EP.2 การเจอกันครั้งแรก
“เจอกันพรุ่งนี้ บาย” เสียงใสของเด็กสาววัยมัธยมปลายเอ่ยลาเพื่อนสนิทของตัวเองด้วยรอยยิ้มสดใสก่อนจะแยกย้ายกันไปขึ้นรถเพื่อกลับบ้าน
แต่เด็กสาวที่ยิ้มแย้มก่อนหน้านี้กลับหน้าบึ้งตึงขึ้นทันทีหลังจากเปิดประตูรถหรูก้าวขึ้นมานั่งด้านหลังโดยด้านหน้ามีคนขับรถประจำที่รออยู่แล้ว และที่เธอเป็นแบบนี้เพราะเธอแค่รู้สึกเบื่อกับการถูกไปรับไปส่งโดยคนที่บ้าน ทั้งที่ตอนนี้เธออยู่ชั้นมัธยมที่ห้าแล้ว เพื่อนบางคนก็มาโรงเรียนโดยการมีแฟนมารับมาส่งเพราะพักอยู่กับแฟน บางคนที่นั่งรถสาธารณะมาเอง อยากกลับตอนไหนมาตอนไหนก็ได้ แต่บางคนพ่อแม่ก็ให้ขับรถมาเองแม้จะยังไม่มีใบขับขี่ก็ตาม ซึ่งเธอก็อยากขับรถมาเองเหมือนกัน
แล้วไม่ต้องถามถึงใบขับขี่ที่เธอยังไม่มีหรอกนะ เพราะเด็กในโรงเรียนเธอมีหลายคนเลยที่ขับรถมาเรียนเองโดยที่อายุยังไม่สามารถทำใบขับขี่ได้ แต่แล้วยังไง ในเมื่อคนอื่นทำได้ทำไมเธอจะทำไม่ได้ ในเมื่อครอบครัวคนอื่นทำให้ลูกตัวเองขับรถไปไหนมาไหนได้แล้วทำไมเธอจะทำบ้างไม่ได้
แต่ที่ทำไม่ได้ก็เพราะที่บ้านไม่เห็นด้วยสักทียังไงล่ะ นั่นจึงทำให้เด็กสาวไม่สบอารมณ์ทุกครั้งที่เห็นรถของที่บ้านมารับเธอแบบนี้นั่นเอง
“กลับมาแล้วหรอลูก แม่เห็นบ่นว่าอยากได้ห้องแต่งตัวใหม่ลองมาบอกแบบให้พวกพี่ๆเขาฟังสิจะได้ดูว่าถูกใจหรือเปล่า” เสียงหวานของคุณแก้วมณีเอ่ยทักลูกสาวที่เดินเข้าบ้านมาด้วยใบหน้าบึ้งตึงขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“ไม่เอาค่ะ” เสียงเรียบนิ่งติดไม่พอใจดังปฏิเสธผู้เป็นแม่อย่างไม่สนใจแขกคนอื่นในบ้านตามนิสัยเอาแต่ใจของตัวเอง
ลูกแก้ว เด็กสาวในวัยสิบเจ็ดปีที่มักมีนิสัยเอาแต่ใจตัวเองอย่างมาก แต่จะโทษเธอคนเดียวได้ยังไงที่ทำนิสัยแบบนี้ ทั้งหมดนี้ก็เพราะการเลี้ยงลูกอย่างตามอกตามใจของพ่อแม่เธอนั่นแหละ อาจเพราะพ่อแม่ที่มีลูกยากและพยายามอย่างมากกว่าจะได้ลูกสาวคนนี้มาสักคน ทำให้ตอนนี้ลูกสาวอายุแค่สิบเจ็ดแต่คนเป็นแม่อายุห้าสิบสี่ส่วนพ่อก็อายุห้าสิบหกไปแล้ว เรียกได้ว่ากว่าพวกเขาจะมีลูกได้ก็แทบทอดใจไปหลายครั้ง แต่ในที่สุดลูกสาวก็มาในที่สุด
เพราะแบบนั้นทำให้พ่อแม่ทั้งสองถึงกับเลี้ยงลูกอย่างตามอกตามใจทุกอย่าง แต่การตามใจหลายๆอย่างก็ยังอยู่บนพื้นฐานความปลอดภัยของทั้งตัวเองและคนอื่น อย่างตอนนี้ที่ลูกสาวเธอโกรธก็เพราะเรื่องที่เด็กสาวอยากได้รถไปโรงเรียนเองอย่างเพื่อนบางส่วน แต่เพราะพ่อแม่ยังไม่เห็นด้วยเพราะมันผิดกฎหมายในการขับรถโดยที่ยังไม่มีใบขับขี่ ไม่ว่ายังไงคนเราก็ควรเคารพกฎหมายบ้าง เพราะแบบนั้นเรื่องนี้ก็ทำให้ทั้งคุณแก้วมณีและสามีใจแข็งไม่น้อยกับการไม่ใจอ่อนตกลงซื้อรถให้ลูกสาวตอนนี้
“มาเถอะลูก แม่ให้พี่ๆเขารอตั้งนานเกรงใจเขานะคะ” คุณแก้วมณีลุกไปหาลูกสาวจับมือพาเดินมายังชุดโซฟากลางบ้านพร้อมกับพูดขึ้นอย่างใจดีและอ่อนโยน
เด็กสาวเดินเข้ามาด้วยใบหน้าบึ้งตึงกว่าเดิม แต่แม้พ่อแม่เธอจะตามใจมากแค่ไหนแต่อีกทางหนึ่งก็สั่งสอนมารยาทเธอมาดีไม่น้อยเหมือนกัน แม้จะปั้นหน้ารับแขกไม่ได้แต่เด็กสาวก็ไม่โวยวายต่อหน้าคนอื่นจนอาจจะโดนเขาพูดถึงบ้านเธอไม่ดีได้
“พี่ๆเขาออกแบบเก่งมากเลยนะ ลูกแก้วลูกบอกที่ตัวเองชอบออกไปสิคะ” คุณแก้วมณีพูดกับลูกสาวอีกครั้งหลังจากนั่งที่ของตัวเองก่อนจะหยิบแบบตัวอย่างคร่าวๆมาวางตรงหน้าลูกสาว
“.....” เด็กสาวมองแบบตรงหน้าอย่างขอไปทีไม่ใส่ใจเท่าไหร่ แต่สุดท้ายเธอก็เลือกแบบที่ตัวเองชอบก่อนจะวางแยกออกจากแบบอื่นๆเพื่อบอกให้รู้ว่าเธอต้องการแบบไหน
“ชอบแบบนี้หรอคะ งั้นเดี๋ยวพาพี่เขาไปดูหน้างานเลยดีไหม จะได้ให้พี่ๆเขาปรับแต่งส่วนของลูกก่อน” คุณแก้วมณีเห็นลูกสาวยอมเลือกก็โล่งอกขึ้นไม่น้อยแล้วรีบเอาใจลูกสาวอีกครั้ง
“.....” เด็กสาวไม่ได้ตอบแต่เลือกจะลุกขึ้นเดินออกไปอย่างไม่ได้ตอบอะไรใคร แต่อย่างน้อยการที่เธอไม่ได้ปฏิเสธแม่อย่างคุณแก้วมณีก็รับรู้ได้ว่านั่นคือการตกลงของลูกสาว
“งั้นขึ้นไปดูหน้างานเลยดีกว่าค่ะจะได้รู้ว่าตรงไหนพอปรับได้บ้าง” คุณแก้วมณีหันไปพูดกับชายสองคนที่มารับงานของเธอในวันนี้
“ครับ” อาจารย์พิชัยตอบรับก่อนจะพาลูกศิษย์ลุกเดินตามเจ้าของบ้านขึ้นไปยังชั้นสองของบ้านและตรงไปยังห้องของเด็กสาวผู้เป็นเจ้าของห้อง
“อยากปรับตู้ตรงนี้ให้ระหว่างชั้นสูงกว่านี้เพื่อวางกระเป๋าตัวประตูเป็นกระจกใสมีไฟด้านบน ตู้เสื้อผ้าก็เอายาวกว่านี้ไปถึงตรงนั้น โต๊ะเครื่องแป้งก็ขยายให้กว้างขึ้นเอากระจกบานใหญ่พอดีกับโต๊ะสองข้างมีลิ้นชัก ทั้งหมดเอาเป็นแบบในแบบนั้นเลยค่ะ” หลังจากคุณแก้วมณีพาคนทั้งสองขึ้นมาถึงเจ้าของห้องที่ยืนรออยู่ในห้องแต่งตัวอยู่แล้วก็ชี้บอกสิ่งที่ตัวเองต้องการออกมาอย่างไม่ให้ได้เตรียมตัวจดใดๆเลยสักนิด ทำเอาอาจารย์พิชัยและจิณณะถึงกับรีบช่วยกันจำและจดลงสมุดมือเป็นระวิง
“เดี๋ยวผมขอดูก่อนนะครับว่าตรงไหนมีปัญหาอะไรหรือเปล่า” อาจารย์พิชัยทิ้งหน้าที่ให้ลูกศิษย์จดรายละเอียดต่อไปก่อนจะเดินดูจุดที่เจ้าของห้องต้องการว่าสามารถต่อเติมหรือทุบได้หรือไม่
“ขอทางค่ะ” น้ำเสียงเรียบนิ่งของหญิงสาวที่บอกสิ่งที่ตัวเองต้องการเรียบร้อยก็ต้องการออกจากห้องแต่งตัวไป แต่ดันมาติดกับชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งที่ยืนก้มหน้าจดอะไรก็ไม่รู้ขวางอยู่จนทำให้เธอพูดขึ้นอย่างไม่เป็นมิตรนัก
“ขอโทษครับ” จิณณะได้ยินเสียงไม่เป็นมิตรแบบนั้นถึงกับชะงักนิ่งก่อนจะเงยหน้าออกจากสมุดมองตรงหน้าตัวเองแล้วเอ่ยออกไปพร้อมกับไม่ลืมขอโทษเด็กสาวตรงหน้า
“.....” เพียงแต่หลังจากจิณณะหลีกทางให้แล้วเด็กสาวกลับไม่ได้เดินออกไปในทันที ขยับสายตามองตามจิณณะไป นั่นทำให้ทุกคนกลับคิดว่าเด็กสาวกำลังไม่พอใจ
“ลูกแก้วไปนั่งรอก่อนนะคะ ถ้ามีอะไรเดี๋ยวแม่บอกอีกทีค่ะ” คุณแก้วมณีคิดว่าลูกสาวอาจจะเผลอโวยวายออกมาต่อหน้าคนอื่นก็รีบเข้าไปพูดกับลูกสาวขึ้นอย่างอ่อนโยนและพาลูกสาวออกจากห้องแต่งตัวไปยังห้องนอนให้นั่งรอที่โต๊ะเขียนหนังสือก่อนตัวเองจะกลับเข้ามาด้านในเพื่อฟังช่างที่อาจจะมีรายละเอียดแจ้งกับเธอ
เพียงแต่ทุกคนกลับไม่รู้เลยว่าหลังจากเด็กสาวอยู่คนเดียวกลับยกมือขึ้นทาบอกอย่างไม่รู้ตัว หน้าอกข้างซ้ายของเธอมันกำลังเต้นแรงอย่างไม่เป็นจังหวะตั้งแต่วินาทีแรกที่เธอได้เห็นหน้าผู้ชายคนนั้นใกล้ๆ ชัดๆ เธอก็ไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะอะไร เธอรู้แค่ว่าเธออยากอยู่ใกล้เขามากกว่านี้
