เพราะอยากเจอ
เสียงลมหายใจของหญิงสาวดังรวยริน หลังจากผ่านกิจกรรมรักกับชายรุ่นพ่อมาแทบทั้งคืน เธอนอนคว่ำบนเตียงนุ่มของเฟรเดอริค หลับสนิทเสียแววตาของชายผู้มีอายุมองดูเธออย่างเอ็นดู
เรือนร่างชายรุ่นพ่อ ยังแข็งแรงราวกับดูแลออกกำลังกายมาอย่างดี มิได้อ้วนลงพุงปล่อยปละ ละเลยต่อสุขภาพแต่อย่างใด ชายรุ่นพ่ออย่างเฟรเดอริค ทำธุรกิจอาหารธัญพืชส่งออก เขาจะปล่อยให้ตัวเองแก่ อ้วน ลงพุง ป่วยหลายโรคได้อย่างไร
ผลจากการต้องพรีเซ็นต์ตัวเอง เพื่อขายสินค้าอาหารเพื่อสุขภาพ ภาพลักษณ์บริษัทสำคัญมาก เขาจึงเป็นคนดูแลตัวเองมาก จนกระทั่งละเลยภาระหน้าที่ต่อครอบครัวมากเกินไป
ภรรยาสาวคนไทยของเขา จึงไม่อาจทนอยู่กับเขาได้อีก ขอแยกทางและกลับบ้านเมืองไทย โดยพาลูกชายของตัวเองไปด้วย แม้ว่าเฟรเดอริคจะไม่ยินยอมให้เธอพาลูกชายไป แต่เนื่องด้วยความเป็นแม่... เธอจึงพาลูกชายคนเดียวไปอยู่เมืองไทยด้วยกันได้ในที่สุด...
เฟรเดอริคหลับนอนได้เสียกับนิชกานต์อย่างเต็มที่ เขายอมรับว่ามีความสุขมาก เมื่อได้อยู่กับนิชกานต์ เธอทำให้เขาเริ่มคิดถึงเมียเก่า แต่ไม่ค่อยมีความกล้าจะโทรหา... ทำได้เพียงแค่เหลือบสายตามองมือถือของตัวเอง เพื่อจะต่อสายหาลูกชาย ตอนนี้เขาอาจจะโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว...
******
ภวินลงจากรถยนต์ของตัวเอง พลางปิดล็อครถตามปกติ เขารู้สึกตัวเบาสบายมาก อย่างที่ไม่เคยรู้สึกอย่างนี้มานานมากแล้ว นับตั้งแต่เลิกกับกุณฑิกา และมีเพื่อนเจ้าสาวเข้ามาในวันนี้... เขาจึงได้ปลดปล่อยอารมณ์และความต้องการออกจากตัวได้เต็มที่
หากเขาไม่ยั้งร่างเธอเอาไว้ เห็นที่จะติดสอยห้อยตาม ขอตามมาบ้านเขาแน่ๆ ทั้งๆ ที่ภวินยังไม่ได้คิดอะไรกับเธอเลยด้วยซ้ำ นอกจากแค่เห็นเธอเป็นคู่นอนที่ชักจูงง่ายดายเพียงนั้น... เธออาจจะยังไม่ทำให้เขารู้สึกว่า เป็นแฟนหรือเมียได้ นอกจากเป็นได้แค่คู่นอนของเขาเท่านั้น
เสียงฝีเท้ารองเท้าหุ้มส้น ก้าวเท้าเดินอย่างระมัดระวัง ไม่ใช่เพราะทางเดินที่เป็นอันตรายต่อการเดินทาง เขาแค่ไม่อยากส่งเสียงดังจนทำให้แม่ของเธออต้องลืมตาตื่นในเวลากลางคืน จนพักผ่อนไม่เพียงพอ
เส้นทางระหว่างเดินเข้าบ้าน ยาวไกลกว่าสามถึงห้าไร่ เนื่องด้วยสองข้างทางมิใช่พื้นปูพรมหญ้าธรรมดา หรือมีต้นไม้ใหญ่แบบบ้านโบราณ แม้ว่าพื้นที่แถวนี้ จะเป็นอาณาบริเวณบ้านของแม่เขา
เส้นนวลจันทร์ส่องเส้นทางให้ภวินเดินอยู่ระหว่างเรือนกระจกพิเศษ มันมีต้นไม้หลากชนิดอยู่ภายในนั้น เต็มไปด้วย ไม้ดอก ไม้ประดับมากมาย แม้กระทั่งพืชปลูกไร้สารพิษ และพืชสวยงามอีกมากมาย
ภวินเข้าไปในตัวบ้านอย่างสบายอารมณ์ ระหว่างทางเดินได้กลิ่นของดอกไม้นานาพันธ์ ความสดชื่นจากอากาศบริสุทธิ์จากต้นไม้คายออกมาในยามค่ำคืน ภวินบิดลูกกุญแจประตู เพื่อเดินเข้าไปพักผ่อนหลังจากไปร่วมงานแต่งงาของนฤเบศ ทำหน้าที่เป็นเพื่อนเจ้าบ่าว จนกระทั่งได้ฟาดเพื่อนเจ้าสาวกันอย่างลับๆ
ภวินแอบหวังว่า เรื่องของเขากับใหม่ จะไม่ดังกระฉ่อนแรงเกินหน้านฤเบศกับณัฐนิชาหรอกนะ...
******
เสียงสายมือถือดังขึ้นมาในเวลากลางคืน ทำให้ภวินตกใจจนตัวสะดุ้ง ครั้นหยิบมันออกมาจากกางเกง แทบทำหน้าตาเบื่อโลกราวกับไม่อยากรับสายนี้ เขารู้ว่าใครโทรมา และไม่อยากแม้จะกดรับสายคุย แม้ว่าหมายเลขพร้อมชื่อจะปรากฏบนหน้าจอ
เขาถอนหายใจ แล้วโยนมันลงไปที่โซฟาชุดรับรอง พาตัวเองเข้าไปในห้องนอนตัวเอง เพื่อถอดเสื้อผ้าทั้งหมดออกจากตัว เขารู้สึกร้อนรุ่มในอก อีกทั้งหายใจไม่เต็มปอด ใครจะอยากรับสายก่อนเขาจะอาบน้ำเข้านอนในคืนนี้ ในเมื่อเขาฟาดสาวไว้ในอ้อมกอดจนสุดแรง แต่ไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกว่าคำว่า คู่นอน...
เสียงเรียกมือถือเงียบไปแล้ว แต่มันก็ยังดังซ้ำซากอยู่เช่นเดิม แม้เสียงฝักบัวทำงาน ปล่อยสายน้ำเย็นฉ่ำดับร้อนให้แก่ภวิน เขายังได้ยินเสียงมือถือร้องเรียกให้เขาไปรับสายอยู่ดี..
“จะโทรอะไรหนักหนาตอนดึกนะ?” เขาเปรยสบถหัวเสีย เพราะไม่อยากคุยกับคนต่อสายเข้ามาเสียด้วยซ้ำ จึงมิได้สนใจจะรีบอาบน้ำแล้วออกไปกดปุ่มรับสาย
“ภวิน!!! ...โทรศัพท์แน่ะ ทำไมไม่รับสาย...?” เสียงของหญิงสาววัยกลางคนค่อนข้างมีอายุ เดินออกมาจากห้องนอน เพราะได้ยินเสียงมือถือดังตลอดเกือบสิบนาที พร้อมๆ กับเสียงสายน้ำในห้องน้ำดังออกมารำไรอยู่
“ผมอาบน้ำอยู่ครับแม่!!!” ภวินแก้ตัวไปเช่นนั้น แต่เขาไม่ได้โกหกเธอเสียหน่อย
“จะให้แม่รับสายแทนมั๊ย?” สายตาของ ขวัญจิรา แม่ของภวินเหลือบมองมายังหมายเลขพร้อมชื่อบนหน้าจอมือถือ เรือนคิ้วสวยต้องขมวดปมเข้าหากันอย่างรวดเร็ว เพราะเธอรู้จักเขา... รู้จักดีเสียด้วย
“แม่แน่ใจรึครับ? ว่าอยากรับสายนั้น?” เสียงภวินถามกลับออกมา เพื่อบอกแม่เขากรายๆ ว่า บางทีการไม่คุยกันมันอาจจะดีกว่ารับสายเพื่อคุยธรรมดาๆ
“ก็ไม่เห็น...เป็นไรนิ แม่จัดการเอง!” ขวัญจิรากดปุ่มรับสาย เพื่ออยากฟังเสียงปลายทาง เธอไม่ได้ยินเสียงเขานานมากแล้ว นับตั้งแต่เดินทางออกจากเยอรมัน กลับมาอยู่บ้านพ่อแม่ พร้อมพาภวินกลับมาเมืองไทย เพื่อศึกษาต่อป.ตรีจนจบ...
******
“ค่ะ...” เสียงของเธอตอบออกไปสั้นๆ พลางเชิดหน้าสูง ราวกับมองเห็นหน้าปลายสายว่า เขาเป็นชาวต่างชาติที่ต้องแหงนหน้าคุย
“ขวัญ...! โอ้...ขอบคุณที่คุณรับสายลูก ผมคิดถึงคุณมากๆ” แม้ว่าเฟรเดอริคจะไม่ได้ติดต่อกับขวัญจิรามานาน แต่เขาไม่เคยลืมเลยว่า เสียงหวานๆ แข็งกร้าวแบบนี้ มีแต่เมียเก่าของเขาเท่านั้นที่จะพูดแบบนี้ตอนรับสาย
“คุณโทรมาทำไม นี่มันก็ดึกมากแล้วนะ คุณอยู่ไหน เสียงไม่เหมือนคุณอยู่ที่โน้น...?” ขวัญจิราถามจุดประสงค์อย่างตรงไปตรงมา แถมรู้สึกว่าเสียงที่แทรกออกมา เขาอยู่ในเมืองซึ่งเต็มไปด้วยรถยนต์บีบแตร
“ผมมาทำธุระในเมืองไทย ก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงลูก และคิดถึงคุณด้วย ... คือ... คุณกับลูก... ยังโกรธผม...” เขาพยายามคุยภาษาเยอรมันตรงระเบียงห้องนอน แม้จะอยู่ห่างตัวเมืองไกลแค่ไหน ย่านชานเมืองก็ยังได้ยินเสียงสะท้อนจากเมืองกรุงได้อยู่
“เรื่องมันก็ตั้งนานมากแล้วนะ โทรหาเขาทำไม?” ขวัญจิราพยายามรับสายนี้เอาไว้ แม้อยากจะบอกลาและกดตัดสาย แต่ด้วยความเคยเป็นเมียเขามาก่อน เธอหักใจตัดไม่ลง ลึกๆ ก็คิดถึงเขามาก และมากที่สุด จนตัดสายไม่ลงซะที
เสียงสายน้ำฝักบัวเริ่มเงียบลง พร้อมๆ กับเสียงสะบัดผ้าขนหนูดังรำไร อีกไม่นานภวินจะเดินออกมาอยู่ต่อหน้าแม่เขาแล้ว... เธอกำลังสับสน จิตใจว้าวุ่นพอสมควร เมื่อนึกถึงตอนเคยอยู่กับเฟรเดอริคมาก่อน
“ผมคิดถึงเอนเจล... และผมคิดว่าอยากเจอหน้าลูกบ้าง แกเรียนจบรึเปล่า? เกเรจนมีปัญหาเรื่องเรียนมั๊ย?” เฟรเดอริคถามไถ่กับขวัญจิรา ทำหน้าที่พ่อเช่นเดิม แม้ว่าจะสายไปแล้วหลายสิบปีที่ผ่านมา
“ลูกเป็นเด็กดีค่ะ เรียนจบและก็ช่วยฉันทำธุรกิจต้นไม้... อย่างน้อยก็ไม่ใช่เกษตรกรอาหารธัญพืชแบบคุณแน่!” ขวัญจิราตอบออกไปตามตรง เธอพอจะได้ความรู้เรื่องการปลูกพืชมามาก และคิดว่ามันคือพืชเศรษฐกิจ ที่ตลาดมีความต้องการ อย่างน้อยเธอก็มีงานทำ แม้ว่าจะอายุมากเกือบเลขห้าแล้ว ก็สามารถยืนหยัดได้ เพราะเป็นเจ้าของกิจการเสียเอง
******
