ตอนที่ 1-4
ลูก้าชะงักเมื่อถูกสายตาสีฟ้าเงยขึ้นมองอย่างไม่สบอารมณ์ “ไม่เข้าตาสักนิดเลยหรือครับ”
น้ำเสียงของเควินเริ่มส่งพลังอันตราย “ไม่เอา เข้าใจยากนักหรือไงวะ”
เสียงเข้มดังขึ้น ทว่านิ้วชี้แข็งเกร็งกำลังเคาะโต๊ะราวกับกำลังใช้ความคิดไปด้วย
“สามคนในแฟ้ม ฉันไม่เอาใครสักคน ถ้าเสียดาย อยากได้เอาไว้เอง ฉันก็ไม่ว่า”
“ครับ...ไม่เอาก็ไม่เอาครับ”
แม้เขาจะเคยหวั่นเกรงกับน้ำเสียงเฉียบขาดแบบนี้ แต่ทำงานมาด้วยหลายปี เขารู้ว่าอะไรคือของที่เจ้านายต้องมี แล้วจะไม่เอาได้ยังไง
“แต่ของมันต้องมีไม่ใช่เหรอครับคุณเควิน” เขาคัดเลือกมาได้แค่สามคน กว่าจะหาได้ขนาดนี้ก็แทบตาย แต่เจ้านายไม่ถูกใจใครสักคนเลย
เควินหรี่มองคนสนิทที่พยายามยืนตื๊อ “สิ่งที่นายต้องรีบไปทำเดี๋ยวนี้คือไปให้พ้นหน้าฉัน เตรียมทุกอย่างให้พร้อมสำหรับการเดินทางไปลิเบียพรุ่งนี้เช้าก่อนเก้าโมง”
“ปะ...ไปครับ ผมจะรีบไปเตรียมทุกอย่างให้พร้อมครับคุณเควิน”
คนอย่างเจ้านายเขาล้อเล่นด้วยไม่ได้ สั่งแล้วต้องทำเลย เควิน ลาซอนเนติ เกลียดคำว่าไม่ได้ ไม่ชอบคนทำอะไรเชื่องช้า ถ้ารับในตัวเขาไม่ได้ก็รับเงินตามกฎหมายแล้วไปทำงานกับคนอื่น แม้จะเป็นคนคิดไว เฉียบขาด แต่ก็ติดอารมณ์ร้อนไปสักหน่อย แต่รวมแล้วข้อดีก็มีมากกว่าข้อเสีย ลูก้าได้แต่ค้อมศีรษะลงแล้วถอยหลังก้าวออกจากห้องไป
‘ภูชิต’ ตบไหล่ลูกสาวเป็นเชิงปลอบใจแล้วดึงทิชชู่ให้สาวน้อยที่เขาเลี้ยงมากับมือ เขารู้ว่าเรื่องแค่นี้ไม่ทำให้ยัยหนูของเขาตายได้หรอก แค่เจ้าตัวอาจจะนอยด์ไปหลายวัน
“เลิกร้องไห้ได้แล้วเยลลี ทำตัวเป็นเด็กๆ ไปได้ ลูกสาวพ่อยี่สิบสี่แล้วนะลูก” แม่ของยลรดาตายไปตั้งหลายปีแล้ว ภูชิตไม่ยอมมีเมียใหม่ เขาอยู่กับลูกสาวคนสวยสองคนก็ดีอยู่แล้ว แม้จะมีแม่หม้ายสาวใหญ่มาทอดสะพานให้อย่างเปิดเผยบ่อยครั้งก็ตาม
ทางบ้านของเขาถึงไม่ได้มีฐานะร่ำรวยแต่ก็ไม่ถึงกับยากจน หากลูกสาวคนเดียวยังหางานทำไม่ได้ ทำไมเขาจะเลี้ยงเธอไม่ได้ ในเมื่อเลี้ยงเองมาตลอดไม่เคยขอความช่วยเหลือจากใคร แต่เห็นว่ายลรดาอยากทำงานตรงสายที่เรียนมาจึงเพียรออกสมัครงาน เขาจึงยอมให้ลูกสาวไปสมัคร แล้วแอบดีใจด้วยซ้ำที่วันนี้ลูกสาวไม่ได้งาน จะได้ไม่ต้องเดินทางไปไกล
ยลรดาเอามือปาดป่ายน้ำตาที่ไหลออกมาด้วยความเจ็บใจ เธอหยุดสะอื้นไปแล้วและสั่งน้ำมูกใส่กระดาษทิชชู่เป็นครั้งสุดท้าย แต่เสียงที่ดังต่อมาที่ทำให้ภูชิตมองหน้าลูกสาวแล้วส่ายหน้าคงเป็นเสียงท้องร้องมากกว่า
“เสียงท้องหนูเอง หนูหิวค่ะพ่อ ตั้งแต่บ่ายยังไม่ได้กินอะไรเลย”
ยรลดาบอกจบแล้วยิ้มเขิน พลางคว้าเฟรนช์ฟรายร้านโปรดที่วางอยู่บนโต๊ะจิ้มกับชีสดิปของโปรดส่งเข้าปากเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย พอดีผู้เป็นพ่อหิ้วมันกลับเข้าบ้านมา แต่ตอนนี้เฟรนช์ฟรายทอดร้อนๆ หอมๆ เริ่มเย็นหมดแล้วหลังจากเธอระบายความอัดอั้นเรื่องการสัมภาษณ์งานในวันนี้ให้บิดาฟังไปพักใหญ่
ภูชิตหัวเราะ “ไม่เห็นเป็นอะไร ไม่ได้งานนี้ งานอื่นก็ยังมี”
“แต่ถ้าหนูได้งานนี้ความฝันที่หนูจะได้ไปเยือนดินแดนไอยคุปต์มันก็ใกล้แค่เอื้อมแล้วนะคะพ่อ แต่มันก็หลุดลอยไปแล้ว” เพราะยลรดาตั้งใจว่าจะทำงานเก็บเงินไปเที่ยวอียิปต์
ถึงภูชิตจะเลี้ยงลูกสาวคนเดียวได้ไม่ลำบากอะไร แต่ก็ไม่ได้มีเงินมากมายพอให้ซื้อทัวร์ไปเที่ยวต่างประเทศไกลๆ
“ช่างมันเถอะ คิดว่างานนี้ไม่ใช่ของเรา จะได้สบายใจ ไปกินข้าวกันเถอะ”
“ค่ะพ่อ”
ยลรดามองบิดาที่ช่วยจัดอาหารใส่จาน ท่านเป็นผู้ชายอบอุ่นและใจดีมาก ถ้าเธอจะมีแฟนสักคนขอให้มีนิสัยเช่นเดียวกับบิดาชีวิตคงจะมีความสุขไม่น้อย
อีกฟากหนึ่ง แสงไฟโทนนุ่มนวลที่เกิดจากการออกแบบเพื่อให้เจ้าของห้องนี้ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่เมื่อทอดสายตาผ่านผ้าม่านเข้าไปยังคงทำหน้าที่ของมันอยู่ เจ้าของร่างกำยำนอนนอนเปลือยเปล่าตะแคงไปทางซ้าย เขาพยายามข่มตาหลับ แต่อาการเดิมๆ ยังคงหลอกหลอน เขาปรือตาขึ้นอย่างช้าๆ ดวงตาสีฟ้ามองมินิแบร์ขนปุยตัวนุ่มในอ้อมกอด
“แกช่วยให้ฉันนอนหลับหน่อยไม่ได้หรือไงเจ้าหมี ทำงานไม่ดีเดี๋ยวโดนรีเจ็กต์ไปอีกตัวหรอก หรืออยากจะโดน”
ความคิดของเขาจมดิ่งไปถึงหญิงสาวที่เข้ามาให้สัมภาษณ์ในตำแหน่งล่ามเป็นอันดับสามของวันนี้ ผู้หญิงคนนั้นรูปร่างไกลจากคำว่านางแบบตัวเล็ก ผิวขาว มีน้ำมีเนื้อ มีอกอวบอิ่มที่เขาแค่มองผ่านๆ ก็พอจะเดาขนาดได้แล้ว มือหนาเผลอกดหนักกดไปที่บั้นท้ายของเจ้าหมีตัวอวบในอ้อมกอด
“ของมันต้องมี ไม่มีแล้วฉันจะนอนหลับได้ยังไง จริงไหมวะเจ้าหมี”
มันตอบเขาไม่ได้นั่นแหละดีแล้ว นอนนิ่งๆ สงบปากสงบคำให้เขากอดๆ คลำก็พอแล้ว มันช่างน่าอายเหลือเกินที่นักธุรกิจผู้กุมบังเหียนธุรกิจระดับหมื่นล้านติดนิสัยนอนหลับไม่ได้หากไม่ได้กอดอะไรในยามกลางคืน นี่คงเป็นคืนสุดท้ายที่บนเตียงของเขาจะต้องพึ่งความนุ่มนิ่มจากเจ้าหมีสีขาวตัวนี้แล้ว เพราะคืนพรุ่งนี้มินิแบร์ตัวใหม่กำลังจะมาแทนที่มันบนเตียง
“แกรู้ไหม เจอกันครั้งแรกคือเรื่องทั่วไป...เจอกันครั้งที่สองคือเรื่องบังเอิญ...เจอกันครั้งที่สามไม่ใช่พรหมลิขิต แต่ฉันต่างหากเป็นผู้ลิขิตเอาไว้”
ดวงตาสีฟ้าเต็มไปด้วยเสน่ห์คู่นั้นล้ำลึกเปี่ยมด้วยอารมณ์มากมายซ่อนเร้นเอาไว้เกินกว่าที่ใครจะเข้าใจ ก่อนจะหลุบตาลงแล้วพยายามข่มตาให้หลับ แต่ก็ทำได้อย่างยากลำบาก นอกจากเขายังหลับไม่ได้ บางอย่างที่ถูกปิดคลุมเอาไว้ภายใต้ผ้าห่มมันก็งี่เง่า เอาแต่ใจ ไม่ได้ดั่งใจมันก็ไม่ยอมหลับยอมนอน จนเขาต้องพามือแกร่งหายเข้าไปใต้ผ้าห่มนุ่มสีขาวที่คลุมตัวตนของมันไว้แล้วลูบปลอบ
“ปีหนึ่งมีสามร้อยหกสิบห้าวัน ฉันให้แกพักงานแค่สองสามวัน ก็นอนๆ ไปเถอะ นอนให้หลับเอาแรงไว้ พรุ่งนี้แกได้ออกแรง ขยับเนื้อขยับตัวแน่นอน”
เขาพูดกับมันดีๆ ให้ความหวังมัน แต่ความต่อต้านที่ขยายตัวตนทำให้เควินพ่นลมหายใจร้อนผ่าว
"ตุ๊กตาหมีตัวใหม่จะรับไหวหรือเปล่า ฉันมันเป็นคนไฮเปอร์เสียด้วย เป็นหนักเวลาอยู่บนเตียง...ไฮเปอร์เซ็กชวลลิตี้" ก่อนจะกดยิ้มร้ายที่มุกปากขวาแล้วปิดเปลือกตาลง
