บท
ตั้งค่า

เริ่มแผนการ

1 สัปดาห์ต่อมา

โรงพยาบาลรางศิธารา

ร่างเล็กอรชรเดินวนไปวนมาภายในเขตโรงพยาบาล เพื่อสำรวจพื้นที่และหาแนวทางการเข้าหาหมอเฉพาะทางด้านต่างๆ เพื่อเสนอยาของบริษัทตามกระบวนการที่ได้ศึกษาและเรียนรู้จากดีเทลสาวรุ่นพี่

"ฝากยาตัวนี้ของบริษัทไบโอฟรีมไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะคุณหมอ พี่พยาบาล"

"ยาของบริษัทนี้น่าสนใจมากๆเลยครับคุณซีอาร์ เดี๋ยวหมอขอเอาเรื่องขึ้นเสนอผู้ใหญ่และผอ.ในวันประชุมพรุ่งนี้ ก่อนแล้วกันครับ ถ้าในที่ประชุมอนุมัติจะให้พี่ออมโทรแจ้งอีกที"

แพทย์เฉพาะทางอายุรกรรมโรงหัวใจส่งยิ้มหวานให้กับดีเทลสาวสวยด้วยท่าทางฉอเลาะ พลางเอื้อมนิ้วยาวเกาะเกี่ยวต้นแขนของเธอแบบเนียนๆ ซึ่งซีอาร์ก็พอจะรู้ได้แต่ทว่าหน้าที่ยิ่งใหญ่กว่าเลยทำให้เธอแค่ยืนนิ่งๆฉีกยิ้มกว้างให้เขาอย่างเดียว

"ยินดีค่ะคุณหมอ"

"รู้ผลไม่เกินสองวันแน่ๆครับ"

"ขอบคุณมากๆนะคะ"

รอยยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้าสวยหวานของคนดีเทลสาว ก่อนจะก้มหน้าให้กับแพทย์อายุรกรรมและเดินถอยออกมาจากในห้องไป

'มันจะง่ายขนาดนั้นเลยหรอวะ?'

ถึงแม้แพทย์เฉพาะทางจะรับปากเธออย่างหนักแน่นเป็นมั่นเป็นหมอก แต่ทว่าหญิงสาวก็ไม่วายบ่นพึมพากับตัวเองภายในใจถึงแนวทางที่มันจะมีความเป็นไปได้แค่ไม่กี่ % ที่รางศิธาราจะเปิดใจยอมซื้อยาจากไบโอพรีม

4 วันผ่านไป

บ้านซีอาร์

"ไม่ง่ายจริงๆแฮะ!!"

ร่างเล็กทิ้งตัวลงที่เตียงนุ่มด้วยความท้อแท้ และเหนื่อยล้าในคราเดียวกันเมื่อไปตามผลที่โรงพยาบาล แต่ทว่าถูกปฏิเสธการซื้อยา เพียงเพราะผู้ใหญ่ไม่อนุมัติใช้ยาบริษัทอื่นนอกจากบริษัทพาร์ทเนอร์เท่านั้น

"เฮ้อ!! ไม่อนุมัติง่ายๆแบบนี้แล้วฉันจะทำยังไงต่อวะเนี่ย!!"

"โอ๊ย!! ฉันกำลังทำอะไรอยู่เนี่ย"

ยิ่งคิดยิ่งเครียดหนักกว่าเดิม เมื่องานนี้ยากยิ่งกว่าปลอมตัวเขาไปสืบข้อมูลในไบโอฟรีมอีกเป็นเท่าตัว

"ถ้าเข้าทางอายุรแพทย์ไม่ได้ เอ๊ะหรือว่าต้องเข้าให้ถึงบอร์ดบริหารเองเลยนะ ถ้าฉันเข้าตรงและได้คุยกับ ผอ. เองเลยจะง่ายกว่ามั้ยวะ"

ร่างเล็กยังคงกลอกกลิ้งตัวไปมาบนเตียงนุ่น เพื่อหาทางวางแผนในการขายยาให้กับรางศิธารา จนกระทั่งความคิดทั้งหมดตกตะกอน เธอรีบดีดตัวลุกขึ้นจากเตียงตรงไปยังโน๊ตบุ๊คของตัวเองในทันใด

"เอาใหม่นะยัยซี เรากำลังข้ามขั้นตอนไป อันดับแรกต้องศึกษาข้อมูลของโรงพยาบาลนี้ก่อนว่าผู้อำนวยการเป็นใคร อะไรยังไง?"

นิ้วเรียวยาวสมส่วนไล่กดเสิร์ชหาข้อมูลของโรงพยาบาล และสืบค้นข้อมูลของบอร์ดบริหารอยู่เนิ่นนานแต่กลับไม่พบอะไรที่เป็นประโยชน์กับความต้องการของเธอเท่าไหร่นัก

"ผอ. ชื่อ นายแพทย์ เทียร์ คาเตอร์ รางศิธารา เอานามสกุลตัวเองมาตั้งเป็นชื่อโรงพยาบาลงั้นหรอ?"

"ไม่มีรูปภาพ ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับบอร์ดบริหารเลย เว็บก็มีแต่บริการทางการแพทย์ธรรมดา แล้วฉันจะหาข้อมูลของบอร์ดบริหารมาจากไหนอะ!!"

ซีอาร์พยายามครุ่นคิด และพยายามหาข้อมูลต่างๆ เพื่อทำความรู้จักกับรางศิธาราและบอร์ดบริหารให้มากขึ้น แต่ทว่ากลับศูนย์เปล่าเช่นเคย

"เอ๊ะ พี่แซนจะรู้จักหรือเปล่านะ?"

ดวงตากลมจ้องมองไปยังโทรศัพท์มือถือ และกุญแจรถยนต์ที่วางอยู่บนโต๊ะ นิ้วเรียวเร่งกดหน้าจอโน๊ตบุ๊คลงอย่างรวดเร็ว รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ในขณะที่นิ้วเรียวยาวรีบคว้ากุญแจรถและขับออกจากบ้านตรงไปยังบริษัทของพี่สาวในทันที

บริษัทไซโอฟา

ก็อก ก็อก ก็อก

"เข้ามาค่ะ"

"พี่แซน!!"

"อ้าวซี!! ไม่ได้ไปทำงานที่นั่นแล้วหรอ?"

แซนดี้ถามคนน้องด้วยความแปลกใจ เมื่อความจริงแล้วซีอาร์ควรจะอยู่ที่ไบโอฟรีม มากว่ามาโผล่อยู่ที่นี่ในเวลาทำงานแบบนี้

"ซี่มีเรื่องอยากจะปรึกษาพี่แซนอะ"

"เรื่องแผนการ?"

"ใช่ คือ พี่แซนรู้จักโรงพยาบาลรางศิธารามั้ย?"

คำถามและใบหน้าท่าทางของซีอาร์ที่แสดงออกทำให้แซนดี้ถึงกลับแปลกใจที่อยู่ๆคนน้องถามเธอแบบนั้นขึ้นมา

"รางศิธารา?

"ใช่!!"

"รู้!! ทำไมหรอ?"

แซนดี้ตอบน้องไปด้วยความสงสัย ว่าสิ่งที่คนน้องกำลังจะทำมันเกี่ยวข้องอะไรกับรางศิธารา

"คุณเควินบอกว่าไม่เคยมีดีเทลคนไหนเจาะตลอดของโรงพยาบาลนี้ได้เลย เขาเลยยื่นข้อเสนอให้ซีเข้าไปเจาะตลอดเสนอขายยาของบริษัทให้ที่นี่ ถ้าซีทำได้เขาจะให้ตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายวิจัยกับซี"

"โห้!! นั้นงานช้างเลยนะซี"

"ใช่ไง ซีไม่รู้อะไรเลย และซีก็ไม่ข้อมูลอะไรของบอร์ดบริหารเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำ ผู้อำนวยการหน้าตาเป็นยังไง รู้แค่ชื่อ เทียร์ คาเตอร์อะไรนั้นนะ!!"

ซีอาร์พูดขึ้นด้วยท่าทางหงุดหงิดที่อะไรๆก็ไม่เป็นใจสักอย่าง แม้แต่ Gloogle ยังบอกเธอไม่ได้เลยว่าหน้าตาของผู้อำนวยการของรางศิธาราเป็นยังไง

"คุณหมอคาเตอร์!!"

"ห๊ะ!! พี่แซนรู้จักหรอ?"

"เขาบริหารโรงพยาบาลนี้หรอ?"

สิ้นเสียงของแซนดี้ เธอถึงกลับนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งเพราะไม่คิดว่าคาเตอร์ขึ้นแท่นบริหารของโรงพยาบาลนี้ทั้งที่ไม่เคยมีข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ลย

"ทำไมพี่แซนรู้จักเขาอะ?"

"เขาค่อนข้างโชกโชนเรื่องผู้หญิง เสือผู้หญิงอะเอาง่ายๆ เขาฮอตมากในกลุ่มสาวๆพวกไฮโซ"

"หรอ? แล้วยังไง? ทำไมพี่แซนต้องหน้าเครียดขนาดนั้น รู้จักกันเป็นการส่วนตัวหรอ?"

ดวงตากลมของคนน้องหรี่ต่ำลง ราวกับว่ากำลังจับผิดอะไรบางอย่างกับคนพี่สาว

"ไม่ใช่!! พี่แค่ไม่อยากให้ซี่ไปยุ่งกับเขาเลยจริงๆ"

"ทำไมอะพี่แซน?"

"เขาเจ้าเล่ห์จะตาย พี่กลัวซีจะไม่ทันเขานะสิ"

เมื่อเห็นท่าทางเป็นห่วงของพี่สาว ร่างเล็กถึงกลับยิ้มแป้นออกมาด้วยความโล่งอกที่เรื่องราวของแซนดี้ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับคุณหมอสุดเจ้าชู้แห่งรางศิธารานั้น

"พี่แซน ซีโตแล้ว ไม่มีใครเขาหลอกล่อซีได้หรอกนะ!!"

"แต่พี่ก็อดห่วงซีไม่ได้อยู่ดีอะ"

"เอาน่าเพื่อครอบครัวของเรานะพี่แซน"

"เฮ้อ!!"

แซนดี้พยักใบหน้าให้กับน้องสาว ก่อนจะถอนหายใจออกมาเพื่อระบายความหนักใจและสภาวะตึงเครียดที่ได้รับ

"ทำยังไงซีถึงจะเข้าไปคุยกับเขาได้ พี่แซนรู้จักบ้านเขามั้ย?"

"ไม่รู้ พี่รู้จักเขาแค่ในข่าวที่เคยอ่านผ่านไปมาเท่านั้นแหละ"

"งั้นมีทางเดียวคือไปดักรออยู่ที่โรงพยาบาล"

ใบหน้าอวบอั๋นของแซนดี้ส่ายไปมาด้วยท่าทางเอ็นดูน้องสาวที่พยายามทำทุกอย่างเพื่อช่วยบริษัทให้ดีขึ้น

บ้านรางศิธารา

เวลา 20.00 นาที

ในทุกๆกลางเดือนภายในห้องโถงขนาดใหญ่ในคฤหาสน์สีขาวสะอาดตา ปรากฏสมาชิกในครอบครัวนั่งประจำที่พร้อมหน้าพร้อมตากันที่โต๊ะอาหาร ยกเว้นเสียแต่ขาดใครบางคนที่ยังคงมาไม่ถึงไหนเสียที

"อ้าวแล้วตาเทียร์ละ?"

เทียนกมลผู้เป็นพ่อเอ่ยถามดังแทรกขึ้นกลางโต๊ะอาหาร หลังจากกวาดสายตามองรอบๆโต๊ะ เจอแต่ผู้เป็นแม่ ลูกชายคนเล็กและภรรยานั่งอยู่เคียงข้างกันที่โต๊ะอาหาร

"ไม่ทราบเหมือนกันครับคุณพ่อ!!"

น้ำเสียงทุ้มตามของบุตรชายคนเล็กเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางเบื่อหน่าย ที่จะต้องมาพบปะกับพี่ชายที่สุดแสนจะเกลียดชังขี้หน้ายิ่งกว่าอะไรดี ยิ่งสายตาคมหันไปเจอคนเป็นพ่อกระดิกนิ้วมือเพื่อเรียกเลขาส่วนตัวเข้ามาใกล้ ยิ่งทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดใจไม่น้อยที่จะต้องมารอลูกชายคนโตของบ้านอยู่อย่างนี้

"ครับนายท่าน"

"โทรหาตาเทียร์ให้…"

"ไม่ต้องโทรหรอกครับพ่อ ผมขอโทษที่มาช้าพอดีติดธุระนิดหน่อย"

คาเตอร์เดินตรงเข้ามายังห้องโถงของบ้าน พลางส่งยิ้มหวานให้กับหญิงชราผู้มีศักดิ์เป็นย่าพร้อมกับก้มลงจูบที่แก้มเหี่ยวของดวงหทัยอย่างคุ้นเคย

"ติดธุระหรือมัวแต่ติดหญิงกันแน่วะ"

น้ำเสียงกระแนะกระแหนพี่ชาย แทรกขึ้นกลางโต๊ะอาหาร ดึงรั้งดวงตาคู่คมของคาเตอร์เบือนกลับมาจ้องมองยังน้องชายต่างแม่ที่เอาแต่ตึงหน้าเครียดใส่กันอยู่อีกฝั่ง

"ไม่ต้องเสือกเรื่องของกูสักเรื่องได้ป่ะไอ้เควิน นั่งแดกข้าวเงียบๆไป"

"เงียบไม่ได้หรอก เพราะมันมีคนค่อยเป็นก้างขวางคอกูอยู่นะสิ"

เควินกำหมัดแน่น เมื่อคำตอบของพี่ชายสุดแสนจะยั่วอารมณ์เขาที่พยายามเก็บกดมันเอาไว้ตั้งแต่คาเตอร์เดินเข้ามาในบ้านแล้ว

"เควินไม่เอาลูก อย่าหาเรื่องทะเลาะกับพี่เลย"

"คุณแม่ไม่ต้องมาห้ามหรอกครับ เพราะ…"

"กูไม่ได้ขวางคอใครทั้งนั้น ระวังปากมึงไว้ให้ดีไอ้เควิน เดี๋ยวจะแดกข้าวไม่ได้ถ้ายังพูดจาปากหมาแบบนี้อยู่"

คาเตอร์ไม่ปล่อยให้คนน้องพูดจบประโยชน์ รีบแทรกขึ้นทันทีด้วยความหงุดหงิดใจเฉกเช่นเดียวกันที่เควินจ้องจะหาเรื่องเขาทั้งที่ก้นพึ่งถึงพื้นโต๊ะได้ไม่ถึงนาทีด้วยซ้ำ

"พอแล้วเทียร์ หยุดทะเลาะกันสักที เป็นพี่น้องกันทำไมต้องจ้องจะตีกันตลอดเวลาด้วยย่าไม่เข้าใจเลยจริงๆ"

"ผมก็ได้อยากเกิดมาเป็นน้องมันหรอกครับคุณย่า"

"แล้วมึงคิดว่ากูอยาก…"

ปัง!!

"เทียร์พอแล้ว!! ฉันให้พวกแกกลับมาทานข้าวด้วยกันไม่ได้ให้กลับมาทะเลาะกันแบบนี้"

ฝ่ามือหนาของเทียนกมลทุบลงยังโต๊ะอาหารเสียงดังลั่น เพื่อดึงสติลูกชายทั้งสองที่จ้องจะทะเลาะกันทุกครั้งที่เจอหน้า

"พ่อครับ พ่อก็เห็นว่ามันหาเรื่องทะเลาะกับผมก่อน"

"เฮ้อ!!"

ผู้เป็นพ่อถึงกับต้องนั่งกุมขมับ เร่งถอนหายใจกองโตออกมากองอยู่บนหัวโต๊ะ เมื่อพยายามห้ามปรามทั้งคู่แล้วแต่ทว่ากลับไม่เป็นผล 

"ผมพูดความจริงครับคุณพ่อ ไอ้เทียร์มันพยายามขวางคอผมจริงๆนะครับคุณย่า ดีเทลเข้าไปเสนอขายยาที่โรงพยาบาลกี่ครั้งต่อกี่ครั้งมันก็ไม่เอาสักตัว มันอิจฉาผมมันเลยกีดกั้นทุกช่องทางไม่ให้ไบโอฟรีมเติบโตสักที"

เควินได้โอกาสรีบลุกพรวดขึ้นเต็มความสูง ฟ้องพ่อกับย่าเสียงดังลั่นกลางโต๊ะอาหาร เมื่อความต้องการของเขาถูกพี่ชายคอยกีดกั้นอยู่ตลอดเวลา และแทบจะเกือบทุกเรื่องเลยตั้งแต่เด็กจนโต

"มึงเลิกพล่ามเรื่องอะไรโง่ๆไร้สาระสักทีได้มั้ยไอ้สัส!!"

"กูพูดความจริง!! มีที่ไหนกูก็เป็นหุ้นส่วนของรางศิธาราเหมือนกัน แต่กูไม่มีสิทธิ์นำยาของไบโอฟรีมมาใช้ได้สักตัว"

เมื่อห้ามแล้วไม่มีใครยอมใคร คนเป็นพ่อ แม่และย่าถึงกับต้องนั่งส่ายหน้าไปมาอยู่บเก้าอี้ เมื่อทั้งคู่ยังคงทะเลาะกันเรื่องเดิมๆนี้ตลอดที่เจอกันมาหลายต่อหลายเดือนแล้วตั้งแต่นำเข้าส่วนประกอบสำคัญจากต่างประเทศ

"นี่กูต้องอธิบายให้มึงฟังกี่รอบวะมึงถึงจะเข้าใจไอ้เควิน? ส่วนประกอบที่นำเข้ามามันยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนที่ไทย มึงอยากโดนจับมั้ยไอ้เหี้ย!!"

"แต่มันมีตัวอื่นที่ถูกกฎหมายบ้านเรามึงก็ไม่ใช้ เพราะมึงพยายามขวางทางกูไงไอ้เทียร์"

คาเตอร์ถึงกลับต้องยันตัวลุกขึ้นยืนเท้าสะเอวจ้องจะทะเลาะกับน้องชายที่อายุห่างกันแค่ 3 ปี อยู่เหนือหัวของผู้เป็นย่าอย่าเสียมารยาท

"พ่อกับย่าดูความงี่เง่าของไอ้เควินสิครับ ไม่ให้ผมทะเลาะกับมันได้ยังไง ตั้งแต่เรื่องบริหารโรงพยาบาลแล้ว"

"ผมไม่ได้งี่เง่า มันคือเรื่องจริงครับคุณพ่อ คุณย่า"

"เฮ้อ!!"

ดวงหทัยถึงกลับถอนหายใจออกมาเมื่อทั้งคู่กำลังดึงย่าเข้าไปเกี่ยวข้องกับการทะเลาะกันในครั้งนี้ที่ไม่ว่าจะเข้าข้างใครก็เจ็บทั้งคู่ เพราะทั้งสองก็เป็นหลานแท้ของเธอทั้งคู่เช่นเดียวกัน

"มึงก็เป็นหุ้นส่วนไบโอฟรีมเหมือนกัน แต่มึงเสือกมีสิทธิ์เลือกที่จะนำยาและส่วนประกอบพวกนั้นจากอังกฤษเข้ามาให้ไบโอฟรีมขายได้  แต่ทำไมกูไม่มีสิทธิ์ใช้ยาของไบโอฟรีมที่รางศิธาราวะกูไม่เข้าใจ  มันไม่ยุติธรรมสำหรับผมเลยครับคุณพ่อ"

"ก็มึงมัน…"

"เอาละพอกันสักที พอๆหยุดทะเลาะกันสักทีฉันรำคาญพวกแกสองคนมากๆเลยนะ ตั้งแต่เด็กจนโตไม่เคยคิดจะยอมให้กันเลยสักครั้ง"

"คุณพ่อครับ!!"

เมื่อคนเป็นพ่อเริ่มหัวเสียกับลูกชายทั้งสองคน เทียนกมลจึงตวาดเสียงดังลั่นห้องเพื่อให้ทั้งสองหยุดทะเลาะกันให้ได้เสียที ก่อนที่เควินจะไม่พอใจสะบัดตูดเดินจ้ำอ้าวหนีออกจากห้องโถงไปอย่างรวดเร็ว

"เควิน เดี๋ยวก่อนลูก กลับมาเดี๋ยวนี้อย่าเดินหนีคุณพ่อกับคุณย่าไปแบบนี้นะ"

"ปล่อยมันไปเถอะยัยอร ให้หลานได้สงบสติอารมณ์ตัวเองเสียบ้าง"

ดวงหทัยรีบเอ่ยห้ามลูกสะใภ้ เมื่ออรนภากำลังจะลุกตามบุตรชายออกไป

"อะ อ้าว เทียร์เดี๋ยวก่อนลูก"

ไม่ใช่แค่เควินเท่านั้นที่หัวเสียเดินออกจากห้องไป คาเตอร์ที่ยืนกำหมัดแน่น เร่งสาวขายาวเดินออกจากห้องโถ่งไปคนละทิศคนละทางเฉกเช่นเดียวกัน ไม่ฟังแม้แต่เสียงเรียกของอรนภาที่อดเป็นห่วงลูกเลี้ยงไม่ได้ ถึงจะไม่ใช่ลูกแท้ๆของตัวเอง แต่เธอก็ทั้งรักและเอ็นดูคาเตอร์เหมือนลูกแท้ๆคนหนึ่งเช่นเดียวกับเควิน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel