บท
ตั้งค่า

เสียสละ

สนามบินสุวรรณภูมิ

"ผู้หญิงคนนั้นนิ!!"

"จอดรถ!!"

 สายตาคมเหลือบไปเห็นหญิงสาวที่เขาตกหลุมรักเพียงครั้งแรกเจอที่ประเทศอังกฤษเมื่อไม่กี่วันก่อน คาเตอร์รีบตะโกนสุดเสียงเพื่อให้คนขับจอดกะทันหัน ในขณะที่รถกำลังเคลื่อนตัวออกไปหลังจากจราจรที่ติดแหง็กมาเกือบ 5 นาที  

"จอดไม่ได้ครับคุณคาเตอร์  รถตามหลังเป็นมาขบวนเลย"

"โธ่เว้ย!!"

คาเตอร์ถึงกลับหัวเสียขึ้นฉับพลัน ด้วยท่าทางร้อนรนจนนั่งแทบไม่ติดพื้นของเบาะรถ เขาต้องจำใจยอมปล่อยให้รอยยิ้มของหญิงสาวที่เขาตกหลุมรักเจือจางหายไปเรื่อยๆจนกระทั่งลับสายตา

"โคตรบังเอิญวะไอ้เทียร์"

"แต่กูพลาดโอกาสทำความรู้จักกับเธอ ตั้งสองครั้งเลยนะเว้ย!!"

เสียงตวาดลูคัสกลับไปด้วยท่าทางหงุดหงิดสุดๆ ที่พลาดโอกาสอีกครั้งหลังจากที่นั่งซึมเป็นหมาหงอยมาเกือบอาทิตย์

"เอาน่าไอ้เทียร์ อย่างน้อยก็รู้ว่าเธอเป็นคนไทยนะเว้ย!!"

"มึงรู้ได้ไงว่าเธอเป็นคนไทย เธออาจจะมาเที่ยวก็ได้"

น้ำเสียงเข้มรีบสวนกลับคำพูดของลูคัสขึ้นในทันที ด้วยความสงสัยจนคิ้วหนาทั้งสองข้างผูกกันเป็นปมอย่างชัดเจน 

"ไม่รู้ กูเดาเอา!!"

"เฮ้อ!! ไอ้สัสเอ๊ย!!"

ลมหายใจม้วนใหญ่ถูกถอนออกมาด้วยความหนักใจ เมื่อเขาต้องยอมปล่อยโอกาสที่จะได้ทำความรู้จักเธออีกครั้งหลุดลอยออกไปเป็นครั้งที่สองแล้ว ยิ่งคิดยิ่งทำให้หัวใจทั้งดวงของคาเตอร์หลุดลอยออกไปไกลหนักกว่าที่อังกฤษเป็นเท่าตัว

บ้านซีอาร์

รถยนต์จอดสนิทลงยังบ้านหลังขนาดใหญ่โตใจกลางยานทำเลทองของกรุงเทพ ร่างเล็กอรชรเดินลงมาช่วยพยุงร่างผู้ธุรกิจเป็นแม่ลงจากรถอย่างเชื่องช้าด้วยความระมัดระวังสูง เมื่อทั้งสามกลับจากสนามบินเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา

"แม่ดีใจมากๆที่ซียอมกลับมาอยู่ด้วยกัน กลับมาคราวนี้ไม่ต้องกลับไปอีกแล้วนะลูก"

"แม่!! อย่าไปบงการชีวิตน้องแบบนั้นสิคะ"

"แกไม่ใช่ฉันแกไม่รู้หรอกยัยแซน ว่าการที่ลูกอยู่ห่างอกแบบนี้มันรู้สึกยังไง!!"

สกาวใจหันมาบ่นให้กับแซนดี้พี่สาวคนเดียวของซีอาร์ที่กำลังต่อปากต่อคำเถียงกับคนเป็นแม่อยู่ข้างๆกัน จนกระทั่งคนน้องต้องยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู

"เอาเถอะแม่!! พี่แซน!! ไม่ต้องทะเลาะกันแล้ว ซีกลับมาแล้วนี่ไง"

"งั้นเอาของไปเก็บและไปพักผ่อนเถอะนะลูก เดี๋ยวอาทิตย์หน้าเข้าไปดูงานที่บริษัทของพี่แซนจะได้ช่วยๆกันทำให้ธุรกิจมันดีขึ้นนะ"

มือเหี่ยวของหญิงชราลูบปอยผมของลูกสาวคนเล็กอย่างเบามือ พลางส่งยิ้มให้เธอด้วยความตื่นเต้นและดีใจที่ซีอาร์จะกลับมาอยู่เป็นครอบครัวเดียวกันหลังจากที่คนเป็นแม่ยอมให้เธอไปใช้ชีวิตเพียงลำพังที่อังกฤษนานถึง 5 ปี

2 สัปดาห์ผ่านไป

บริษัทไซโอฟา

 วันเวลาผ่านไปหลังจากกลับมาอยู่ที่ประเทศไทยได้ 2 สัปดาห์ ซีอาร์เข้ามาทำงานในบริษัทของแซนดี้ ในฝ่ายวิจัยยาตัวใหม่ในบริษัท ด้วยประสบการณ์มากมายที่อยู่อังกฤษและความเก่งของเธอ หญิงสาวทำมันออกมาได้เป็นอย่างดี และยังคงตั้งใจทำในส่วนของตัวเธอเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

ห้องทำงานของแซนดี้

ถึงแม้ว่าภายนอกโดยรวมจะเหมือนกับบริษัททั่วๆไป แต่ทว่าใครจะรู้ว่าระบบการเงินภายในกำลังจะแย่ลงด้วยสาเหตุหลายๆอย่างที่แซนดี้พยายามเก็บงำเอาไว้แต่เพียงคนเดียว ไม่ยอมเอ่ยปากบอกคนในครอบครัวเพราะกลัวน้องสาวและแม่จะเป็นกังวล

"จะให้แซนทำยังไงพี่ขุน ตอนนี้บริษัทเรากำลังแย่ลงเรื่อยๆ ลูกค้ากลุ่มคนรวยที่เราจับตลอด พากันยกเลิกสัญญาการสั่งผลิตยากับเราเกือบหมดแล้วนะ"

"แล้วลูกค้าให้เหตุผลเราว่ายังไงในการขอยกเลิกสัญญาสั่งผลิต"

น้ำเสียงเข้มดุดันของขุนศึก เอ่ยถามภรรยาไปด้วยความสงสัย ในเหตุผลที่ลูกค้าขอยกเลิกสัญญาสั่งผลิตกับไซโอฟากะทันหันแบบนี้

"เขาได้ยาตัวใหม่จากบริษัทใหม่ที่ดีกับคนไข้โรคหัวใจมากกว่า"

"ยาตัวใหม่? จากบริษัทอะไร?"

ด้วยความสงสัยขุนศึกรีบถามแซนดี้ไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะเอี้ยวตัวหันกลับมามองหน้าภรรยาของตนเองด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด

"ไบโอฟรีม!!"

"โอ้วพระเจ้า!!"

"แซนรู้มาว่าไบโอฟรีมนำเข้าสารประกอบสำคัญตัวหนึ่งที่เราไม่รู้จักชื่อจากต่างประเทศ อยู่ในรูปแบบของยาที่ชื่อว่า B-rich แต่มันเป็นสารที่ไม่ได้จดทะเบียนในไทย"

แซนดี้พยายามอธิบายจุดอ่อนของบริษัทคู่แข่งอย่างไบโอฟรีมให้กับสามีฟังด้วยความตั้งใจ แต่ทว่าจุดอ่อนเหล่านั้นมันกลับกลายเป็นจุดแข็งทำให้ลูกค้ากรูกันเข้าไปสั่งซื้อกับทางไบโอฟรีมกันอย่างหนาแน่นยิ่งขึ้นมากกว่าเดิม และสิ่งที่สำคัญคือไบโอฟรีมกำลังแย่งฐานลูกค้าจากไซโอฟาไปอย่างหน้าตาเฉย

"แสดงว่าไบโอฟรีมนำเข้าสารประกอบที่ผิดกฎหมายนะสิ?"

"ใช่!!"

"งั้นก็แจ้งจับได้เลยสิ!! รออะไรอยู่ละ?"

