บทที่ 3 เจ้านาย
ในเช้าวันใหม่ร่างอรชรเด้งตัวลุกขึ้นจากเตียงด้วยความรวดเร็ว เท้าเรียวค่อย ๆ แตะพื้นห้องก่อนจะตรงไปยังห้องน้ำ วันนี้เธอมีนัดสัมภาษณ์กับบริษัทของโทมัสโซ่ หลังจากส่งข้อมูลการสมัครตำแหน่งเลขานุการทางอีเมลเมื่อสองวันก่อนและฝ่ายบุคคลนัดให้ไปสัมภาษณ์วันนี้ช่วงเวลาเก้าโมงตรง
มธุรินใช้เวลาในการอาบน้ำและแต่งตัวเกือบชั่วโมงก็เสร็จเรียบร้อย ขณะเธอกำลังจะก้าวพ้นประตูบ้าน เท้าเรียวหยุดชะงักกับน้ำเสียงคุ้นหู
“แคลร์จะไปไหนแต่เช้าเหรอ”
“ฉันจะไปธุระข้างนอกหน่อย” มธุรินหันหลังไปตอบคำถามภัคธิมา ไม่ลืมส่งยิ้มหวานกลบเกลื่อน
“ต้องแต่งตัวสวยขนาดนี้เลยเหรอ” ภัคธิมาเลิกคิ้วเรียวขึ้น กวาดสายตามองมธุรินตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า แต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตสีชมพูอ่อนและสวมกระโปรงทรงเอเลยเข่านิดหน่อย ทั้งยังใส่รองเท้าส้นสูง จนอดแปลกใจไม่ได้เพื่อนจะไปไหนกันแน่
“ฉันอยากสวยบ้างไม่ได้เหรอ” เถียงข้าง ๆ คู ๆ ตอนนี้เธอนึกคำตอบได้แค่นี้เพราะเมื่อคืนไม่ได้คิดจะเจอเพื่อนในตอนเช้า
“เหรอ” เอ่ยถามเสียงแบบไม่ค่อยเชื่อมากนัก
“ก็ใช่สิ ฉันไปก่อนนะ เดี๋ยวเที่ยง ๆ จะซื้อของอร่อยมาฝาก” กล่าวจบรีบวิ่งทันที กลัวเผลอเผยพิรุธมากกว่านี้หากยังตอบคำถามภัคธิมา
“เดี๋ยวสิแคลร์ อย่าเพิ่งไป” ไม่ทันจะรั้งเพื่อนรัก มธุรินก็วิ่งพ้นไปไกล “เฮ้อ รีบร้อนอะไรกันนะ”
มธุรินนั่งรถแท็กซี่มาถึงหน้าบริษัทเวลาแปดโมงครึ่ง เธอยื่นธนบัตรสีแดงสองใบค่ารถแก่ลุงแท็กซี่ ก่อนเปิดประตูและก้าวเท้าเข้าข้างในตึก
“เกือบสายแล้วไหมล่ะ” เธอพ่นลมหายใจเฮือกหนึ่ง แอบสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นผู้สมัครตำแหน่งเลขานุการเยอะทีเดียว
“เยอะจังเลย” เสียงหวานพึมพำเบา ๆ จากนั้นสูดลมหายใจเข้าปอดรวบรวมความกล้าแล้วย่างกรายไปนั่ง ไม่ว่าอย่างไรเธอต้องได้ตำแหน่งนี้ให้ได้เพื่อกระชากหน้ากากโทมัสโซ่
หญิงสาวนั่งคอยสักพักก็มีสาวสวยคนหนึ่งเรียกให้ผู้สมัครไปห้องหนึ่ง เพื่อทำแบบทดสอบปรนัยและอัตนัย หากผู้ใดผ่านก็จะเข้ารอบต่อไป และต้องสัมภาษณ์กับประธาน
เวลาในการทำแบบทดสอบทั้งหมดสองชั่วโมง ทุกคนต่างทำด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แต่แตกต่างกับมธุรินที่ยิ้มร่าสำหรับเธอแค่นี้สบายมาก กระทั่งหมดเวลาก็ให้ทุกคนออกจากห้องและพักยี่สิบนาทีระหว่างรอประกาศผล
สาวสวยคนเดิมเดินมาแจ้งผล ปรากฏว่าหนึ่งในนั้นมีชื่อของมธุรินด้วย จากนั้นทุกคนเริ่มเข้าสัมภาษณ์กับผู้บริหารทีละคนตามลำดับ
หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจในวันนี้ มธุรินเดินออกมาจากตึกด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ผลปรากฏว่าเธอได้ทำงานตำแหน่งเลขานุการอย่างที่หวังไว้
“เย้!! ในที่สุดสำเร็จ” แสดงท่าทางดีใจระหว่างเยื้องย่างริมทางเดิน
“เอ๊ะ เดี๋ยวนะ ทำไมวันนี้ผู้ชายคนนั้นแปลกจัง” เท้าเล็กหยุดชะงักพลางนึกถึงคนที่เพิ่งเจอเมื่อไม่นานมานี้ เธอรู้สึกเหมือนโทมัสโซ่ที่เคยเจอตอนมาหาภัคธิมาจะยิ้มเก่งและสีหน้าไม่ได้เย็นชาเหมือนวันนี้ แม้โทมัสโซ่จะไม่เคยเจอเธอแต่เธอเคยเห็นเขาหลายครั้งจึงจำลักษณะท่าทางได้ดี
“ช่างเถอะ” ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว มธุรินสลัดความคิดทิ้ง หลังจากนี้มีเรื่องต้องสืบอีกเยอะ วันนี้เธอเหนื่อยขอกลับไปพักก่อนละกัน
หลายวันต่อมา วันนี้เป็นวันแรกมธุรินได้เริ่มงานตำแหน่งเลขานุการของโทมัสโซ่ แต่กว่าเธอจะได้ออกจากบ้านก็โดนภัคธิมาบ่นไปหลายชุด โทษฐานแอบสมัครงานที่อื่นโดยไม่ปรึกษากันเพราะมีร้านขนมไทยต้องดูแลร่วมกัน แต่เธออ้างเหตุผลกับเพื่อนว่าจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากและสัญญาจะกลับไปช่วยงานที่ร้านหลังเลิกและวันหยุดเสาร์อาทิตย์
ถึงภัคธิมาจะไม่พึงพอใจกับวิธีการของมธุรินเพราะสามารถให้มธุรินยืมเงินได้ แต่เธอสรรหาเหตุผลอื่นมาแย้งกับเพื่อนรัก กระทั่งอีกฝ่ายต้านทานไม่ไหว จำใจยอมให้มธุรินทำตามปรารถนาในที่สุด
“น้องแคลร์คะ ช่วงสิบโมงน้องอย่าลืมนำกาแฟดำไปเสิร์ฟบอสด้วยนะคะ” นาราหรือสาวสวยคนเดิมที่มธุรินเจอในวันสัมภาษณ์ เธอเป็นเลขาของโทมัสโซ่ ซึ่งกำลังจะออกสิ้นเดือนนี้ แต่ระหว่างนั้นนาราต้องคอยสอนงานมธุรินก่อน
“ค่ะพี่นารา แคลร์จะจัดการเดี๋ยวนี้เลย” เธอเด้งตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้เมื่อใกล้ถึงเวลา
หญิงสาวเดินมาหยุดหน้าห้องเจ้านายหนุ่มพร้อมแก้วกาแฟ มือเรียวยกขึ้นเคาะประตูเบา ๆ เพียงไม่นานเสียงคนข้างในตอบรับกลับมา
“บอสคะ กาแฟดำค่ะ” เธอวางแก้วกาแฟตรงหน้าชายหนุ่ม แล้วส่งยิ้มอ่อน
นัยน์ตาคมกริบชำเลืองมองแก้วกาแฟเล็กน้อย
“ผมสั่งคุณเหรอ” เอ่ยถามเสียงเรียบ จ้องหน้าเลขาสาวอย่างขอคำตอบ
“เอ่อ คือพี่นาราบอกว่าบอสต้องดื่มกาแฟดำช่วงสิบโมงเช้าทุกวัน”
“ผมไม่ดื่ม คุณนำไปเก็บเถอะ” พูดจบมาเชลโล่ก้มหน้าอ่านเอกสารต่อ
มธุรินนำถ้วยกาแฟออกจากห้องทำงานเจ้านายหนุ่มตามคำสั่ง แล้วนำไปเก็บอย่างไม่สบอารมณ์มากนัก ใบหน้าบึ้งตึงแทบอยากจะกรีดลั่นกับความเอาแต่ใจของเขา
“ผมสั่งคุณเหรอ” มธุรินกล่าวล้อเลียนประโยคมาเชลโล่พลางเบะปากพูด เธออยากให้เพื่อนมาเห็นธาตุแท้ของเขาตอนนี้เหลือเกิน ความจริงแล้วไม่ใช่คนดีสักนิด “คอยดูเถอะ ฉันจะกระชากหน้ากากคุณออกมาให้รสาเห็นเอง” มือเรียวกำหมัดแน่น พยายามระงับโทสะไม่ให้โมโหมากจนเสียแผน
มธุรินกลับมาทำงานเหมือนเดิม วันนี้ทั้งวันเธอตั้งใจเรียนรู้งานเต็มที่
“เหนื่อยจังเลย” หญิงสาวบิดขี้เกียจหนึ่งที หลังจัดการงานตรงหน้าเรียบร้อย
“ทนหน่อยนะน้องแคลร์ งานเลขาก็แบบนี้แหละ” นาราส่งยิ้มหวานแก่สาวรุ่นน้อง
มธุรินปรายตามองนาราครู่หนึ่ง ขณะคิดอะไรเรื่อยเปื่อยก่อนตัดสินใจถามเรื่องราวเกี่ยวกับเจ้านาย
“พี่นาราคะ ปกติบอสเป็นคนยังไงเหรอ”
“บอสเป็นเจ้านายที่ใจดีมากค่ะ แต่เวลางานบอสค่อนข้างจริงจังมากค่ะ น้องแคลร์เข้ามาใหม่ต้องระวังเรื่องทำงานผิดพลาดด้วยนะคะ”
“ค่ะ” พยักหน้าเล็กน้อยและมองดูนาราทำท่าทางเหมือนมีเรื่องอยากจะพูดต่อ
“น้องแคลร์อย่าบอกใครนะคะ พี่มีเรื่องจะเล่าให้ฟัง” นาราหันซ้ายหันขวามองดูผู้คน คอยระวังกลัวใครจะผ่านมาได้ยิน
“อะไรเหรอคะ” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน
“ก็ช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา พี่รู้สึกเหมือนบอสไม่ใช่คนเดิม” นารากระซิบข้างหูมธุรินให้ได้ยินแค่สองคน
“ยังไงเหรอคะ”
“พี่รู้สึกเหมือนบอสจะขรึมกว่าเดิม และทำหน้าเย็นชาแทบไม่ยิ้มเลย ทั้งที่เมื่อก่อนบอสยิ้มเก่งมาก” นาราอธิบายเพิ่มเติม
มธุรินไม่ได้ถามต่อ แต่กำลังคิดตามในสิ่งที่นารากล่าวเมื่อสักครู่ เท่าที่ฟังมาเธอรู้สึกเหมือนเขาจะเป็นจริงอย่างนาราพูด ไม่ค่อยยิ้มและทำหน้าเหมือนคนอมทุกข์ตลอดเวลา
“น้องแคลร์คะ” นาราสะกิดรุ่นน้องเบา ๆ
“คะ พี่นารา” สะดุ้งจากภวังค์พร้อมแหงนหน้ามองนารา
“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ พี่เห็นน้องแคลร์เหม่อตั้งนาน”
“เปล่าค่ะ งั้นแคลร์ขอทำงานต่อนะคะ”
หลังจากนั้นเพียงไม่นานก็ถึงเวลาเลิกงาน มธุรินเก็บข้าวของบนโต๊ะเรียบร้อยและรีบตรงไปร้านขนมไทยของตนเองกับภัคธิมา
“สวัสดีค่ะพี่แคลร์” แก้วใจพนักงานในร้านเอ่ยทักทายหญิงสาวเมื่อร่างอรชรเปิดประตูเข้ามา
“สวัสดีค่ะ รสาอยู่ไหนเหรอ” พูดพลางกวาดสายตามองรอบ ๆ
“พี่รสาอยู่หลังร้านค่ะ”
“งั้นพี่ขอตัวก่อนนะคะ” ไม่รอช้ารีบไปหาเพื่อนรักทันใด
“รสา ฉันกลับมาแล้วนะ”
“แคลร์” ภัคธิมาหยุดชะงักกับการทำขนม แล้วหันไปมองเพื่อนรักด้วยความดีใจ ฉีกยิ้มกว้างจนตาหยี
“ทำอะไรอยู่เหรอ” มธุรินก้าวเดินไปใกล้ภัคธิมา ทอดสายตามองขนมที่เพื่อนกำลังทำอยู่
“ทองหยอด”
“แกกลับไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวฉันทำต่อเอง” มธุรินวางกระเป๋าไว้มุมหนึ่ง จากนั้นหยิบผ้ากันเปื้อนมาสวมใส่และล้างมือให้สะอาดก่อนจะช่วยภัคธิมาทำขนม
“ไม่เป็นไรหรอกแคลร์ แกทำงานมาเหนื่อยไปพักเถอะ แค่นี้สบายมาก” หันไปส่งยิ้มอ่อนแก่เพื่อนรักและทำขนมต่อ สาเหตุที่เธอไม่อยากกลับบ้านกลัวฟุ้งซ่านคิดถึงโทมัสโซ่พานจะร้องไห้เปล่า ๆ
“แกโอเคแล้วใช่ไหมรสา” พูดพลางสังเกตท่าทีเพื่อนรัก เธอรู้ดีภัคธิมากำลังใช้ความพยายามอยู่ เพื่อจะไม่ร้องไห้
“ฉันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย คิดมากอีกแล้วนะแคลร์” ภัคธิมากล่าวขึ้นโดยไม่ยอมสบตามธุริน
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้วรสา” เอื้อมมือตบบ่าเล็กเพื่อนเบา ๆ ราวกับปลอบประโลม
ต่อให้ภัคธิมาจะพยายามฝืนสักแค่ไหน แต่ก็ไม่รอดพ้นสายตามธุรินอยู่ดี
‘รอหน่อยนะรสา ฉันจะเอาคืนหมอนั่นแทนแกเอง’
