บท
ตั้งค่า

33 คนพิเศษ

“ทําอะไรอยู่เหรอครับ” เขมชาติถามอย่างนุ่มนวลทั้ง ๆ ที่ในใจของเขาตอนนี้ร้อนระอุไปด้วยความอยากรู้ เขาไม่อยากจะรับรู้เลยว่าพริมโรสเป็นคนทําเรื่องที่เขากําลังสงสัยอยู่ แต่เมื่อเขาประชุมเสร็จและรีบเดินตรงมาห้องทํางานของตัวเอง เพื่อพาคุณนายไปกินข้าวด้วยกันตามสัญญา เขากลับเจอ...หญิงสาวนั่งหน้าเครียดอยู่หน้าคอมพิวเตอร์

“อีตาบ้า...มาไม่ให้สุ้มให้เสียง เห็นไหม...ตายหมดเลย เพราะนาย คนเดียวเลย” พริมโรสอุทานด้วยความตกใจเพราะเสียงที่ดังขึ้นมาทางด้านหลัง

เขมชาติจึงชะโงกหน้าเข้าไปดูสิ่งที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ สิ่งที่เขาเห็นทําให้เขาต้องหันมามองคุณนายด้วยความสงสัย

...Game Over...ข้อความที่ปรากฏบนจอพร้อมกับตัวการ์ตูนออกมาแลบลิ้นปลิ้นตาเหมือนจะเยาะเย้ย ไหนจะยังเสียงหัวเราะของคนข้างหลังที่ดังลั่นห้อง เพราะคุณนายดันเปิดลําโพงที่เชื่อมกับคอมพิวเตอร์ไว้อีก

“ฉันไม่ยอม...เล่นตั้งนานกว่าจะผ่านมาจนถึงด่านสุดท้าย เพราะคุณคนเดียวเลยฉันถึงแพ้...เห็นไหม อีกนิดเดียวก็จะชนะแล้ว อีตาบ้า...นายโผล่มาทําไมไม่ให้สุ้มให้เสียง”

“น่า...เอาเป็นว่า เราไปทานข้าวด้วยกันดีกว่านะ ผมเลี้ยงคุณเอง” รีบส่งยิ้มอย่างประจบไปให้ก่อนที่คุณนายระเบียบจะกลายร่างเป็นนางยักษ์กินเขาอีกรอบ

“แหง่...อยู่แล้วล่ะ จะให้ฉันจ่ายเหรอไม่มีทาง อ๋อ...แล้วอีกอย่างนะ ห้ามคุณลบเกมฉันออกจากเครื่องเด็ดขาด ไม่งั้น...โดน” พริมโรสลอยหน้าลอยตาพูดประชดคนตัวโต ก่อนประโยคสุดท้ายจะชูกําปั้นขึ้นมาขู่

“ครับ...รับทราบครับ คุณคนเดียวผมเลี้ยงได้ จะให้เลี้ยงตลอดชีวิต เลยก็ได้” นํ้าเสียงที่เอ่ยประโยคนั้นออกมา ฟังดูอ่อนหวานนุ่มนวลและหนักแน่นอยู่ในที มากกว่าจะเป็นการพูดแบบประชดประชันกัน

“รีบไปกันเถอะ...ฉันหิวแล้ว” จะได้รู้กันว่าใครกล้าขัดใจฉันต้องเจอกับอะไร...

“อ้าวเขม...ไปทานข้าวด้วยกันไหม” เสียงร้องทักของบุรุษสูงวัย อดีตลูกน้องของบิดาเขา ดังขึ้นขณะที่เขาพาพริมโรสเดินไปยังบริเวณลาดจอดรถ

คุณเรวัฒในวัยเดียวกันกับคุณพิษณุ แต่ด้วยความที่ท่านรักการออกกําลังกาย และหมั่นดูแลสุขภาพตัวเองให้ดีอยู่เสมอ ทําให้ในวัยห้าสิบกว่าของท่านจึงดูแข็งแรงกระฉับกระเฉง และยังคงความหล่อเหลาในวัยหนุ่มได้เป็นอย่างดี

ทั้งคุณเรวัฒและคุณพิษณุต่างก็เคยเป็นลูกน้องคนสนิทของ บิดาเขาทั้งนั้น โดยจะแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบกัน โดยที่คุณพิษณุจะดูแลกิจการด้านมืด แต่คุณเรวัฒจะดูแลกิจการด้านสว่าง ทําให้ทั้งคู่ไม่ค่อยถูกชะตากันมาตั้งแต่สมัยยังหนุ่ม ๆ แต่ก็ไม่แสดงท่าทีอะไรออกมาให้เห็นเด่นชัด เนื่องจากต่างฝ่ายต่างทําให้ที่ของตัวเองให้ดีที่สุด

แต่ปัจจุบันนี้กิจการด้านมืดถูกยกเลิกไปจนหมดทําให้คุณพิษณุแสดงท่าทีที่ไม่เป็นมิตรออกมาออกเด่นชัด เนื่องด้วยคุณเรวัฒเป็นคนแรกที่สนับสนุนความคิดนี้ของเขมชาติ

“พี่เขมขา...ไปทานข้าวด้วยกันนะคะ พี่เขมเบี้ยวนัดมาหลายครั้งแล้ว คราวนี้ต้องไปด้วยกันนะคะ” เสียงของสตรีวัยยี่สิบต้น ๆ นาม ว่า ‘กรวิภา’ ลูกสาวคนเดียวของคุณเรวัฒ

เพราะเสียงผู้หญิงคนดังกล่าว พริมโรสที่ยืนเยื้องไปทางด้านหลังของเขมชาติขยับมายืนข้างชายหนุ่ม ด้วยความอยากรู้ว่าเจ้าของเสียงนั้นเป็นใคร ทําให้ทั้งคุณเรวัฒและกรวิภาต่างยืนนิ่งมองหญิงสาวแปลกหน้าที่มากับเขมชาติด้วยความสงสัย

ที่ผ่านมาชายหนุ่มไม่เคยพาผู้หญิงคนไหนมายุ่งวุ่นวายที่บริษัท หรือไม่ก็...ไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าขัดคําสั่งที่ห้ามเข้ามาวุ่นวายที่ทํางานของเขาเลยสักคน แต่นี่...ผู้หญิงคนเป็นใครกัน ทําไมมาอยู่ที่นี่ได้

แค่เห็นภาพดังกล่าว กรวิภาถึงกับชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจ เพราะตนเองก็แอบชอบเขมชาติอยู่มาตั้งแต่แรกพบ

ด้วยความที่บิดา เป็นลูกน้องคนสนิทของเจ้าพ่อเกรียงไกร ทําให้เธอมีโอกาสติดตามบิดาไปที่คฤหาสน์ตระกูลมงคลวิบูลย์อยู่บ่อย ๆ และนั่นก็ทําให้เธอมีโอกาสได้รู้จักกับลูกชายคนโตของเจ้านายบิดา แค่เจอกันครั้งแรกเธอก็ตกหลุมรักผู้ชายคนแล้ว และทุกครั้งที่บิดาไปหาคุณเกรียงไกร หล่อนจะขอตามไปด้วยเสมอ เพื่อที่จะมีโอกาสได้ใกล้ชิดชายในดวงใจ แม้ว่าบางครั้งจะไม่เจอชายหนุ่ม หรือต้องเคยรบกับวิลาสินีลูกสาวภรรยาคนใหม่ของคุณเกรียงไกรก็ตาม เธออุตส่าห์อดทนรอ ไม่แสดงอาการโจ่งแจ้งเหมือนอย่างวิลาสินี แต่ก็พอที่จะทําให้เขมชาติรับรู้ความรู้สึกของตนเอง

‘แปลกจัง...ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร’ กล้าดีอย่างไรมาแย่งคนที่หล่อนหมายปองไป ไม่ต้องมีใครบอกเธอก็พอจะรู้ว่า ผู้หญิงคนนี้เป็นคนสําคัญของชายหนุ่มแน่นอน เพราะท่าทีที่แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของของชายหนุ่ม และแววตาที่ทั้งสองมองสบกันอย่างอ่อนโยน อย่างที่เขาไม่เคยมองใครมาก่อนนั้น เพียงแค่นี้ก็ชัดเจนเพียงพอแล้วว่า...ผู้หญิงคนนี้คือ ‘คนพิเศษ’

กรวิภาได้แต่มองพริมโรสด้วยสายตาของความเป็นอริ ก่อนจะหันไปมองเขมชาติด้วยสายตาตัดพ้อต่อว่า ทําให้คุณเรวัฒผู้เป็นบิดาต้องสะกิดให้บุตรสาวของตัวเองเก็บอาการดังกล่าว แต่อาการเหล่านั้นก็ไม่รอดพ้นสายตาที่คอยสังเกตของพริมโรส

‘เสน่ห์แรงเหลือเกินนะ.’ พริมโรสแอบค่อนแคะชายหนุ่มเนื้อหอมอยู่ในใจ ก่อนจะส่งค้อนงาม ๆ ไปให้ อย่างหมั่นไส้ รู้สึกว่าไม่ว่าเธอจะขยับตัวไปไหนกับอีตานี่ ศัตรูของเธอก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะบรรดาสาว ๆ ที่ต่างหมายปองจะจับเขมชาติ ไม่รู้เป็นเวรเป็นกรรมอะไรที่ทําให้เธอต้องมาพบกับอีตาบ้านี้ด้วย

แต่จะโทษเวรกรรมอย่างเดียวคงไม่ได้ คงต้องโทษตัวเธอเองด้วยที่ พาตัวเองมารู้จักกับเขมชาติ ไม่รู้ว่าหมดเรื่องของพิชชภรณ์แล้วเธอยังจะมีชีวิตรอดอยู่หรือเปล่า สงสัยนอกจากจะสู้รบกับแม่ลูกมหาภัยคู่นั้นแล้ว เธอคงจะต้องสู้รบกับบรรดาสาว ๆ ของเจ้าพ่อเนื้อหอมคนนี้อีกเป็นแน่ อย่างน้อย ๆ ก็ผู้หญิงตรงหน้านี้คนหนึ่งล่ะ

‘ผมไม่รู้เรื่องนะ เขามาชอบผมเอง...’

ชายหนุ่มมองตอบหญิงสาวที่ค้อนขวับเข้าให้ เวลาที่คุณเธอหึงนี่ก็ น่ารักดีเหมือนกันนะ เขาเพิ่งรู้ว่าคุณนายของเขาขี้หึงไม่ใช่เล่น แค่ เจอผู้หญิงส่งตาหวานมาให้เขา คุณเธอก็งอนได้ขนาดนี้ นี่แสดงว่า... พริมโรสเริ่มชอบเขาบ้างแล้วใช่ไหม เพราะกําลังพอใจกับท่าทีที่คุณนายแสดงออกมา เขมชาติจึงได้แต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างอารมณ์ดี โดยมีพริมโรสส่งค้อนมาให้เป็นระยะ ซึ่งอาการของคนทั้งคู่ทําให้กรวิภาลอบมองด้วยความไม่พอใจ ก่อนที่คุณเรวัฒจะตัดปัญหาด้วยการพูดขอตัวลา

“เขมคงไม่ว่าง งั้นอากับลูกขอตัวก่อนนะ” พูดจบก็ดึงลูกสาวไปขึ้นรถ แม้ว่ากรวิภาจะขัดขืนอย่างไรก็ตาม แต่พริมโรสก็เป็นคนทําให้ทุกคนประหลาดอีกครั้งเมื่อเธอพูดขึ้นมา

“ไปทานข้าวด้วยกันไหมคะ” เมื่อพริมโรสเอ่ยปากชวน มีหรือที่กรวิภาจะพลาด หล่อนรีบรับปาก และนัดแนะให้ไปเจอกันที่ร้านอาหารหรูทันที โดยที่คุณเรวัฒขับรถพาลูกสาวออกไปก่อน แล้วเขมชาติจึงพาพริมโรสตามไป ระหว่างทางชายหนุ่มหันมามองหน้าร่างบางที่นั่งมาด้วยเป็นระยะ ๆ เพราะความสงสัยว่า คุณนายกําลังคิดอะไรกันแน่ แต่รู้สึกว่าจะเป็นเรื่องไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะแววตาของเธอนั้น เหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ซึ่งเป็นบางอย่างที่ไม่น่าจะเป็นเรื่องดี

“นี่คุณ...ฉันเหมือนเคยเห็นคุณเรวัฒที่ไหนมาก่อนนะ แต่ ฉันจําไม่ได้ ช่างเหอะ...เดี๋ยวก็คิดออกเอง เพราะอย่างนี้แหละฉันถึง ได้ชวนไปกินข้าวด้วยกัน เพราะฉันแน่ใจมาก ๆ เลยนะว่าฉันเคย เห็นที่ไหนมาก่อน”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel