EP.4 เริ่มรุก
กลางดึกลูกแก้วนั่งมองโทรศัทพ์ตัวเองที่มีเบอร์หนึ่งโชว์หราอยู่หน้าจอ ซึ่งเบอร์นั้นไม่ใช่เบอร์ใครที่ไหนนอกจากของจิณณะนั่นเอง ทั้งที่ตอนเย็นตกปากรับคำกับเพื่อนไปแล้วว่าจะทำอย่างไม่ลังเล แต่พอเอาเข้าจริงก็ยังใจเต้นแรงอยู่ไม่น้อย
แต่สุดท้ายเธอก็เลือกหาวิธีที่คิดว่าเป็นตัวเธอมากที่สุด การจู่โจมแบบไม่ให้เขารู้ว่าเราตั้งใจ เพราะแบบนั้นสุดท้ายลูกแก้วก็สูดหายใจเรียกกำลังใจก่อนจะกดโทรออกไปยังเบอร์ของจิณณะทันที
เพียงแต่การโทรออกไปครั้งนี้ก็รอสายอยู่นานพอสมควรโดยที่ปลายสายไม่รับสาย นั่นทำให้ความตื่นเต้นในตอนแรกของเธอค่อยๆลดลงแทบจะเหลือแต่ความขัดใจไม่น้อย
(ฮัลโหลครับ) แต่สุดท้ายเสียงของชายหนุ่มจากปลายสายก็ดังขึ้น นั่นทำให้ลูกแก้วแทบกลั้นหายใจลืมพูด
“ค่ะ นั่นใครคะ” ลูกแก้วตั้งสติก่อนจะถามปลายสายออกไปราวกับไม่รู้ว่าปลายสายคือใคร
(เอ่อ แล้วโทรหาใครครับ) ปลายสายเองก็ตอบออกมาอย่างแปลกใจเหมือนกันที่อีกฝ่ายโทรมาแต่กลับถามว่าเขาเป็นใคร
“พอดีฉันเห็นเบอร์นี้โทรเข้ามาเมื่อตอนเย็นไม่ได้รับสายน่ะค่ะ ฉันก็เลยโทรกลับ” ลูกแก้วบอกเหตุผลออกไปราวกับไม่รู้จริงๆนะว่าปลายสายเป็นเขา
(เมื่อเย็นหรอครับ... เอ่อแล้วคุณชื่ออะไรครับ) จิณณะได้ยินว่าเมื่อเย็นก็เหมือนจะคิดได้ว่าเขาไม่ได้โทรออกไปไหนแต่มีคนหนึ่งกดเบอร์โทรออกในเครื่องเขาโดยที่เขาก็ไม่ได้บันทึกเบอร์ไว้เหมือนกันจึงคิดว่าคงเป็นเพื่อนของลูกแก้วหรือเปล่า
“ลูกแก้ว” แล้วลูกแก้วก็บอกชื่อตัวเองออกไปอย่างไม่ปิดบังและคิดว่าเขาจะไม่ถามซะแล้ว
(คุณลูกแก้วหรอครับ ผมจิณณะครับ) หลังจากได้ยินชื่อของอีกฝ่ายจิณณะก็ตกใจไม่น้อยเพราะไม่คิดว่าจะเป็นลูกแก้วโทรหาเขา นั่นทำให้เขารีบบอกชื่อตัวเองออกไป
“อ้าว พี่เองหรอกหรอ แบบนี้เพื่อนของฉันก็กดเบอร์พี่โทรออกมาที่เบอร์ฉันสิ” ลูกแก้วแสร้งทำเป็นตกใจที่เป็นจิณณะก่อนจะพูดคาดเดาสถานการณ์ที่น่าจะเกิดขึ้นออกมา
(อ๋อ แบบนี้นี่เอง) จิณณะก็ตอบรับออกไปอย่างไม่ได้ติดขัดอะไรแม้ว่าเขาจะมองว่าเรื่องนี้ดูยังไงก็แปลกไม่น้อยก็ตาม
“ว่าแต่พี่ยังเรียนอยู่หรอ” ลูกแก้วเงียบไปสักพักอย่างกำลังนึกว่าจะชวนคุยอะไรเพื่อไม่ให้วางสายจึงเลือกถามคำถามพื้นฐานขึ้นเพราะเธอจำได้ว่าครั้งแรกเห็นเขาใส่ชุดนักศึกษา
(ครับ) จิณณะตอบออกมาอย่างไม่ปิดบัง แต่กลับตอบสั้นๆจนไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดว่าเขาไม่อยากคุย
“แต่พี่ดูทำงานเก่งมากเลยนะ เหมือนคนทำงานมานานแล้วเลย” ลูกแก้วยังคงไม่ยอมแพ้ชวนคุยอีกครั้ง
(ไม่เก่งขนาดนั้นหรอกครับ แต่จริงๆก็ทำงานมาตั้งแต่เรียนปีหนึ่งแล้ว) ครั้งนี้จิณณะก็ตอบออกไปพร้อมอธิบาย
“แล้วตอนนี้พี่เรียนปีไหนแล้วล่ะ”
(ปีสามครับ)
“ปีหน้าก็ปีสุดท้ายแล้วสิ” ลูกแก้วที่รู้แบบนั้นก็รู้ได้เลยว่าตัวเองคงเข้ามหาลัยไม่ทันเขา ตอนแรกยังคิดว่าจะเข้ามหาลัยเดียวกับเขาพอเธอเข้าปีหนึ่งไปยังจะได้เจอเขาอยู่บ้างแต่พอรู้ว่าปีหน้าเป็นปีสุดท้ายก็หมดหวังเลยสิ
(ใช่ครับ) อีกครั้งที่จิณณะตอบกลับสั้นๆอย่างไม่รู้ว่าต้องพูดอะไร
“แล้ว...พี่มีแฟนหรือยัง” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ค่อยพูดอะไรเอาแต่ตอบอย่างเดียว ตอบอย่างพอเป็นพิธีเท่านั้น สุดท้ายลูกแก้วก็กลัวว่าเขาจะขอวางสายในที่สุดโดยยังไม่ได้รู้อะไรไปมากกว่านี้ เพราะแบบนั้นสุดท้ายเธอก็เลือกถามสิ่งที่อยากรู้ที่สุดออกไป
(หืม?) จิณณะได้ยินคำถามที่ไม่คิดว่าจะได้ยินก็ถึงกับแปลกใจไม่น้อย
อย่างแรกคือการพูดคุยของเธอกับเขาตอนนี้ดูแตกต่างจากเวลาเจอหน้ากันที่บ้านของเธอ อย่างที่สองคือเขาก็ไม่ได้ไร้เดียงสาอะไรขนาดจะมองข้ามคำถามนี้ที่อยู่ๆก็ถูกถามออกมาจากผู้หญิง
“ทำไมล่ะ เป็นเรื่องส่วนตัวที่ยากต่อการตอบหรอ” ลูกแก้วที่ทำใจกล้าถามออกไปขนาดนี้แต่กลับได้รับน้ำเสียงสงสัยอย่างไร้คำตอบก็เริ่มย้อนกลับไปอย่างประชดประชัน
(เปล่า แค่แปลกที่ถูกถามแบบนี้ครับ) จิณณะได้ยินน้ำเสียงติดความไม่พอใจก็อธิบายให้เธอเข้าใจ
“แล้วตกลงพี่มีแฟนหรือเปล่า” ลูกแก้วถามย้ำอีก ถามแล้วยังไงก็ต้องเอาคำตอบให้ได้สิ
(ทำไมครับ ถ้ารู้แล้วจะเป็นยังไง หรือเพื่อนให้ถาม) จิณณะยังไม่ตอบแต่ย้อนถามออกไปแทน เขาจำได้ว่าเป็นเพื่อนเธอที่ขอเบอร์เขา แต่ขอเบอร์เขาแล้วกลับโทรเข้าเบอร์ของลูกแก้ว? แล้วลูกแก้วก็มาถามว่าเขามีแฟนหรือยัง
ข้อสงสัยตอนนี้คือเธอหรือเพื่อนเธอกันแน่
“ฉันถามแล้วเกี่ยวอะไรกับเพื่อนฉันล่ะ หรือว่าพี่ชอบเพื่อนฉัน?” ลูกแก้วได้ยินแบบนั้นก็ย้อนถามกลับไป แต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกกังวลขึ้นมาเพราะวันนี้เพื่อนเธอเป็นฝ่ายรุกเขาแทนเธอ ถ้าเกิดเขาเข้าใจผิดแล้วรู้สึกอะไรกับเพื่อนเธอล่ะ
(เปล่า ไม่ได้ชอบ) จิณณะตอบออกมาอย่างไม่เสียเวลาคิด เพราะเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับเพื่อนเธอจริงๆ
“นี่คือกำลังเบี่ยงเบนคำตอบ?” ลูกแก้วได้ยินแบบนั้นก็โล่งอกขึ้นไม่น้อยและไม่พูดถึงอีกแต่วกกลับเข้าคำถามของเธอที่ยังไม่ได้คำตอบแต่ไปนั่นทีไปนี่ทีไม่หยุด
(ไม่มีครับ) แล้วจิณณะก็บอกสิ่งที่อีกฝ่ายถามออกมาในที่สุด
และสุดท้าย
“ไม่มีก็ดี งั้นแค่นี้นะ”
