การกลับมา
5 นาทีผ่านไป
ใบหน้าหล่อคมก้มลงมองยังพื้นกระเบื้อง ที่แปดเปื้อนไปด้วยคราบกาแฟ และยังกระเซ็นกระเด็นกระดอนมาเลอะเทอะกางเกงของเขาด้วยท่าทางมึนงง
"ทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว ผมขอตัวนำข้อมูลไปเสนอกับทางบริษัทก่อนนะครับ"
"ได้ครับ!!"
ร่างอวบของชายชาวยุโรปรีบกุลีกุจอเก็บเอกสารการสั่งซื้อที่คาเตอร์และลูคัสได้เซ็นลงไปเมื่อไม่กี่นาทีเข้ากระเป๋าลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ทันทีด้วยท่าทางเร่งรีบ ก่อนที่ร่างอวบนั้นเดินจากไป
"เมื่อกี้เป็นเหี้ยอะไร?"
"ทำไม? เมื่อกี้อาการฉิบหายเป็นไงเหรอ?"
คิ้วหนาของลูคัสขมวดเข้าหากันอย่างุนงง เมื่อได้ยินคำถามที่หลุดออกมาจากเรียวปากแดงฉ่ำของเพื่อนสนิท ที่ไม่รู้ตัวเองว่าเป็นอะไรไปด้วยซ้ำในไม่กี่นาทีที่ผ่านมา
"มึงปล่อยแก้วกาแฟตกลงพื้น แล้วก็นิ่งตัวแข็งทื่อจ้องแต่ผู้หญิงคนนั้นอย่างเดียว แถมอ้าปากค้างด้วย ไอ้ห่า!!"
"จริงเหรอ?"
"เออ!!"
ดวงตาคมเบือนสายตาออกห่างจากใบหน้าของลูกค้า พร้อมกดตาต่ำลงพื้นเพื่อเรียบเรียงเหตุการณ์และความรู้สึกของตนเองอีกครั้ง
"ไงละ!! จังหวะตกหลุมรักเหรอไอ้เทียร์?"
"ตกหลุมรักงั้นเหรอ?"
ผิวหนังภายใต้พวงแก้มแดงระเรื่อแข่งกับสีปากหยักของศัลยแพทย์หนุ่ม เขาเผยรอยยิ้มจางๆ ออกมา เปลือกตาหนาเริ่มกะพริบถี่ขึ้น เมื่อเข้าใจถึงความหมายที่ลูคัสพูด
"ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกันวะ?"
"รู้ตอนนี้ก็ไม่ทันแดกแล้วไอ้เทียร์ เขาไปถึงไหนแล้ว"
เสียงเข้มของลูคัสเริ่มเบาบางผสมผสานกับชั้นบรรยากาศลงไปเรื่อยๆ เมื่อภายในใจของคาเตอร์เอาแต่โฟกัสใบหน้าหวานฉ่ำสวยสมบูรณ์แบบของเธอในห้วงของความรู้สึกนึกคิดในจิตใจราวกับต้องมนต์สกด ที่เอาแต่คร่ำครวญหาเธอผู้เป็นหญิงสาวเพียงคนเดียวที่ทำให้เขาเสียอาการได้ขนาดนี้
2 วันต่อมา
02.00น.
ครืดดดดดดดด
โทรศัพท์มือถือสั่นสะเทือนรุนแรงกระทบกับพื้นไม้เสียงดังลั่นภายในห้องที่เงียบสงบ ในช่วงเวลากลางดึกตามเวลาท้องถิ่นของอังกฤษ
"ฮัลโหล!!"
"ซี!! หลับแล้วเหรอลูก?"
ร่างเล็กอรชรค่อยๆ เปล่งเสียงตอบกลับไปด้วยท่าทางงัวเงีย เปลือกตากลมที่หนักอึ้งทั้งสองข้างฝืนยกขึ้นเพียงเล็กน้อย ลอบจ้องมองลอดผ่านแสงไฟสว่างไสวของหน้าจอมือถือ เพื่อสอดส่องมองดูชื่อของปลายสายที่โทรเข้ามาในเวลากลางดึกเฉกเช่นนี้
"แม่!!"
"แม่ขอโทษที่ต้องโทรหาซีในตอนนี้ แต่แม่ร้อนใจมากเลยลูก"
"ร้อนใจ?"
ปลายสายพยายามกรอกเสียงสั่นเครือส่งผ่านมายังคนตัวเล็กที่นอนแผ่อยู่บนเตียงนุ่มเพียงลำพัง เมื่อสิ้นเสียงของคนเป็นแม่ เปลือกตาที่หนักอึ้งในคราแรกถูกยกขึ้นเต็มดวงตาด้วยความตื่นตกใจ และความสงสัยกับคำตอบของผู้เป็นมารดา
"ร้อนใจเรื่องอะไร? แม่!!"
"ก็...."
"แม่!! ไม่ต้องไปบอกซีหมดก็ได้เดี๋ยวน้องจะเป็นกังวลใจซะเปล่าๆ"
เสียงเล็กแหลมของใครบางคนที่เธอคุ้นหูเป็นอย่างดีแทรกขึ้นยังปลายสาย ก่อนที่สกาวใจจะพูดอะไรบางอย่างออกมาจบประโยค
"พี่แซนหมายความว่ายังไง?"
"ไม่มีอะไรหรอกซี แกไม่ต้องไปฟังแม่ แกฟังพี่ดีกว่า"
"แล้วมีเรื่องอะไรถึงต้องโทรมาตอนนี้"
เสียงแหบแห้งของคนตัวเล็กจากการพึ่งตื่นนอนอย่างงัวเงีย กรอกใส่ปลายสายส่งกลับไปถามพี่สาวด้วยความรู้สึกสงสัย และหงุดหงิดใจที่ถูกปลุกให้ตื่นกลางดึกแบบนี้
"ก็แม่อยากให้ซีกลับมาช่วยงานที่บริษัทพี่แซนนะสิ"
"แม่!! ไม่ต้องไปอ้อนวอนน้องเลย งานที่อังกฤษกำลังไปได้ดีแล้ว"
เมื่อสิ้นสุดเสียงที่กำลังแย่งกันพูดแทรกขึ้นที่ปลายสายซีอาร์ถึงกับกุมขมับทันที ถึงแม้จะรู้อยู่แก่ใจตั้งแต่แรกก่อนที่จะย้ายมาทำงานที่อังกฤษแล้วว่าคนเป็นแม่ไม่อยากให้เธอมาเท่าไหร่นัก แต่ด้วยความใฝ่รู้ใฝ่พัฒนาตัวเองเลยยอมทิ้งระยะห่างจากครอบครัวที่เธอรักมากที่สุดมาหาประสบการณ์และทำตามความฝันของตนเองเพียงคนเดียวลำพังในต่างแดน
"ไม่รู้แหละ แม่ก็ป่วยออดๆ แอดๆ จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ แม่ก็อยากให้ลูกอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาในวันที่ตัวเองจะตาย"
"โธ่แม่ แม่อย่าพูดแบบนั้นสิ ซีรู้สึกไม่ดีเลยรู้มั้ย"
"อึก ฮือๆ แม่รู้ตัวเองดีว่าจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน แม่ก็อยากตายในอ้อมกอดของลูกๆ ที่แม่รักแค่นั้นเอง"
ปลายสายกรอกเสียงสะอึกสะอื้นสั่นเครือตรงมายังเธอที่เอาแต่พ่นลมหายใจเบาๆ ออกจากรอยแยกของริมฝีปากด้วยท่าทางหนักใจ
"กลับมาอยู่บ้านเราเถอะนะลูก แม่คิดถึงและเป็นห่วงซีมากๆ"
"ซีขอเวลาตัดสินใจก่อนได้มั้ยแม่?"
"ได้ลูกรัก แม่จะรอซีตัดสินใจก่อน แต่ซีสัญญากับแม่นะว่าซีจะกลับมา"
ร่างเล็กได้แต่เม้มปากแน่น หลับตาพริ้มลงไม่กล้าตอบอะไรสกาวใจไปอีก เพราะรู้แก่ใจอยู่แล้วคนเป็นแม่ต้องการเธอมากแค่ไหน หลังจากผู้เป็นพ่อเสียไปตั้งแต่ตัวเธอยังเด็กๆ เธอเปรียบเสมือนตัวแทนของครอบครัว เพราะหน้าตาซีอาร์เหมือนผู้เป็นพ่ออย่างกับแกะ
"เฮ้อ!!"
ลมหายใจร้อนแผ่วและเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่หลุดออกมาจากเรียวปากอิ่มเอิบ สมองพลันคิดไปต่างๆ นานา ด้วยความรู้สึกหนักใจ แต่เมื่อความคิดทั้งหมดตกตะกอน ความฝันและการพัฒนาตัวเองมาถึงจุดสูงสุดของชีวิต และได้ทำตามเป้าหมายที่ตนเองได้วางเอาไว้หมดแล้ว ซีอาร์ถึงได้รู้ว่าในชีวิตของเธอไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าครอบครัวอีกต่อไป เธอจึงจะตัดสินใจกลับไปช่วยพี่สาวพัฒนาและดูและบริษัทดีกว่าห่างบ้านมาอยู่เพียงลำพังที่นี่
1 สัปดาห์ผ่านไป
ประเทศไทย
สนามบินสุวรรณภูมิ
"โอ๊ย!! เมื่อยฉิบหายเลยวะนั่งเครื่องนานๆ"
"..."
"มึงฟังกูอยู่มั้ยเนี่ยไอ้เทียร์!!"
ลูคัสกระแทกเสียงดังขึ้นอีกครั้ง คิ้วหน้าเริ่มขมวดม้วนเข้าหากันในทันใด เมื่อสังเกตว่าคาเตอร์ยังคงเงียบสงบอยู่อย่างน่าประหลาดใจ
"ฟังๆ มีอะไร?"
"มึงเป็นเหี้ยอะไร? ซึมหมดอะไรตายยากไปได้"
"ก็..."
"เอ๊ะ!! หรือว่าเป็นเพราะแม่สาวเอเชียคนนั้น?"
นิ้วชี้หนาตรงดิ่งเข้ามายังใบหน้าของเพื่อนสนิทด้วยท่าทางจับผิดอย่างเห็นได้ชัดเจน ตั้งแต่วันนั้นที่อังกฤษแล้ว
"ไม่รู้วะ กูก็รู้สึกว่าเหมือนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเหมือนกัน คิดวนเวียนอยู่แต่เรื่องของวันนั้น"
"มึงตกหลุมรักเธอแหงๆ"
"ไม่แน่ใจวะ แต่ให้ทำไงได้วะ ชื่อเธอกูยังไม่รู้จักเลย"
ใบหน้าคมเข้มอมยิ้มกรุ้มกริ่มในมุมปากคลอเคลียกับความแดงระเรื่อบนพื้นผิวแก้มสากอย่างชัดเจน แต่ทว่ากลับต้องตึงหน้าเศร้าอีกครั้งเมื่อเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเธอเลยสักอย่าง และยังต้องกลับมายังประเทศไทยมาเพื่อสานต่อธุรกิจต่อไปอีก โอกาสที่จะได้พบเธออีกครั้งจึงแทบจะมีอีกเลยในชีวิตนี้
"น่าเสียดายจริงๆ งั้นคืนนี้ก็จัดสาวสวยๆ เอาะๆ ให้ย้อมใจนะเพื่อน"
"ไม่อะ กูไม่มีอารมณ์"
"เฮ้ย!! เป็นไปได้ไงวะเพื่อน"
สายตาคมกลอกกลิ้งไปมา ก่อนจะแสดงสีหน้าออกด้วยความเหนื่อยล้าจิตใจ ที่เห็นลูคัสแสดงท่าทีประหลาดใจจนน่าหมั่นไส้
"มึงจะหยุดคุยอีกนานมั้ย รถมาแล้ว"
"มึงโดนคำสาปแม่มดจากอังกฤษมาแน่ๆ ไอ้เทียร์!!"
ขายาวของลูคัสที่กำลังเดินตามเพื่อนหยุดชะงักลงในทันที เมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่อังกฤษเมื่อ 1 สัปดาห์ก่อน
"เพ้อเจ้อ!!"
"เฮ้ย!! ไอ้เทียร์กูจริงจังนะเว้ย มึงเคยดูมั้ยหนังเรื่อง… "
"เร็วสิวะ!! ให้ไวเลยรถรอนานแล้ว"
นิ้วยาวของคาเตอร์รีบคว้าต้นคอของลูคัส พลางออกแรงดึงจนร่างใหญ่ของเพื่อนสนิทลอยลิ่วตามแรงกระชากของเขามาอย่างรวดเร็ว
บนรถยนต์
รถตู้คันใหญ่สีดำสนิทเคลื่อนตัวออกจากหน้าอาคารผู้โดยสารอย่างเชื่องช้า เนื่องจากสภาวะติดขัดของจราจร ทำให้ทั้งสองหนุ่มต่างรู้สึกหงุดหงิดใจ ที่ต้องมาติดแหง็กอยู่ในรถแคบๆที่แทบจะไม่ขยับเลยแบบนี้
"ไอ้สัสเอ๊ย กูนั่งเครื่องมาตั้งหลายชั่วโมงแล้วกูยังต้องมานั่งรถติดๆแบบนี้อีกเหรอวะ"
ลูคัสบ่นเสียงดังเมื่อรู้สึกเหนื่อยล้า และสุดแสนจะเบื่อหน่ายกับจราจรของวันนี้ ต่างกับคาเตอร์ที่เอาแต่นั่งนิ่งกุมขมับตัวเองด้วยความรำคาญเสียงบ่นของเพื่อน ก่อนที่จะเบือนสายตาคู่คมเข้มสาดส่องออกไปนอนหน้าต่างของรถยนต์ แต่ทว่าเขากลับต้องตกตะลึงสุดขีดจนต้องรีบเด้งตัวลุกขึ้นนั่งตัวตรงในทันทีที่มองเห็นใครบางคนอยู่นอกกระจกใสในตอนนี้
"เฮ้ย!! ไอ้เตอร์นั้นมัน....!!"
Talk
ฝากกดหัวใจให้หน่อยนะงับ เดี๋ยวเค้ามาอัพ วันละ 3 เวลเหมือนเดิมน๊า 7,12,19 น.เน้อ
