนที่พวกมันจะรู้ตัวว่าข้าไม่ได้โง่เขลาเหมือนอดีตอีกต่อไป

**

"ชุนฮวา" ฉันเอ่ยเรียก

สาวใช้คนสนิทก้าวเข้ามาคุกเข่าเบื้องหน้าด้วยท่าทีสงบเสงี่ยม

"เพคะ ท่านหญิง"

"เริ่มปฏิบัติการได้" ฉันกล่าวเสียงเรียบ

ชุนฮวาพยักหน้ารับคำ

นางรู้ดีว่าข้าหมายถึงอะไร

ก่อนหน้านี้ ข้าได้สั่งนางคัดเลือกคนจากเครือข่ายสายลับลับที่ข้าเริ่มสร้างขึ้น

แต่ละคนล้วนถูกคัดกรองมาอย่างดี

บางคนเป็นข้ารับใช้ในตำหนักฝ่ายใน

บางคนเป็นเสมียนเล็ก ๆ ในกรมพิธีการ

บางคนเป็นนางกำนัลไร้ชื่อเสียงที่ไม่มีใครสนใจ

แต่ทั้งหมดมีอย่างหนึ่งที่เหมือนกัน —

ความจงรักภักดีต่อข้า

**

เมื่อบ่ายคล้อย

ผู้ที่ข้าสั่งให้เรียกตัวมาก็มาถึงเรือนอย่างเงียบ ๆ

หญิงสาวสามคน และชายหนุ่มอีกสองคน

แต่งกายด้วยเสื้อผ้าเรียบง่าย ไม่มีสิ่งใดสะดุดตา

แต่แววตาของพวกเขา...เฉียบคมและระแวดระวัง

ฉันนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้หอมกลางห้องโถง

มือหนึ่งกุมพัดทอง อีกมือวางอยู่บนตัก

"ข้ามีงานให้พวกเจ้า" ฉันเอ่ยเสียงเรียบ

"เจ้าจะกระจายตัวเข้าไปในตำหนักต่าง ๆ" ฉันกล่าว "สืบทุกข่าวที่ผิดปกติ"

"ใครพบว่ามีการรวมกลุ่มลับ ๆ"

"ใครพบว่ามีการส่งสารลับ"

"ใครพบว่ามีแผนการใดเกี่ยวข้องกับตำหนักอวี้เหวินหรง"

"รายงานข้าโดยตรง"

สายลับทั้งห้าโค้งคำนับพร้อมกันโดยไร้คำถาม

ฉันยกยิ้มบางเบา

"จำไว้" ฉันกล่าวเสียงเย็น "ถ้าถูกจับได้...ข้าจะไม่ช่วยพวกเจ้า"

ดวงตาของทุกคนสั่นไหวเพียงนิดเดียว ก่อนจะแข็งกร้าวขึ้น

ดี

พวกเขาเข้าใจแล้วว่าโลกใบนี้ไม่มีที่ว่างให้กับความอ่อนแอ

**

หลังจากแยกย้ายกันไป

ฉันกลับมานั่งจิบชาเงียบ ๆ ที่โต๊ะข้างหน้าต่าง

สายลมยามเย็นพัดเอากลิ่นหอมของดอกเหมยเข้ามาในห้อง

แสงแดดสีส้มอ่อน ๆ ทอดเงาลวดลายบนพื้นไม้เรียบ

ฉันหลับตาลง ปล่อยให้สติรับรู้ทุกความเคลื่อนไหวรอบตัว

เวลานี้

หมากแรกได้ถูกวางลงแล้ว

สนามรบที่แท้จริง...กำลังเริ่มต้นขึ้น

**

สามวันต่อมา

ชุนฮวาก็นำข่าวสารชุดแรกมาให้

"ท่านหญิง" นางกระซิบเบา ๆ ขณะส่งม้วนกระดาษเล็ก ๆ ที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อ

ฉันเปิดม้วนกระดาษด้วยปลายนิ้วเบา ๆ

สายตากวาดอ่านเนื้อหาที่เขียนด้วยลายมือเร่งรีบ

เนื้อหาบอกถึงการรวมตัวลับ ๆ ของกลุ่มขุนนางฝ่ายตะวันตก

การขนส่งวัตถุดิบแปลกประหลาดเข้าไปในตำหนักวังเหนือ

และที่สำคัญที่สุด...

"อวี้เหวินหรงส่งคนลอบเข้าพบพระสนมหลี่ในยามวิกาล"

ฉันหรี่ตาลง

อวี้เหวินหรง...พระสนมหลี่...

ข้าควรจะรู้ตั้งแต่แรก

ในวังหลวงแห่งนี้

ไม่มีคำว่า "ศัตรูเพียงคนเดียว"

ทุกคนต่างเป็นหมากในเกมใหญ่

และฉันเอง...

กำลังถูกหมายหัวโดยหลายฝ่ายพร้อมกัน

**

ฉันวางม้วนกระดาษลงบนโต๊ะ

ดวงตาที่สะท้อนแสงตะเกียงสว่างวาบอย่างเย็นชา

ในเมื่อพวกเขาคิดจะล่าเหยื่อ...

ข้าก็จะทำให้พวกเขารู้ว่า

เหยื่อตัวนี้มีเขี้ยวเล็บที่แหลมคมยิ่งกว่าที่พวกเขาเคยเห็น

ฉันนั่งนิ่งอยู่หน้ากระจกทองเหลือง มองลึกเข้าไปในดวงตาของตัวเองที่สะท้อนกลับมา

ดวงตาคู่นั้นไม่ใช่ของหญิงสาวไร้เดียงสาอีกต่อไป

มันคือดวงตาของนักล่า

ดวงตาของผู้ที่รู้ว่าตนกำลังตกเป็นเป้า

และพร้อมจะกัดสวนกลับจนอีกฝ่ายไม่อาจลุกขึ้นได้อีก

**

ฉันวางม้วนกระดาษลงอย่างสงบนิ่ง

"ชุนฮวา" ฉันเอ่ยเรียกเบา ๆ

สาวใช้คนสนิทก้าวออกจากเงามุมห้องอย่างเงียบงัน ราวกับเงาของฉันเอง

"เพคะ ท่านหญิง"

"ไปแจ้งกับคนของเราว่า..." ฉันทอดเสียงเรียบเย็น "เราจะปล่อยข่าวเท็จออกไป"

ชุนฮวาเลิกคิ้วอย่างตกใจนิดหนึ่ง ก่อนจะรีบก้มหน้ารับคำ

"ข้าจะให้พวกมันเชื่อว่า ข้าเตรียมส่งสารลับขอความช่วยเหลือจากขุนศึกใหญ่ทางเหนือ"

"ข้าอยากรู้..." ฉันยิ้มบาง ๆ อย่างเย็นชา "ว่าพวกมันจะกล้าทำอะไรเมื่อตกใจกลัว"

ชุนฮวาก้มศีรษะต่ำ

"รับทราบเพคะ ท่านหญิง"

**

การวางหมากลวง เป็นศิลปะที่ละเอียดอ่อน

หากหมากลวงที่วางไว้สมจริงพอ...

มันจะล่อให้ศัตรูเปิดเผยไพ่ที่ซ่อนไว้โดยไม่รู้ตัว

และเมื่อไพ่ของพวกมันถูกเปิดเผย...

ข้าจะไม่ปรานี

**

ตลอดสองวันต่อมา

ข่าวลือที่ข้าต้องการก็เริ่มกระจายตัวไปทั่ววังหลวงอย่างเงียบ ๆ

ว่าท่านหญิงเฟยหลิงกำลังวางแผนลับติดต่อกับขุนศึกใหญ่ทางเหนือ

ว่าท่านหญิงเฟยหลิงคิดจะเสริมสร้างอำนาจของตนเอง

ว่าท่านหญิงเฟยหลิงอาจมีแผนกบฏแฝงอยู่ในใจ

ฉันนั่งดูทุกอย่างเงียบ ๆ ราวกับผู้ชมละคร

บางครั้งเพียงแค่โยนเหยื่อลงไปในบ่อ

ปลาก็จะแตกฮือขึ้นมาเอง

**

และในคืนที่สาม

สายสืบของข้าก็นำข่าวสำคัญกลับมา

"ท่านหญิง" ชุนฮวากระซิบ "มีข้ารับใช้ของพระสนมหลี่แอบติดต่อกับคนของอวี้เหวินหรงอย่างเร่งด่วน"

ฉันหรี่ตาลง

"ดูเหมือนว่าพวกมันจะเริ่มสงสัยว่าข้าเคลื่อนไหวจริง ๆ"

ฉันพึมพำกับตัวเองเบา ๆ

ดี

เมื่อพวกมันคิดว่าข้าเป็นภัย

พวกมันจะเริ่มรุกเร้า

และเมื่อพวกมันเริ่มรุกเร้า...

นั่นคือเวลาที่ข้าจะดักล้อมพวกมันไว้ในกับดักของข้าเอง

**

ฉันสั่งการอย่างรวดเร็ว

"เร่งปล่อยข่าวเท็จต่อไปอีก" ฉันสั่ง "ทำให้มันดูน่าเชื่อยิ่งขึ้น"

"สร้างหลักฐานปลอมขึ้นมา"

"ทำให้เหมือนว่าข้ากำลังลักลอบเขียนสารลับจริง ๆ"

ชุนฮวาพยักหน้ารับคำทันที

นางรู้ดีว่าข้าไม่ได้สั่งเพราะโง่เขลา

แต่เพราะข้าเตรียมจะลากศัตรูลงมาในโคลนตมด้วยตัวเอง

**

ขณะที่ท้องฟ้ายามค่ำค่อย ๆ กลืนกินแสงดาว

ข้าก็ยืนอยู่ที่ระเบียง มองดูดวงจันทร์เต็มดวงลอยเด่นกลางเวหา

ลมหนาวยามราตรีพัดชายเสื้อฮั่นฝูของฉันปลิวไสว

แต่ข้าไม่รู้สึกหนาวแม้แต่น้อย

ไฟในใจข้าร้อนแรงเกินกว่าความหนาวจะกล้ำกราย

**

"ชุนฮวา" ฉันเอ่ยเรียกขณะยังมองฟ้า

"เพคะ ท่านหญิง"

"จดจำไว้ให้ดี..." ฉันกระซิบเบา ๆ

"ในวังหลวงแห่งนี้ ไม่มีใครรอดชีวิตได้ด้วยความเมตตา"

"มีแต่ผู้ที่กล้าฆ่าเท่านั้น...ที่จะมีสิทธิ์มีชีวิตอยู่ต่อ"

หลังคำสั่งสุดท้ายถูกส่งผ่านริมฝีปากฉันอย่างหนักแน่น

โลกทั้งใบก็ดูเหมือนจะเงียบสงัดลงราวกับเวลาหยุดเดิน

ชุนฮวาคุกเข่าเบื้องหน้า ไม่กล้าเอ่ยคำใด

ข้าสัมผัสได้ถึงกระแสความตึงเครียดในอากาศ

ราวกับสายลมที่เย็นยะเยือกเกินธรรมดาในยามค่ำคืนนี้

แต่ในหัวใจของข้า กลับไม่มีความหวาดกลัวหลงเหลืออยู่แม้แต่น้อย

มีเพียงความคมกริบของจิตใจที่กำลังแผ่กระจาย

พร้อมจะเฉือนทำลายทุกศัตรูที่กล้าเหยียบย่ำข้า

**

ข้ายืนอยู่นิ่ง ๆ บนระเบียง ราวกับรูปสลักใต้แสงจันทร์

ปล่อยให้สายลมโบกไสวชายเสื้อ

ปล่อยให้ความมืดคืบคลานเข้ามาล้อมรอบ

ในความเงียบนี้เอง ข้าคิดอย่างถี่ถ้วนถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น

ศัตรูจะไม่อยู่นิ่งนอนใจอีกต่อไป

พวกมันจะเริ่มส่งมือสังหาร

จะเริ่มวางกับดักซ้อนแผน

จะเริ่มโจมตีข้าอย่างลับ ๆ และเปิดเผย

แต่ข้ากลับยิ้ม

เพราะสำหรับข้า —

ความวุ่นวาย คือโอกาสที่ดีที่สุด

ขณะที่พวกมันพุ่งเป้าใส่ข้า

ข้าจะถือโอกาสเจาะเข้าไปในหัวใจของพวกมัน

แล้วฉีกทำลายมันจากภายใน

**

"ท่านหญิง" ชุนฮวาเอ่ยเสียงแผ่วเบา "คืนนี้อากาศเย็นนัก หากประทับอยู่กลางสายลมนานเกินไป อาจประชวรได้เพคะ"

ฉันหันไปมองนาง

ดวงตาคู่นั้นสะท้อนแสงจันทร์วาววับ

"ไม่ต้องห่วง" ฉันกล่าวเสียงเรียบ "ข้าเคยผ่านความหนาวเย็นกว่านี้มาแล้ว"

ความหนาวของราตรีนี้นับว่าอะไรได้...

เมื่อเทียบกับความหนาวเย็นที่ข้าเคยเผชิญมาในใจมนุษย์

ฉันยกมือขึ้นแนบอกเบา ๆ

"จำไว้นะ ชุนฮวา" ฉันเอ่ยเสียงนุ่ม แต่แฝงความหนักแน่น

"เราจะมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ได้...ไม่ใช่เพราะเราหนาวเหน็บกว่าคนอื่น"

"แต่เพราะเราสามารถจุดไฟในใจตัวเองได้เสมอ แม้ในค่ำคืนที่หนาวที่สุด"

ดวงตาของชุนฮวาเบิกกว้าง

ก่อนนางจะก้มกราบแทบเท้าโดยไม่ลังเล

"หม่อมฉันจะจุดไฟเคียงข้างท่านหญิงเพคะ!"

ฉันยิ้มบาง ๆ

ดี

ข้ายังมีคนที่เชื่อมั่นในข้า

และข้าจะไม่ปล่อยให้พวกเขาผิดหวัง

**

เสียงฆ้องยามสี่ดังขึ้นในความเงียบสงัด

ประกาศว่าคืนนี้ได้เดินทางมาถึงกึ่งกลางแล้ว

และการเดินทางของข้าในโลกใบนี้...

เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel