บทที่ 2 ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย
บทที่ 2
ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย
อรอินเดินมานั่งรอพาทิศที่โซฟาด้านนอก สักพักหนึ่งชายหนุ่มก็เดินออกมา เขาใส่กางเกงขาสั้นพอดีเขา ในมือถือผ้าขนหนูที่กำลังเช็ดผมอย่างลวก ๆ และเสื้อเชิ้ตนั้นไม่มีกระดุมหรืออย่างไร ถึงต้องเปิดโชว์ตลอด
“วันนี้เราไปทานข้าวเย็นที่สวนอาหารกัน” พาทิศเอ่ยบอก
“ค่ะ แต่ติดกระดุมเสื้อก่อน” อรอินเอ่ยสั่ง
ชายหนุ่มยิ้มกริ่ม แต่ก็ยอมติดแค่โดยดี
พาทิศขับรถพาหญิงสาวมาถึงบริเวณรีสอร์ต ทั้งคู่เดินเคียงกันเข้าไปยังสวนอาหาร สายตาหลายคู่ต่างจับจ้องมายังทั้งสอง พาทิศคิดว่าเพราะสาวร่างบางหน้าตาน่ารักข้างกายเขามากกว่าที่ดึงดูดสายตาให้หลายคนมองมา
พาทิศเอื้อมมือไปจับมือของอรอินไว้ แล้วทำหน้าตาเฉยไม่รู้ไม่ชี้เดินผ่านผู้คนไป
หญิงสาวก็แปลกใจ
“คุณ..จะจูงมืออินทำไมคะ จะถึงอยู่แล้วอินเดินเองได้” คนตัวเล็กกระซิบบอก
“หนูอินไม่เห็นเหรอมีแต่คนมองหนูอิน ผมไม่ชอบ” หญิงสาวจึงได้มองไปรอบ ก็จริงอย่างเขาว่า แล้วส่วนใหญ่ก็จะเป็นพนักงานของรีสอร์ตเสียส่วนใหญ่ที่มอง
“อินว่าเขามองเพราะคุณจูงมืออินอยู่เนี่ยล่ะ”
“เหรอ” ชายหนุ่มตอบเพียงสั้น ๆ
“.......” เหรอแล้วไง เขาก็ยังไม่ปล่อยมือเธออยู่ดี เขาจูงเธอไปจนถึงโต๊ะนั่ง สั่งอาหารมากินจนอิ่ม พูดคุยกันหลายเรื่องมากมาย
เธอไม่คิดเลยว่า จะคุยกับเขาได้ถูกคอกันเพียงนี้ ครั้งและที่เจอกันคิดว่าเขาจะเป็นพวกปากคอเราะร้ายเสียอีก เพราะทะเลาะกันตลอด แต่พอผ่านหลาย ๆ เรื่องราว พาทิศก็เป็นคนที่มีน้ำใจคนหนึ่ง
ชายหนุ่มยกมือเรียกพนักงาน แล้วสั่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดที่หญิงสาวชอบมาให้เธอ
ครู่เดียวก็มีพนักงานยกมา แต่ยังไม่ว่างเครื่องดื่มให้เธอ ทะนุถนอมอินจึงเงยหน้าขึ้นมา เธอเป็นผู้หญิงหน้าตาดีคนหนึ่ง แต่แต่งกายไม่เหมือนชุดของพนักงานของรีสอร์ต ผู้หญิงคนนี้แต่งตัวจัดว่าโป๊ะเลยก็ว่าได้ เสื้อเอวลอยสายเดี่ยวสองเต้านั่นแทบจะล้นออกมานอกเสื้อ กางเกงก็สั้นเสมอ….. จนอรอินถึงกับแปลกใจ
เธอคนนั้นมองหน้าอรอินเหมือนเกลียดเธอยังไงยังงั้น ทั้งที่ยังไม่เคยรู้กันสักนิด ก่อนเธอคนนั้นจะตวัดสายตาไปมองพาทิศที่นั่งกอดอกมองอรอินอยู่
“คุณพาทิศค่ะ วันนี้จะกลับไปนอนที่บ้านใหญ่ไหมคะ” จันทร์ฉายพูดอย่างออดอ้อน และยังโน้มกายเข้าหาพาทิศอย่างยั่วยวน
“เธอไม่ใช้พนักงานที่นี่ แล้วมาได้ยังไง” พาทิศพูดแต่ไม่ได้มองจันทร์ฉายเลยสักนิด อรอินมองทั้งคู่ด้วยความสงสัย
จันทร์ฉายจึงหันมาทางอรอินหยิบแก้วเครื่องดื่มว่างลงตรงหน้าเธอแล้วหันกลับไปหาพาทิศอีกครั้ง
“จันทร์ฉายแค่จะมาถามเฉย ๆ ค่ะ ถ้ากลับจันทร์ฉายจะอยู่รอต้อนรับ” จันทร์ฉายพูดจาสองแง่สองง่ามอยากให้อรอินเข้าใจผิด และเป็นไปตามคาด
สีหน้าของอรอินเปลี่ยนไป เธอหยิบแก้วเครื่องดื่มนั้นมาดื่มรวดเดียวหมดและลุกออกจากโต๊ะไปอย่างรวดเร็ว
พอหญิงสาวลุกออกไป พาทิศตวัดสายตามองหน้าจันทร์ฉายอย่างโมโห
“ที่ฉันให้เธออยู่ เพราะเห็นแก่พี่ชายเธอนะจันทร์ฉาย” เขากล่าวเสียงแข็ง
“ก็จัน…” หญิงสาวยังพูดไม่จบ แขนก็ถูกกระชากจากพี่ชายจนเธอเซถอยหลัง
“บอกว่าอย่ามายุ่งกับนายไง” นุ้ยบีบแขนน้องสาวไว้ พาทิศไม่ได้สนใจทั้งสองต่อ เขารีบเดินตามอรอินไปทันที
ชายหนุ่มเดินมาถึงเธอก็กำลังจะเข้าห้องพักพอดี
“หนูอินเป็นอะไร” พาทิศจับแขนรั้งเธอไว้
อรอินหยุดนิ่งแต่ไม่ได้หันหน้ากลับไปมองเขา ใช่นี้เธอเป็นอะไรอยู่ เธอคิดทบทวนตัวเอง เธอไม่ได้เป็นอะไรกับเขาสักหน่อยแต่ทำไมถึงรู้สึกโกรธเขาด้วย
“หนูอิน..” เขาเรียกย้ำ
“อินไม่ได้เป็นอะไรคะ” เธอตอบและพยายามแกะมือเขาที่จับแขนเธออก
“ผมรู้ว่าหนูอินโกรธอยู่”
“อินจะโกรธทำไมคะ..เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย คุณจะมีใครอยู่มันก็ไม่ได้เกี่ยวกับอินนี่คะ” น้ำเสียงเธอเริ่มขึงขัง
พาทิศชะงักคลายมือที่จับแขนเธอออก
“หนูอิน…คือ..” พาทิศอยากบอกบางอย่าง แต่เวลานี้หญิงสาวไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้นเธอสะบัดแขนออก รีบเปิดประตูเข้าไปและปิดล็อตทันที
พาทิศนิ่งอยู่หน้าประตู ความรู้สึกครั้งนี้เขาจะบอกเธอยังไงดี..
สองสามวันต่อมาอรอินไม่เจอพาทิศเลยแม้แต่เงา เธอก็ไม่ได้ถามถึงเขากับพวกพนักงานด้วย เธอแสล้งใช้ชีวิตอย่างสโลว์ไลค์ เดินเล่นเดินเที่ยวเหนื่อยก็พัก ง่วงก็นอนพยายามไม่นึกถึงพาทิศ
ชายหนุ่มเองก็เช่นกัน วันแรกเขาไม่กลับมาที่รีสอร์ตเลย แต่มันทนความคิดถึงไม่ไว้ วันต่อมาพาทิศจึงได้มาแอบดูอรอินอยู่ห่าง ๆ ไม่ให้เธอรู้ตัว
จนกระทั่งค่ำวันนี้หญิงสาวนั่งอยู่ที่สวนอาหารเหมือนเช่นเคย เธอนั่งดื่มอยู่คนเดียวท่าทางเหงา ๆ พาทิศเห็นเธอแล้ว และกำลังจะเดินเข้าไปหาแต่มีชายคนหนึ่งตัดหน้าเข้าไปนั่งร่วมโต๊ะกับหญิงก่อน
"สวัสดีอิน จำเราได้ไหม"