จากความโมโห และหงุดหงิดที่ขุนศึกต้องมารับรู้ความตึงเครียดของธุรกิจในบริษัทของภรรยา ทำให้เขาเร่งรีบให้ภรรยาจัดการคู่แข่งอย่างไบโอฟรีมให้สิ้นซากเสียที

"ไม่ได้พี่ขุน เราไม่มีหลักฐานเอาผิดเขา มันแค่คำบอกเล่าต่อๆกันมา"

"แล้วแซนรู้ได้ยังไงว่ามันคือเรื่องจริง?"

"คนที่แซนไว้ใจเขายืนยันกับแซนเองเลยพี่ขุน!!"

"เฮ้อ!!"

เสียงถอนหายใจออกมาดังฟอดใหญ่ เมื่อคำบอกกล่าวของแซนดี้เป็นเพียงลมปากที่ไม่มีแม้แต่หลักฐานสักชิ้นที่จะเขี่ยคู่แข่งทางธุรกิจไปให้พ้นทางได้

"ถ้าเป็นแบบนี้ ลูกค้าที่เหลือต้องทยอยยกเลิกสัญญากับเราแน่ๆ เรากำลังจะล้มละลายแล้วพี่ขุน อึก ฮือ"

"ใจเย็นๆก่อนนะเราต้องมีทางออกสิแซน อย่างพึ่งร้องไห้!!"

"อึก ฮือ"

ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ แซนดี้ปล่อยร้องไห้โฮออกมาเสียงดังลั่น จนผู้เป็นสามีต้องรีบดึงเข้ามากอดเอาไว้ในอ้อมแขน

"เราต้องสืบเอาหลักฐานนั้นมาให้ได้ ว่าสารตัวไหนที่ไบโอฟรีมนำเข้ามา"

"แล้วเราจะสืบได้ยังไงละ เราไม่รู้จักใครสักคนในนั้นเลย อึก อือ"

แซนดี้ยังคงร้องห่มร้องไห้ปานจะขาดใจอยู่ในอ้อมกอดของสามี ด้วยสภาวะความตึงเครียดเมื่อครุ่นคิดว่าบริษัทที่ตัวเองสร้างขึ้นมาด้วยน้ำพักน้ำแรงจะต้องล้มละลายไปในอนาคต

"แซนหยุดร้องไห้ก่อนได้มั้ย พี่กำลังคิดหาทางออกอยู่"

"แซนกลัวว่าบริษัทที่เราตั้งใจสร้างมันขึ้นมาจะ..."

"น้องซี!!"

เสียงสะอึกสะอื้อสั่นเครือในคราแรกหยุดชะงักลงในทันใด เมื่อขุนศึกเอ่ยชื่อน้องสาวคนเล็กของบ้านแทรกขึ้นมากะทันหันจากทางด้านหลังของแซนดี้

"ซี!!"

"ซีจะเข้าไปในไบโอฟรีมเองค่ะ!!"

"ไม่ ไม่ ไม่ พี่ยอมให้ซีทำแบบนั้นไม่ได้ อึก ฮือ!!"

หลังจากยืนแอบฟังบทสนทนาของพี่สาวและพี่เขยอยู่นอกห้องทำงานนานสักพัก ซีอาร์ถึงรับรู้ความจริงว่าพี่สาวกำลังแบกความตึงเครียดทั้งหมดเอาไว้เพียงคนเดียวมานานพอสมควร และมันถึงเวลาที่เธอจะต้องช่วยให้ธุรกิจของครอบครัวไปต่อได้แล้วในตอนนี้

"พี่แซน ซีตัดสินใจแล้ว"

"ซี!!"

"ถ้าซีไม่ทำอะไรเลย และเอาแต่ยืนมองไซโอฟาที่พี่แซนรักล้มละลายไปต่อหน้าต่อตา ซีก็ทำไม่ได้เหมือนกัน"

ด้วยความเห็นใจและสงสารแซนดี้ เธอจึงตัดสินใจที่จะยื่นมือเข้ามาช่วยไซโอฟาด้วยความเต็มใจ แม้จะรู้ว่ามันเสี่ยงแค่ไหน ซีอาร์ก็ยอมทำเพื่อครอบครัวที่ตนเองรัก

"แต่ซี…"

"มันจะช่วยให้บริษัทเราดีขึ้นนะพี่แซน!!"

"เอาละๆ แซน เราไม่มีทางเลือกไปมากกว่านี้แล้วนะ"

ขุนศึกพูดแทรกขึ้น เพื่อเสริมทำให้คำพูดของซีอาร์ดูหนักแน่นขึ้ร เพื่อให้แซนดี้วางใจ

"ถ้าแม่รู้ เอาพี่ตายแน่ๆเลยซี!!"

"พี่แซน ซีโตแล้วนะ อีกอย่างถ้าพี่แซนไม่พูด พี่ขุนไม่พูด แม่จะรู้ได้ยังไงละ จริงปะ?"

แซนดี้มองหน้าร้องสาวของตัวเองด้วยความหนักใจ แต่ทว่ากลับไม่มีทางเลือกไปมากกว่านี้แล้ว จำใจต้องยอมให้ซีอาร์ทำในสิ่งที่จะช่วยให้บริษัทดีขึ้น

ห้องทำงานของซีอาร์

ร่างเล็กอรชรเดินกลับมายังห้องทำงานของตัวเอง พลางทรุดตัวนั่งลงที่เก้าอีกด้วยความกังวลใจ นิ้วเรียวเร่งรีบเปิดโน๊ตบุ๊คขึ้นเพื่อสืบค้นประวัติและความเป็นมาของไบโอพรีมให้ได้มากที่สุดก่อนจะลงสนามจริง

"เจ้าของชื่อเควิน คาว เอกนฤเบศ งั้นหรอ?"

"เอาละยัยซี แกจะต้องวางแผนให้รอบคอบกว่านี้ และต้องหาหลักฐานมาให้ได้ว่าไบโอฟรีมใช่สารประกอบตัวใดใน B-rich กันแน่"

ซีอาร์ยังคงจดจ่ออยู่กับข้อมูลของไบโอฟรีมในหน้าจอโน๊ตบุ๊คอยู่นานหลายนาที เพื่อทำความรู้จักกับไบโอฟรีมก่อนจะยื่นใบสมัครไปในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายวิจัยผ่านทางอินเทอร์เน็ตที่เปิดรับสมัครงานอยู่ในขณะนี้

เพนท์เฮาส์คาเตอร์

ติ่ดดดด!!

แอ๊ดดดด

เสียงประตูลิฟต์เปิดออกดังสนั่นห้องรับแขก ปรากฏร่างของลูคัสเดินเข้ามาหาเพื่อนสนิทด้วยความมึนงงและสงสัยกับพฤติกรรมของคาเตอร์ที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมตั้งแต่กลับมาจากอังกฤษเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน

"เฮ้ย!! ไอ้เทียร์!!"

"มีอะไรวะ มาแต่เช้าเลย มึงไม่หลับไม่นอนหรือยังไง?"

ถ้วยกาแฟร้อนที่อยู่ในมือถือยกออกมาจากเคาร์เตอร์ครัว เมื่อรู้อยู่แล้วว่าลูคัสเข้ามาที่เพนท์เฮ้าส์ของเขาได้ง่ายๆเพราะเรื่องอะไร

"ไม่หลับไม่นอนห่าอะไรละ กูพึ่งกลับจากกาสิโน มึงนะไอ้เหี้ย!! ให้กูนัดหญิงไว้เสือกเบี้ยวไม่ไปตามนัด โทรมาก็เสือกไม่ยอมรับสายอีก เป็นส้นตีอะไรวะ?"

"เฮ้อ!!"

แก้วกาแฟถูกวางลงบนโต๊ะรับแขกด้วยท่าทางสุดแสนจะเหนื่อยล้ากับท่าทางสุดจะโมโหของลูกคัส

"มึงเป็นห่าอะไรหนักหนาวะ กูถามจริง? ตั้งแต่กลับจากอังกฤษละ"

แม้จะได้ยินเสียงของลูคัสเต็มสองรูหู แต่ทว่าคาเตอร์กลับเลือกที่จะเงียบ ไม่โต้ตอบเพื่อนกลับไป ค่อยๆปรายตาคู่คมจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยสายตาว่างเปล่า

"อย่างบอกกูอีกนะว่าเป็นเพราะผู้หญิงคนนั้น?"

"กูแค่รู้สึกเบื่อๆกับชีวิตช่วงนี้ว่ะ"

"เพราะ?"

ลูคัสยืนเท้าสะเอวทั้งสองข้าง จ้องมองใบหน้าหล่อของเพื่อนสนิท ที่มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องของเขา แต่ด้วยความสนิทกันมาตั้งแต่เด็กจึงทำให้ไร้ซึ่งการเคารพกันเช่นคนอื่นๆ

"ไม่รู้สิ  ก็แค่รู้สึกเบื่อไม่อยากเที่ยว ไม่อยากใช้ชีวิตแบบเดิมอีกแล้วว่ะ"

"เป็นเอามากนะมึงเนี่ย!!"

ร่างสูงโปร่งปล่อยมือออกจากเอวทั้งสองข้าง พลางสับเท้าเข้ามาทรุดตัวลงนั่งยังฝั่งตรงกันข้ามกับคาเตอร์ด้วยความเหนื่อยล้าจิตใจ และสงสัยในอารมณ์ความรู้สึกของเพื่อน ก่อนจะยกแก้วกาแฟที่คาเตอร์พึ่งชงมาวางไว้ขึ้นมาชดเต็มปาก

"มึงคิดว่ากูจะต้องทำยังไง ถึงจะเจอผู้หญิงคนนั้นอีกวะ?"

แอ๊ะๆ แคร่กๆ!!

"ไอ้เหี้ย!! แคร่กๆ"

คำพูดประโยคนั้นของคาเตอร์ทำให้ลูคัสถึงกับสำลักกาแฟ ไอเสียงดังสนั่นหวั่นไหวจนใบหน้าแดงก่ำ คลอเคลียกับหยดน้ำตาที่ไหลหลั่งออกเมื่อเกือบจะขาดใจตาย

"ตายมั้ยไอ้สัส!! กาแฟยังร้อนอยู่ ไม่ได้รู้เรื่องอะไรกับเขาเลย!!"

"เฮ้อ!! นี่มึงเป็นถึงขนาดนี้เลยเหรอวะ?"

ลูคัสถามเพื่อนออกไปตรงๆหลังจากที่สูดเอาอากาศภายในห้องเข้าปอดเต็มที่แล้วและอาการไอทุเลาลงแล้ว แต่คาเตอร์กลับเงียบไม่ยอมตอบคำถามเขาอีกเช่นเคย

"ทั้งที่เธอยังไม่รู้ตัวเลยว่ามึงเป็นใครด้วยอะนะ ฮ่าๆ"

"กูซีเรียสไอ้สัส!!"

"เออ กูไม่ขำก็ได้"

ลูกคัสรีบหุบปากลงในทันทีที่เห็นสีหน้าและท่าทางของคาเตอร์เคร่งขรึมจนน่าใจหาย

"เฮ้อ!! เอาจริงๆกูก็ไม่รู้เหมือนกันวะว่ามึงจะต้องทำยังไงถึงจะเจอเธออีก แต่มึงไม่ต้องคิดมากน่า เดี๋ยวกูหาหญิงแจ่มๆแบบผู้หญิงคนนั้นให้ รับรองอีกไม่กี่วันดีขึ้นแน่นอน เพื่อน!!"

"เฮ้อ!! กูไม่ได้อยากได้ผู้หญิงคนอื่นแล้ว"

ภายในใจของคาเตอร์เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจนตั้งแต่วันนั้นที่อังกฤษ เขารู้ดีว่าตกหลุมรักซีอาร์เข้าจังๆ ทั้งที่ยังไม่ได้ทำความรู้จักกัน และเธอเองก็ไม่รู้จักเขาด้วยซ้ำ แต่ในใจเขาเอาแต่โหยหาเธอคนนี้จนต้องเก็บเอาไปฝันแทบทุกคน และเฝ้าภาวะนาขอให้มีโอกาสเจอเธออีกครั้ง แม้มันจะมีเพียงแค่ 0.001% ในชีวิตเลยก็ตาม

Talk

ฝากดหัวใจ กดไลน์ให้เค้าหน่อยเน้อ เดี๋ยวจะมาปล่อยวันละ 3 ครั้ง ประมาน  7~12~19 น.

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel