EP.1 ความบังเอิญ
ณ คลับหรูที่ผู้คนพลุ้งพล่านเต็มไปหมด รถราจอดกันแทบจะไม่มีที่ว่างให้คันอื่นๆ ได้เข้ามาแทนที่บ้าง ขณะเดียวกันก็มีบางคนที่พึ่งเดินเข้าคลับไปอย่างเตรียมพร้อมกับความสนุกสนานในค่ำคืนนี้ แต่กลับมีบางคนที่เดินสวนออกมาอย่างรีบร้อนโดยอีกมือถือโทรศัพท์พร้อมกับพูดคุยบางอย่างด้วยความจริงจังจนลืมมองซ้ายมองขวาให้ดี
ปี๊ด!!!
พรึ่บ!
“เป็นอะไรไหมครับ” ชายหนุ่มวัยประมาณยี่สิบปีเอ่ยถามชายชาวต่างชาติตรงหน้าขึ้นหลังจากเข้ามาช่วยเหลือเขาไม่ให้ถูกรถที่ขับมาชนเข้าให้
“ไม่เป็นไร ขอบใจมาก” ชาวต่างชาติที่พูดไทยไม่ชัดนักเอ่ยขึ้นอย่างรู้สึกขอบใจคนตรงหน้าไม่น้อยที่ช่วยเหลือตนไว้ได้ทันจากอุบัติเหตุตรงหน้า
“ไม่เป็นไรครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อน” ชายหนุ่มในชุดเสื้อยืดกางเกงยืนเอ่ยขึ้นพร้อมกับก้มหัวเล็กน้อยแล้วหมุนตัวเดินเข้าคลับไปอย่างรีบร้อนโดยคนถูกช่วยไม่มีโอกาสได้เอ่ยถามและตอบแทนเลยสักนิด
แต่เขาก็ต้องเดินไปขึ้นรถด้วยความรีบร้อนเพื่อจัดการเดินทางกลับประเทศบ้านเกิดอย่างกระทันหันจากเรื่องภายในครอบครัว
“มาแล้วหรอ เร็วเข้าแขกเต็มแล้ว” ศราวุธเอ่ยทักรุ่นน้องร่วมงานขึ้นหลังจากเห็นร่างสูงเดินเข้ามาเรียบร้อยแล้ว
“ครับ” จิณณะตอบรับสั้นๆเดินไปหยิบสมุดปากกาและที่เปิดขวดมาเก็บไว้ในกระเป๋ากางเกงด้านหลังอย่างชำนาญในทันทีก่อนจะเดินตรงไปยังโต๊ะที่เขารับผิดชอบประจำเพื่อดูแลลูกค้าในคลับ
จิณณะ ชายหนุ่มนักศึกษาปีสามที่ตอนนี้กลางวันเรียนกลางคืนทำงานในคลับ อีกทั้งวันไหนไม่มีเรียนหรือเรียนน้อยเขาก็ยังรับงานเสริมด้วยสายงานที่เขาเรียนมา ชีวิตของชายหนุ่มวัยยี่สิบต้นๆ ควรจะได้ใช้ชีวิตอย่างเพื่อนรุ่นเดียวกันหลายๆ คนที่แม้จะทำงานบ้างแต่ก็ยังมีเวลากินเที่ยวเล่น เพียงแต่เขานั้นกลับไม่รู้จักคำว่าเล่นเลยสักนิด
ชีวิตที่เกิดมาในบ้านเด็กกำพร้าไม่รู้จักพ่อแม่ตัวเอง หลังจากโตและดูแลตัวเองได้ก็ต้องออกมาเดินตามหาความฝันเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ใช่เขาไม่เคยท้อ ไม่ใช่เขาไม่เคยเหนื่อย แต่เพื่อความอยู่รอดของชีวิตเขาก็ต้องดิ้นรนต่อไปอย่างไม่มีสิทธิ์บ่น แต่อย่างหนึ่งที่เขาไม่เคยคิดจะลองก็คือการหาเงินอย่างผิดกฎหมาย จะบอกว่าเพราะชีวิตเขาวุ่นวายจนไม่มีเวลาพักพอแล้วจึงไม่อยากอยู่อย่างหวาดระแวงและอาจจะส่งผลเสียต่อประวัติการศึกษาที่เป็นเด็กทุนด้วย นั่นทำให้เขากลายเป็นคนไม่มีประวัติด่างพล้อยเลยก็ว่าได้
“คืนนี้รินเหล้าให้พี่ทั้งคืนเลยได้ไหม” เสียงหวานของหญิงสาววัยสามสิบต้นๆ เอ่ยขึ้นอย่างหว่านเสน่ห์ให้กับจิณณะอย่างประจำ
แม้จิณณะจะยังไม่ได้เป็นอยู่ในวัยเต็มตัวสำหรับพวกเธอแต่ด้วยหุ่นและหน้าตาของเขานั้นเรียกได้ว่าหาตัวจับไม่ง่ายเลย หากแต่งตัวดีๆ กว่านี้ มานั่งเป็นลูกค้า ก็แทบไม่รู้เลยว่าเขาจะเป็นพนักงานใช้แรงงาน
“ไม่ได้ครับ พอดีคืนนี้งานเยอะ” จิณณะปฏิเสธออกไปด้วยรอยยิ้มอย่างเคย เขาไม่เคยคิดจะนั่งบริการลูกค้าผู้หญิงที่ต้องการตัวเขาเลยสักครั้ง แต่เขาก็ปฏิเสธด้วยเหตุผลและมารยาทดีมาตลอดจนคนถูกปฏิเสธได้แต่น้อยใจใส่เขาแต่ก็ไม่เคยโกรธหรือสร้างปัญหาในการทำงานให้กับเขา
“เมื่อไหร่จะยอมนั่งกับพี่สักทีนะ” หญิงสาวคนเดิมที่รู้สึกชอบจิณณะและหวังอยากรู้จักเขามากกว่านี้มาตลอดก็ท้อใจไม่น้อยที่ชายหนุ่มตรงหน้ายังคงไม่ใจอ่อนให้เปิดใจให้เธอเลย แม้แต่แลกช่องทางการติดต่อกันแต่สิ่งที่เธอได้กลับมาคือเขาแทบไม่เคยว่างตอบข้อความเธอเลย
“ถึงผมนั่งไม่ได้แต่ผมก็ชงเหล้าให้พี่ได้ตลอดนี่ครับ” จิณณะพูดขึ้นอย่างพอรู้จักหยอกล้อบ้าง ยังไงเขาก็ทำงานแบบนี้จะให้แข็งทื่อตรงดิ่งเลยก็ไม่ได้ คนเราก็ต้องรู้จักหยอดคำหวานกลับไปบ้างคนอื่นจะไม่ได้ไม่เบื่อ
“เพราะแบบนี้ไงพี่ถึงต้องมาเกือบทุกคืน” ใช่ เธอมาเกือบทุกคืนจริงๆ ถ้าวันไหนไม่ติดประชุมจนเหนื่อยล้าหรือมีงานเช้าด่วนไม่ว่ายังไงเธอก็ต้องมาหว่านเสน่ห์ให้ชายหนุ่มคนนี้ให้ได้ หวังว่าสุดท้ายเธอจะได้รู้จักเขามากกว่านี้
จิณณะได้แต่ยิ้มก่อนจะทำหน้าที่ตัวเองต่อไปอย่างไม่ได้ขาดเหลือหรือบกพร่องใดๆเลยแม้แต่น้อย เขาบริการทุกโต๊ะอย่างเท่าเทียมและไม่ละเลยหน้าที่ของตัวเองอย่างขันแข็งในทุกๆวันจนเป็นที่พอใจของเจ้านายและเพื่อนร่วมงานหลายๆคนชีวิตการทำงานของเขาเลยผ่านไปได้ด้วยดีไม่มีปัญหาใดๆให้ต้องปวดหัว
เวลาล่วงเลยมาจนถึงตีสามของวันนั่นคือเวลาที่จิณณะจะได้กลับห้องไปพักผ่อน แน่นอนว่าเขาเหนื่อยล้าไม่น้อยเพราะเขาเดินแทบไม่ได้พักเลย แต่ผลตอบแทนก็ถือว่าเป็นว่าที่น่าพอใจมากเหมือนกันนั่นทำให้เขาได้แต่สูดลมหายใจให้ตัวเองสู้ต่อไปนอนหลับพรุ่งนี้ก็หายเหนื่อยแล้ว
แต่จะหายเหนื่อยจริงๆได้ยังไงในเมื่อบอกไปแล้วว่าถ้าเขาไม่มีเรียนเขาก็จะรับงานเสริมเพื่อหารายได้ให้ได้มากที่สุดเพราะหากมีปัญหาการเงินเขาไม่ได้มีคนคอยช่วยเหลือต่อให้จะมีเพื่อนหรือคนรู้จักพอให้หยิบยืมได้แต่ยังไงก็ต้องหาคืนอยู่ดี เพราะแบบนั้นมีให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ดีกว่าขาดเหลือในตอนฉุกเฉินนั่นเอง
เพราะแบบนั้นเขาจึงตอบปากรับคำงานของอาจารย์ที่เอ็นดูเขาออกไปอย่างง่ายดาย อาจารย์ที่มีบริษัทรับตกแต่งภายในของครอบครัวที่มักจะมาชวนจิณณะทำตั้งแต่เขาเรียนปีหนึ่งเทอมสองแล้วนั่นเอง
“งั้นเราไปดูสถานที่แล้วก็เอาแบบไปให้ลูกค้าดูเลยแล้วกัน” อาจารย์พิชัยเอ่ยขึ้นหลังจากลูกศิษย์ที่รักตอบรับอย่างไม่ต้องสงสัย
“ครับ” จิณณะตอบรับก่อนจะถือกระเป๋าแล็บท๊อปเดินตามหลังอาจารย์ไปยังรถที่เขาเคยนั่งหลายต่อหลายครั้งก่อนทั้งสองจะออกเดินทางจากมหาลัยไปยังบ้านของลูกค้ารายหนึ่ง
บ้านหลังใหญ่โตราวจนเรียกได้ว่าคฤหาสน์ก็ไม่เกินไป บ้านที่สวยตั้งแต่ประตูรั้วแม้กระทั่งหญ้าและไม้ดอกไม้ประดับที่ปลูกตามทางคอนกรีตเป็นทางขับไปถึงตัวบ้าน บ้านที่ทั้งสวยและใหญ่จนทำให้จิณณะรู้สึกอิจฉาเจ้าของบ้านไม่น้อย
แต่มันเป็นความอิจฉาที่บริสุทธิ์เพราะเขาไม่มีโอกาสและวาสนาพอจะได้เป็นเจ้าของบ้านหลังใหญ่แบบนี้ เพียงแต่อีกด้านในใจของเขากลับรู้สึกอิจฉาจนตั้งปนิธานในใจตัวเองทันทีว่าสักวันหนึ่งเขาจะต้องมีบ้านหลังใหญ่และสวยเป็นของตัวเองให้ได้ ไม่ต้องใหญ่เท่านี้แต่จะเป็นบ้านที่เขาออกแบบเอง และเป็นชื่อของเขาเป็นเจ้าบ้านนั่นเอง
