บท
ตั้งค่า

บทที่ 1 คำสั่งใหม่

คฤหาสน์ครอบครัวมาร์ติน

ชายหนุ่มร่างสูงเรือนผมสีส้มเดินขึ้นไปตามบันไดมุ่งหน้าสู่ชั้นสามของตัวบ้าน เขาย่างก้าวสบาย ๆ ก่อนจะหยุดลงที่หน้าห้องทำงานของบิดา

ก๊อก ก๊อก

“เข้ามา” เสียงทุ้มจากภายในห้องเอ่ยขึ้น

ร่างสูงบิดกลอนประตูเข้าไปในห้องทำงานทันทีที่ได้รับอนุญาต

อดีตมาเฟียเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารมองมาทางลูกชาย คิ้วได้รูปขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัยที่เห็นลูกชายมาหาในเวลานี้

“มีอะไรติน”

“ตอนนี้พี่มีอาไม่จำเป็นต้องมีบอดี้การ์ดแล้ว ผมเลยอยากจะขอดึงตัวพี่ไอซ์มาทำงานด้วย” เด็กหนุ่มเอ่ยเข้าประเด็นทันที

“หืม ไอซ์งั้นเหรอ แกก็มีปกป้องอยู่แล้วหนิ แถมยังมีลูกน้องอีกหลายคนยังไม่พออีกเหรอ”

“ผมอยากได้พี่ไอซ์ พ่อก็น่าจะรู้ว่าพี่เขามีความสามารถรอบด้าน”

ไคโร นิ่งเงียบไปครุ่นคิดตามคำพูดของลูกชาย ไอซ์ถือว่าเป็นบอดี้การ์ดหญิงไม่กี่คน ที่มีทั้งทักษะการต่อสู้และฉลาดปราดเปรื่อง แต่ไคโรก็สัมผัสได้ว่าหญิงสาวไม่ชอบลูกชายเขานัก จึงค่อนข้างจะลำบากใจที่จะบังคับให้อีกฝ่ายต้องทำงานกับคนที่เธอไม่ชอบ

“เดี๋ยวพ่อลองถามไอซ์ให้แล้วกัน” ไคโรตอบแบ่งรับแบ่งสู้

“ไม่ต้องถามครับ พ่อก็แค่บอกเธอให้มาทำงานกับผมก็พอ”

ผู้เป็นบิดามีสีหน้าลำบากใจเล็กน้อย ช้อนสายตามองหน้าลูกชายคนรองของบ้านถามต่อเสียงเข้ม

“แกคิดจะทำอะไรกันแน่”

“เรื่องนั้นพ่อไม่ต้องรู้หรอกครับ”

มุมปากหยักของเด็กหนุ่ม ยกขึ้นส่งผลให้ใบหน้าหล่อเหลาดูเจ้าเล่ห์ เขายกฝ่ามือเสยเรือนผมสีส้มแสดที่มักทิ่มหน้าทิ่มตาบิดาอย่างลวก ๆ

“ยังไงฝากพ่อจัดการให้ด้วยนะครับ”

เมื่อพูดจบมาร์ตินก็หมุนกายเดินออกจากห้องทำงานไป ไม่ได้สนใจเสียงถอนหายใจ ด้วยความเหนื่อยหน่ายของบิดา มุมปากได้รูปแสยะยิ้มร้าย นัยน์ตาสีน้ำตาลวาวโรจน์ กับแผนการร้ายครั้งใหม่

วันต่อมา

หลังจากที่มีอาลูกสาวสุดที่รักของบ้านสามารถคบหากับแอซตันอย่างเป็นทางการ แฟนหนุ่มสุดหล่อก็คอยตามดูแลไปรับไปส่ง ทำให้หน้าที่ของบอดี้การ์ดอย่างไอซ์เหมือนจะไม่จำเป็นอีกต่อไป ทำให้ตอนนี้เธอถูกย้ายไปช่วยงานในส่วนอื่น เช่นการดูแลความปลอดภัยรอบบริเวณคฤหาสน์ จัดเตรียมดูแลความสะดวกให้เหล่าเจ้านาย

หญิงสาวใบหน้าสวยจัดแต่กลับไร้อารมณ์ เรือนผมสีดำยาวจรดเอวถูกมัดรวบเอาไว้ด้านหลังเพื่อความคล่องตัว เธอแต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตขาวเข้ารูปคู่กับกางเกงสแล็กสีดำดูทะมัดทะแมง กอดอกยืนพิงกำแพงรั้วของคฤหาสน์หลบแดดแรงจ้าในช่วงบ่ายอันร้อนระอุของหน้าร้อน

เม็ดเหงื่อเกาะพราวกรอบหน้า แต่ก็ไม่ได้ทำให้เธอสนใจนัก ตวัดสายตายืนเฝ้าประจำจุดแข็งขัน

ตึก ตึก ตึก

เสียงฝีเท้าเร่งรีบเรียกความสนใจจากบอดี้การ์ดสาวให้หันมองตาม ก่อนจะพบแม่บ้านสูงวัยก้าวขายาว ๆ ตรงเข้ามาหา

“น้องไอซ์” ป้านวลหัวหน้าแม่บ้านคนเก่าคนแก่ของคฤหาสน์เอ่ยเรียกท่าทางหอบเหนื่อย ก่อนจะเว้นช่วงพักหายใจหลังจากการเดินรอบคฤหาสน์กว้างเพื่อตามหาตัวหญิงสาวคนตรงหน้า

“มีอะไรเหรอคะ” เธอถามกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“นายท่าน เรียกน้องไอซ์ไปพบที่ห้องทำงาน”

“...” ไอซ์ไม่ได้เอ่ยอะไรกลับไปแต่คิ้วบางก็ขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย

“ค่ะ ทราบแล้ว”

ป้านวลสูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ มองฝ่าแสงแดดยามบ่ายที่ร้อนระอุกลับไปยังคฤหาสน์ เธอก็ต้องถอนหายใจยาว ๆ แค่คิดว่าต้องเดินตากแดดกลับไปอีก คนแก่แบบเธอก็เหนื่อยเสียแล้ว

หลังจากถ่ายทอดคำสั่งเรียบร้อย หญิงอายุมากก็เดินก้มหน้าก้มตาก้าวขายาว ๆ กลับไปยังบ้านหลังใหญ่ให้เร็วที่สุด โดยมีบอดี้การ์ดสาวหน้านิ่งเดินตามหลังมาห่าง ๆ

อากาศภายในตัวบ้านแตกต่างจากอุณหภูมิภายนอกสิ้นเชิง อาจเป็นเพราะด้านในถูกปูด้วยกระเบื้องหินอ่อนราคาแพง แม้จะไม่ได้เปิดแอร์แต่ก็ทำให้ภายในคฤหาสน์เย็นสบาย

หลังมือบางยกขึ้นปาดเม็ดเหงื่อบนใบหน้าออกลวก ๆ เธอหันไปส่งสายตาขอบคุณป้าแม่บ้าน ก่อนจะเดินปลีกตัวขึ้นไปยังห้องทำงานของเจ้านายตามคำสั่ง

เท้าเล็กย่างก้าวขึ้นบันไดทีละขั้นมุ่งหน้าสู่ชั้นสาม และแล้วสาวน้ำแข็งก็ต้องชะงักฝีเท้าเมื่อเห็นใครบางคนยืนพิงราวบันไดกอดอกรออยู่ที่ชั้นบนสุดของคฤหาสน์ ราวกับรู้ว่าเธอจะมา

ดวงตาเย็นยะเยือกปะทะเข้ากับเรือนผมสีส้มแปร๊ด ก่อนจะรีบเบือนสายตาหนีไม่อยากจะเสวนากับเด็กบ้าตรงหน้า รีบเร่งฝีเท้ามุ่งหน้าตรงไปทางห้องทำงานของไคโร

แม้ไอซ์จะเดินผ่านมาร์ตินมาแล้ว แต่ก็กลับยังได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของเด็กหนุ่มลอยมาตามลม ทำเธอรู้สึกขนลุกแปลก ๆ อย่างบอกไม่ถูก ราวกับตัวเองเป็นลูกกวางตัวน้อยที่กำลังถูกราชสีห์จับจ้อง

หญิงสาวข่มใจพยายามสลัดความไม่สบายใจกลางอกออกไป สูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ เรียกขวัญกำลังใจ แล้วใช้หลังมือเคาะลงบนประตูห้องทำงานนายใหญ่ของบ้านเบา ๆ

ก๊อก ก๊อก

“เชิญเข้ามา”

หลังจากได้รับอนุญาตไอซ์จึงบิดกลอนประตู และผลักมันเข้าไป ความเย็นจากแอร์ภายในห้องทำงานปะทะผิวหน้าส่งผลให้ขนในกายเธอลุกชันอย่างไร้สาเหตุ หัวใจกลางอกซ้ายบีบรัดหนักหน่วง คิดไม่ตกถึงสาเหตุที่ถูกเรียกเข้าพบในเวลานี้

เธอปิดงับบานประตูลงเบา ๆ หมุนกายกลับมายืนตัวตรงเผชิญหน้ากับไคโรหน้าโต๊ะทำงาน

“นายท่านเรียกพบฉันเหรอคะ” เธอเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบเช่นเดิม แม้ในใจจะหวั่นวิตกแปลก ๆ ก็ตาม

“อืม”

ไคโร ตอบกลับสั้น ๆ ก่อนจะพ่นลมหายใจยาวราวหนักอกหนักใจในสิ่งที่กำลังจะพูด นั่นยิ่งทำให้ไอซ์ใจคอไม่ดีนัก พลันนึกถึงสายตาไม่น่าไว้วางใจของมาร์ตินก่อนหน้า

“อย่างที่รู้ตอนนี้มีอาไม่จำเป็นต้องมีบอดี้การ์ดคอยตามดูแลแล้ว” ไคโรเปิดประโยคด้วยท่าทางสุขุม อดีตมาเฟียเอนกายพิงเบาะเก้าอี้ แต่สีหน้ายังคงเคร่งขรึม

“...”

ไอซ์ไม่ได้ตอบอะไรแต่ก็พอคาดเดาสิ่งที่ไคโรต้องการจะสื่อได้ ในเมื่อเธอไม่จำเป็นต่อคฤหาสน์นี้แล้วอีกฝ่ายจะไล่เธอออกก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ใจที่เคยกังวลก็คลายออกช้า ๆ แค่หางานใหม่ ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเธอเลย

“ค่ะฉันเข้าใจ” เธอพยักหน้ารับเบา ๆ เตรียมจะเอ่ยขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมา แต่เสียงของไคโรก็ดังแทรกขึ้นก่อน ประโยคนั้นไม่ต่างจากสายฟ้าผ่าเข้าที่กลางใจเธอ

“ดังนั้น หลังจากนี้เธอไปทำงานกับมาร์ตินซะ!”

ดวงตาไร้อารมณ์เบิกกว้างไม่คาดคิดว่าจะถูกเปลี่ยนตัวเจ้านายกะทันหันแทนที่จะโดนไล่ออก แถมอีกฝ่ายก็ยังเป็นเด็กที่เธอไม่ชอบขี้หน้าอีกด้วย

“ทำไมคะ” ไอซ์ถามต่อแม้จะพยายามเก็บกลั้นสีหน้าแล้ว แต่น้ำเสียงก็แสดงออกชัดถึงความไม่พอใจ

“เจ้ามาร์ตินมาขอดึงตัวเธอไปน่ะ คงอยากได้คนมีฝีมือแบบเธอไปดูแลละมั้ง” ไคโรตอบกลับปลง ๆ พลางถอนหายใจยาวอีกครั้ง

“ฉันมีทางเลือกอื่นไหมคะ” หญิงสาวกัดฟันกรอด ถามกลับไปอีกครั้ง แม้ความหวังจะริบหรี่ก็ตาม

“เกรงว่าจะไม่มี ฉันจะเพิ่มเงินเดือนให้เธออีกเท่าตัว ยังไงหลังจากนี้ฝากเธอดูแลเขาด้วยแล้วกัน”

“...”

ประโยคของนายใหญ่ถือเป็นการปิดจบบทสนทนา ไม่เปิดโอกาสให้ลูกน้องได้ต่อรองสิ่งใดต่อ

แม้จะไม่มีคำพูดใดออกจากปากบอดี้การ์ดสาวอีก แต่ฝ่ามือที่แนบข้างลำตัวเธอกลับบีบกำแน่น ระบายความขุ่นเคืองในใจ ไม่อยากจะคิดถึงชีวิตตัวเองนับจากนี้ ว่ามันจะวุ่นวายขนาดไหน

ไอซ์เผลอขบกรามแน่น สายตาคู่สวยแข็งกร้าวขึ้น แต่สุดท้ายเธอก็ต้องรับคำสั่งผู้เป็นเจ้านายโดยดี

“ค่ะ”

“ขอบใจมากเรื่องที่ฉันจะพูดก็มีเท่านี้ เธอกลับไปพักเถอะ”

หญิงสาวหน้านิ่งค้อมศีรษะเล็กน้อยก่อนจะหมุนตัวออกจากห้องด้วยจิตใจร้อนรุ่ม ไม่สบายใจเอาเสียเลย

ดวงตาเย็นเฉียบตวัดมองไปตามทางเดินยาว คาดว่าจะพบเด็กโรคจิตรอคอยเยาะเย้ยเธออยู่ แต่ตำแหน่งที่เขาเคยยืนกลับมีเพียงความว่างเปล่า

ร่างบางพ่นลมหายใจหนัก ๆ ระบายความอึดอัดกลางอก ก้มหน้ายอมรับชะตากรรมตัวเองอย่างไม่มีทางเลือก ก่อนจะตัดสินใจกลับไปยังห้องพักด้านหลังคฤหาสน์เพื่อทำใจกับหน้าที่ใหม่ที่ไม่ต้องการนี้

บอดี้การ์ดสาวเดินออกจากคฤหาสน์ ตัดผ่านสวนสวยที่ถูกตกแต่งดูแลอย่างประณีต เพื่อกลับไปยังห้องพัก สายตาไร้อารมณ์มองเห็นจุดหมายอยู่ไม่ไกล แต่แล้วหางตาก็สังเกตเห็นร่างสูงของเจ้านายคนใหม่ที่ตนเกลียดขี้หน้า ยืนกอดอกหลบแสงแดดยามบ่ายรออยู่หน้าห้องพักเธอก่อนแล้ว

ฝ่ามือเล็กจิกกำจนเริ่มรู้สึกเจ็บ เลือกที่จะมองอีกฝ่ายเป็นเพียงอากาศธาตุ เดินผ่านร่างสูงของเขาไป แต่มาร์ตินก็ไม่ปล่อยให้เธอเมิน เอ่ยทักร่างน้อยด้วยน้ำเสียงระรื่นกวนอารมณ์คนฟัง

“ไงครับ คุณพ่อคงบอกพี่แล้ว” คนตัวสูงแสยะยิ้มด้วยท่าทางเป็นต่อ

“...”

ไอซ์ยังคงไม่พูดอะไรกลับไป เหมือนเสียงของมาร์ตินเป็นแค่สายลมวูบหนึ่งที่พัดผ่าน พลางล้วงกุญแจเพื่อไขเข้าห้องพัก ท่าทางพยศนั้นปลุกกระตุ้นความอยากเอาชนะในใจเด็กหนุ่มให้ลุกโชน

กึก

บอดี้การ์ดสาวตัวแข็งทื่อ มือที่กำลังไขประตูห้องหยุดชะงัก พลางตวัดสายตาเหี้ยมเกรียม มองเด็กหน้าด้านที่ขยับกายเข้ามายืนเบียดเธอจากด้านหลังอย่างจาบจ้วงน่าตบ

เนื้อสัมผัสเนื้อแนบชิด ถึงขนาดที่ไอซ์รู้สึกได้ถึงวัตถุแข็งร้อนบางอย่างกำลังดุนดันสะโพกเธออยู่ ใบหน้าสวยแดงซ่าน ไม่ได้เพราะความเขินอายแต่เป็นความโกรธสุดขีด

“ช่วยขยับออกไปด้วยค่ะ” เธอขู่เสียงเย็น พร้อมสะกดข่มโทสะไม่ให้ตะบันหน้าหล่อเหลาของเขากลับไป

“อ้าวเห็นผมด้วยเหรอ ไอ้ผมก็นึกว่าตัวเองเป็นวิญญาณ เลยว่าจะแอบลวนลามพี่สักหน่อย” มาร์ตินตอบกลับหน้ากวนอารมณ์ แถมยังไม่ยอมขยับตัวหนีอีก

“...”

และยิ่งไอซ์ไม่พูดอะไรกลับ นั่นจึงทำให้ชายหนุ่มด้านหลังเริ่มย่ามใจ บดเบียดเรือนกายแข็งแกร่ง แนบชิดมากขึ้น ทำเส้นความอดทนของหญิงสาวลดฮวบ

พรึ่บ

ความอดทนต่ำลงจนถึงขีดสุด เธอหมุนกายกลับใช้มือทั้งสองข้างออกแรงผลักแผงอกแกร่งเต็มแรงจนมาร์ตินเซถอยไปด้านหลัง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เด็กหนุ่มหน้าด้านสลดแม้แต่น้อย เขาหัวเราะขบขันในลำคอเหมือนชอบใจในการกระทำของเธอ ก่อนจะยกมือทั้งสองข้างขึ้นเป็นสัญญาณยอมแพ้

“โอเค ๆ ไม่แกล้งแล้ว”

“คุณต้องการอะไรจากฉันกันแน่” บอดี้การ์ดสาวเอ่ยถามเสียงลอดไรฟัน พยายามควบคุมกำปั้นตัวเองไม่ให้พุ่งใส่หน้าอีกฝ่าย

“พี่ความจำสั้นกว่าที่ผมคิดไว้นะ ผมเคยบอกพี่แล้วไง”

“...”

“ว่า...ผม...อยาก...ได้...พี่” มาร์ตินเน้นย้ำทีละคำราวกับต้องการตอกย้ำให้หญิงสาวจำมันให้ขึ้นใจ ประโยคเถรตรงและสายตาจาบจ้วง กระตุ้นโทสะในกายบอดี้การ์ดสาวให้ยิ่งลุกโชน

“เกรงว่าคุณมาร์ตินต้องผิดหวังแล้วละค่ะ เพราะมันไม่มีทางเกิดขึ้น!” เธอตอบเสียงเย็น ดวงตาสีดำสนิทดูเข้มขึ้นจ้องเขม็งมองเด็กหนุ่มอายุน้อยกว่าอย่างเกลียดชัง

“หึหึ แล้วเรามาคอยดูกันว่าพี่จะรอดมือผมได้นานแค่ไหน”

มาร์ตินทิ้งท้ายพลางแลบลิ้นเลียริมฝีปากแห้งผาก ของตนเองขณะใช้สายตาวิบวับมองเรือนกายเย้ายวนน่ารังแกของสาวตรงหน้าด้วยความมันเขี้ยว ท่าทางไม่ต่างจากพวกโรคจิต เด็กหนุ่มแสยะยิ้มร้ายให้เธออีกครั้ง ก่อนจะใช้ปลายนิ้วลูบไล้ใบหน้าเนียนละเอียดของเธอ หัวเราะในลำคอแล้วผิวปากอารมณ์ดีหมุนตัวเดินจากไป ทิ้งให้สาวน้ำแข็งเดือดปุด ๆ ด้วยความหงุดหงิด

ขนาดยังไม่ทันจะเริ่มทำงานกับเขา มาร์ตินก็ประกาศกร้าวเสียแล้วว่าคิดไม่ดีกับเธอจริง ๆ ริมฝีปากบางขบเม้มเข้าหากันแน่นพยายามคิดหาหนทางรอดไปจากเงื้อมมือเด็กโรคจิตให้ได้

ไอซ์ยืนสงบสติอารมณ์อยู่หน้าห้องอีกครู่ใหญ่ก่อนจะผลักบานประตูกลับเข้าห้องพัก เธอถอนหายใจยาว แล้วสายตาก็เหลือบไปมองภาพถ่ายครอบครัวสมัยเธอยังเด็ก

เด็กสาววัยเจ็ดขวบในภาพฉีกยิ้มกว้างท่ามกลางอ้อมกอดของบิดามารดาที่นั่งยอง ๆ เคียงข้างลูกน้อย ทั้งสามหันมาส่งยิ้มให้กล้องอย่างมีความสุข เหมือนครอบครัวแสนอบอุ่นทั่ว ๆ ไป และนี่ถือเป็นภาพใบสุดท้ายที่เธอได้ถ่ายร่วมกับครอบครัวก่อนจะเกิดเหตุการณ์สลด ที่ทำให้ชีวิตของเด็กร่าเริงคนนั้น เปลี่ยนไปตลอดกาล

นัยน์ตานิ่งเรียบเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว เผลอบีบฝ่ามือเข้าหากันสะกดข่ม ความเคียดแค้นในใจที่กำลังลุกโชน แผดเผาให้เธอร้อนผ่าวไปทั้งร่าง

ไอซ์จ้องมองภาพบนหลังตู้เสื้อผ้าใบเตี้ยอีกครั้ง พร้อมเอ่ยคำสัญญาด้วยเสียงน่าขนลุก

“หนูจะทวงความยุติธรรมให้พ่อเองค่ะ!”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel