32 กับดัก
กับดักของแม่ใจร้าย
เมื่อทุกคนเข้าไปในห้องรับแขกแล้ว พิชชภรณ์ขอตัวไปเอานํ้ามาให้คุณวิภาดากับวิลาสินี โดยที่เขมกรจะตามเข้าไปช่วยแต่ถูกวิลาสินีขวางไว้เสียก่อน
“นายน่ะ...อยู่คุยกับแม่ เดี๋ยวฉันจะเข้าไปช่วยเมียแกเอง” พูดจบก็เดินตามพิชชภรณ์เข้าไปในครัวทันที
ทําให้เขมกรต้องนั่งคุยกับมารดาในห้องรับแขกหน้าบ้าน แต่เขาก็อดห่วงคนรักไม่ได้ เพราะกลัวจะถูกพี่สาวของตัวเองเล่นงาน และอาการชะเง้อชะแง้แลมองเข้าไปในครัวหลังบ้านของเขา ก็ทําให้ผู้เป็นมารดาอดรู้สึกหมั่นไส้ลูกชายตัวเองไม่ได้
“ชะเง้อมองอย่างกับพี่เรา จะทําอะไรเมียเรางั้นแหละ” ท่านประชด
“ครับ...ผมไม่ไว้ใจพี่วิ กับแม่” เขมกรพูดตามความรู้สึกของตัวเอง เพราะถึงยังไงเขาก็ไม่มีทางเชื่ออย่างเด็ดขาดว่า แม่ที่คัดค้านเรื่องที่ เขาจะแต่งงานกับพิชชภรณ์จนถึงขนาดขังเขาไว้ไม่ให้ไปไหน จะยอมอ่อนข้อจนยอมรับเขากับคนรักได้ง่าย ๆ นั้น ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่มีทาง เป็นไปได้ นิสัยมารดาของเขาเป็นอย่างไร ทําไมเขาจะไม่รู้ดี
‘แม่ของเขาต้องเป็นผู้ชนะเท่านั้น’
นิสัยอย่างนี้ของมารดา...ทําไมเขมกรจะไม่รู้ดี แต่ทําไมตอนนี้ท่านถึงมาทําดีกับตนและพิชชภรณ์...นี่สิที่เขาต้องระวัง แม่ต้องการอะไรกันแน่ เห็นทีคราวนี้เขาต้องดูแลคนรักกับลูกในท้องให้ใกล้ชิดกว่านี้เสียแล้ว และถ้าเป็นไปได้ยิ่งอยู่ไกลมารดากับพี่สาวของเขาเท่าไหร่ยิ่งดี
“กร...ลูกเห็นแม่เป็นคนยังไง ถึงแม่ไม่ชอบคนที่ลูกเลือก...แต่แม่ก็จะพยายามทําใจให้ยอมรับเพราะเห็นแก่ลูก...ลูกเป็นลูกชายคนเดียวของแม่นะ จะให้แม่ไม่มาดูดําดูดีได้ยังไง มีแม่ที่ไหนบ้างที่ไม่อยากให้ลูกของตัวเองได้สิ่งที่ดีที่สุด แม่อุตส่าห์เลือกคนที่คิดว่าดี สําหรับลูก...แต่ลูกกลับไปเลือกผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าที่ไหนก็ ไม่รู้มาเชิดชูเป็นเมียจะไม่ให้แม่เสียใจได้ยังไง” กล่าวกับลูกชายด้วย นํ้าตาคลอเป้า
“แต่แม่...ก็ยังเป็นแม่ของลูก เมื่อลูกเลือกแล้ว แม่ต้องยอมรับ...แม้แม่จะไม่พอใจแค่ไหน แม่ก็ต้องยอมรับให้ได้ แม่ถึงมาหาลูกนี่ไง กรจะไม่มองแม่ในแง่ดีบ้างเลยเหรอ ลูกจะไม่ให้แม่ได้มีโอกาสอุ้มหลานบ้างเลยเหรอ”
แม้จะรู้จักแม่ของตนดีอย่างไร แต่เขมกรก็เป็นคนใจอ่อน เมื่อเห็นแม่ที่ไม่เคยยอมลงให้คนอื่นต้องเสียนํ้าตาง้องอนตัวเองนั้น มันทําให้เขารู้สึกผิดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้...ถึงแม้ท่านจะชอบบังคับให้เขาทําโน่นทํานี่อยู่เสมอ แต่ทั้งหมดก็เป็นเพราะท่านหวังดีกับเขา
ซึ่งการที่เขายอมให้แม่บงการชีวิตมาโดยตลอดนั้น แตกต่างกันโดย สิ้นเชิงกับเขมชาติพี่ชาย ที่รายนั้นนอกจากจะตัดสินใจด้วยตัวเองมา ตั้งแต่เด็กแล้ว ยังไม่ยอมให้ใครมาบังคับหรือยอมลงให้ใครเลย แม้แต่บิดาที่เป็นเจ้าพ่อผู้มีอิทธิพลคับฟ้ายังต้องยอมอ่อนข้อให้กับลูกชายตัวเอง
ถ้าเป็นเขมชาติ...พี่ชายเขาคงไม่รู้สึกผิด ที่ยอมแตกหักกับทางบ้านเพื่อมาใช้ชีวิตอยู่กินกับคนรัก แต่สําหรับเขมกรด้วยความที่เป็นคนอยู่ในโอวาทมาโดยตลอด ทําให้เขาอดที่ละอายใจกับสิ่งที่ตนได้กระทําไปอยู่ไม่น้อย แม้ว่าการใช้ชีวิตอยู่กับพิชชภรณ์จะเป็นช่วงชีวิตที่เขามี ความสุขมากที่สุดก็ตามแต่ที่เขาออกมาใช้ชีวิตอยู่กับคนรักนั้น เขายังรู้สึกเสียใจอยู่ลึก ๆ เพราะการกระทําของเขาไม่ต่างอะไรกับการกระทําของลูกอกตัญญู ที่สําคัญเขาอยากให้มารดายอมรับคนรักของเขาและจัดงานแต่งให้เป็นเรื่องเป็นราว ไม่ใช่แค่จดทะเบียนเงียบ ๆ โดยที่ผู้ใหญ่ทางเขาไม่เห็นด้วย มันทําให้เขารู้สึกเหมือนกับไม่ได้ให้เกียรติคนรักเท่าที่ควร แม้ว่าพิชชภรณ์จะไม่เคยบ่นหรือพูดในทํานองน้อยใจ แต่เขาก็ยังอยากจะจัดงานแต่งงานให้สมฐานะลูกชายคนเล็กของเจ้าพ่อเกรียงไกร
“แม่หมายความว่าไง...ครับ” นํ้าเสียงที่อ่อนลงของลูกชายทําให้คุณวิภาดายิ้มอย่างพึงพอใจ อย่างน้อยแผนขั้นแรกก็ประสบความสําเร็จ แม้จะไม่ง่ายอย่างที่คิดไว้ในตอนแรกก็ตาม เขมกร...ลูกชายของท่านเป็นคนใจอ่อนอยู่ในโอวาทเสมอ เพราะพิชชภรณ์คนเดียวที่ทําให้ลูกชายที่น่ารักของท่านต้องมาขัดใจท่าน
‘ยัยหนิง แกต้องรับผิดชอบ...’
“มา...น้องหนิง ให้พี่ช่วยดีกว่า” วิลาสินีพูดพร้อมกับรีบเข้ามาแย่งถาดใส่แก้วนํ้าดื่มจากมือพิชชภรณ์ไป
“คนท้องคนไส้จะให้ยกของหนักได้ไง ...มันอันตรายรู้ไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะ...พี่วิ”
“ไม่เป็นไรได้ไงจ๊ะ...ให้พี่ช่วยนะดีแล้ว” วิลาสินีพยายามทําเสียงให้ฟังดูอ่อนโยนมากที่สุด
“ให้พี่ทําอะไรให้หนิงบ้าง...พี่อยากไถ่โทษที่เคยทําไม่ดีกับน้องหนิงไว้ พี่ต้องขอโทษเรื่องที่ผ่านมาด้วยนะจ๊ะ...หวังว่า น้องหนิงคงไม่โกรธพี่กับแม่ใช่ไหมจ๊ะ”
“ไม่ค่ะ...หนิงไม่เคยคิดโกรธคุณแม่กับพี่วิเลย” พิชชภรณ์พูดด้วยความ จริงใจ และรีบพูดต่อเมื่อยังเห็นว่าวิลาสินียังมีสีหน้าที่เสียใจอยู่ “จริง ๆ นะคะ หนิงเข้าใจค่ะว่าคุณแม่กับพี่วิ รักและหวังดีกับพี่กรถึงทําอะไรแบบนั้น หนิงไม่โกรธหรอกค่ะ...เพราะหนิงก็รักพี่กรไม่น้อยไม่กว่าคุณแม่กับพี่วิเลย”
‘นังหน้าโง่...’ วิลาสินียิ้มด้วยความชอบใจเมื่อได้ยินสิ่งที่พิชชภรณ์พูดไม่คิดว่าแผนการของมารดาตัวเองจะประสบผลสําเร็จอย่างง่ายดายเช่นนี้ เล่นงานคนน้องง่ายกว่าเล่นงานคนพี่เยอะ แม้แผนที่มารดาบอกจะต้องอาศัยเวลาและความอดทนมากก็ตาม แต่ว่า...มันก็คุ้มกับการรอคอย ที่จะกําจัดศัตรูหัวใจให้หมดไป
เขมชาติมองพริมโรสที่กําลังหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ของเขาด้วยความสงสัย ไหนจะยังนิ้วที่ระรัวกด แป้นคีย์บอร์ดอย่างไม่สนใจว่าจะพังหรือเปล่านั้น ทําให้เขาเดินเข้าไปทางด้านหลังโต๊ะทํางานด้วยความเงียบกริบ เพื่อจะดูว่าหญิงสาวกําลังทําอะไรอยู่
การไม่รับรู้การมาของเขานั้นยิ่งน่าสงสัยเข้าไปใหญ่ ตามปกติแล้ว พริมโรสเป็นคนที่ความรู้สึกไวมาก เธอต้องรู้การมาของเขาตั้งแต่เขาเปิดประตูเข้ามาแล้ว ยกเว้นตอนที่คุณนายกําลังหมกมุ่นอยู่กับอะไรบางอย่าง ที่ทําให้เธอเลิกสนใจสิ่งรอบตัว และตอนนี้อะไรบางอย่างที่พริมโรสทํา...มันก็เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ของเขาเสียด้วย
ยิ่งตอนนี้คาร์ลอตรายงานให้เขาว่า มีข้อมูลบางอย่างของทางบริษัทที่ถูกมือดีขโมยไปยังจับตัวคนกระทําไม่ได้ ข้อมูลที่เป็นความลับของทางบริษัทถูกฉกไปอย่างง่ายดายทั้ง ๆ ที่ คาร์ลอตได้จัดเก็บไว้ในระบบที่มีความปลอดภัยค่อนข้างสูง
คาร์ลอต...ลูกน้องชาวโคลัมเบีย ที่บิดาของเขามอบหมายให้มาทํางานกับตนนั้น ถือว่า...ความรู้ความสามารถในเรื่องคอมพิวเตอร์ที่ไม่เป็นสองรองใคร
การที่ใครก็ตามที่สามารถเจาะระบบข้อมูล ที่ลูกน้องเขาตั้งระบบป้องเอาไว้ได้นั้น ถือว่า...ต้องมีฝีมือไม่ธรรมดา เหมือนกัน แต่...คน ๆ นั้นจะเป็นใคร หวังดีหรือหวังร้าย เขาต้องรู้ให้ ได้
