34 ผู้ชายไม่ได้มีแค่คนเดียวนะจ๊ะ
เมื่อเขมชาติกับพริมโรสมาถึงร้านอาหารอันเป็นที่หมาย ก็พอว่าคุณเรวัฒกับลูกสาวได้นั่งรออยู่ก่อนแล้ว โดยที่กรวิภาเป็นคนเลือกที่นั่งที่ค่อนข้างจะเป็นจุดสนใจของคนอื่น ๆ ได้เป็นอย่างดี เพราะแค่เดินเข้าร้านทั้งเขมชาติกับพริมโรสก็เห็นทันที โดยที่ไม่ต้องเอ่ยปากถามพนักงาน
ตอนนี้กรวิภาก็นั่งฝั่งตรงข้ามกับบิดา เหมือนจะบังคับกลาย ๆ ไม่ให้หญิงสาวแปลกหน้าได้นั่งคู่ชายหนุ่มที่เธอหมายปองอยู่
“พี่เขมคะ...ทางนี้ค่ะ” กรวิภารีบลุกทันทีที่คนทั้งคู่เดินมาถึงที่โต๊ะ พร้อมกับเอื้อมมือไปหมายจะดึงเขมชาติให้นั่งลงข้างตัวเอง แต่ชายหนุ่มเบี่ยงตัวออกก่อน อีกทั้งยังดันตัวพริมโรสให้นั่งลงข้างกรวิภาแทน ในขณะที่ตัวเขาเองนั้นทิ้งตัวนั่งลงข้างคุณเรวัฒ
“สั่งอะไรกันหรือยังครับ” เขมชาติหันมาชายสูงวัย
“หมิงสั่งของโปรดให้พี่เขมแล้วค่ะ...พี่เขมจะสั่งอะไรเพิ่ม อีกมั้ยคะ” กรวิภาตอบคําถามแทนบิดา แต่ชายหนุ่มกลับไม่สนใจเธอแม้แต่น้อย เขาหันไปถามหญิงสาวที่มาด้วยแทน
“พริมคุณจะสั่งอะไรเพิ่มไหม” นํ้าเสียงที่ถามด้วยความอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยใช้พูดกับใครมาก่อน พร้อมกับส่งเมนูจากพนักงานให้
ทั้งนํ้าเสียงและการกระทําดังกล่าว ทําให้ชายสูงวัยหันมามองสาวแปลกหน้าด้วยสายตาพินิจพิเคราะห์ แต่กับลูกสาวของตนแล้วกลับมองด้วยสายตาจะกินเลือดกินเนื้อ
“แล้วแต่คุณสิคะ... ถ้าคุณคิดว่าอันไหนอร่อยก็สั่งให้ฉันด้วย” ตอบเสียงหวานกลับมาไม่แพ้กับคนถาม
พูดจบเขมชาติก็จัดการสั่งอาหารให้พริมโรสทันที อีกทั้งยังบรรยายสรรพคุณความอร่อยให้ฟังอย่างละเอียด ในขณะที่พริมโรสได้แต่ยิ้มแล้วก็พยักหน้า โดยไม่สนใจว่าที่โต๊ะยังมีบุคคลอื่นนั่งอยู่ด้วย เปรียบประหนึ่งว่าตอนนี้ทั้งคู่อยู่ด้วยกันเพียงลําพังแค่สองคนเท่านั้น ซึ่งการกระทําดังกล่าว สร้างความไม่พอใจให้กับกรวิภาเป็นอย่างมาก
“รู้สึกว่า...ดิฉันจะไม่เคยเจอคุณมาก่อนนะคะ” กรวิภาถาม ขัดจังหวะก่อนจะหันไปคาดขั้นกับชายหนุ่ม
“พี่เขมจะไม่แนะนําเพื่อนของพี่ให้หมิงรู้จักหน่อยเหรอคะ”
“อ้าว!!...พี่ลืมแนะนําไปเลย” เขมชาติแสร้งอุทาน ก่อนจะเริ่มแนะนำ
“พริมจ้ะ...นี่คุณอาเรวัฒ ท่านเคยเป็นผู้ช่วยของคุณพ่อผมมาก่อน และก็ยังช่วยแนะนําเวลาผมมีปัญหางานที่แก้ไม่ตกด้วย”
พริมโรสยกมือไหว้ชายสูงวัยก่อนที่เขมชาติจะแนะนําหญิงที่นั่งข้าง ๆ
“ส่วนนี่ คุณกรวิภา ลูกสาวอาวัฒน์น่ะ” เพราะมองดูแล้วคาดว่ากรวิภาน่าจะอายุน้อยกว่าตน พริมโรสจึงแค่ยิ้มเป็นการทักทาย ก่อนที่จะหุบยิ้มแทบไม่ทันเพราะประโยคต่อมาของคนแนะนํา
“อาวัฒน์ครับ น้องหมิง...นี่คุณพริมโรส เป็นคนรักของผมครับ”
นิ่ง...เป็นปฏิกิริยาของทุกคน ทุกคนต่างนิ่งและจมอยู่กับความคิดของตัวเอง ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าเขมชาติจะพูดอย่างนี้ โดยเฉพาะสองสาวตอนนี้ต่างตะลึงกับคําพูดของชายหนุ่ม
พริมโรสที่ดูจะสงบกว่าเพื่อน คงมีแต่แววตาเท่านั้นที่แสดงความไม่พอใจออกมา แต่ก็เป็นเพียงแวบเดียวเท่านั้น ก่อนที่จะปรับให้เป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขมชาติต้องการอะไรกันแน่ถึงพูดอย่างนั้น หรือคิดว่าจะยืมมือเธอช่วยกันกรวิภาออกไป
เพราะดูจากท่าทางแล้วหญิงสาวคนดังกล่าวคงชอบเขาอยู่ไม่น้อย และคงจะร้ายพอ ๆ กันกับวิลาสินีเป็นแน่ แต่ว่าปฏิกิริยาตอบสนองนั้นแตกต่างกัน ถ้าเขมชาติประกาศอย่างนี้ต่อหน้าลูกสาวแม่เลี้ยงมีหวังตอนนี้ร้านอาหารคงพังไปแล้ว แต่กับผู้หญิงคนนี้ นอกจากแววตาที่มองเธออย่างจะให้มอดไหม้กลายเป็นจุณแล้ว ปฏิกิริยาอื่น ๆ ถือว่ายังสงบนิ่ง...นิ่งอย่างคนใช้ความคิด... ‘ท่าทางจะร้ายไม่เบาแฮะ...’
“อ้าว...นิ่งกันไปเลย” เขมชาติเอ่ยขึ้นหลังจากที่ลอบสังเกตปฏิกิริยาของแต่ละคน ซึ่งเขาก็พอจะเดาออกว่าคุณเรวัฒกับกรวิภากําลังคิดอะไร ถ้าเดาไว้ไม่ผิด...ทั้งคู่คงคิดว่า พริมโรสเป็นกุลสตรี แม่บ้านแม่ศรีเรือน
“เรากําลังจะแต่งงานกัน...ไม่เห็นต้องอายอะไรเลย” เขาเอ่ยอย่างล้อ ๆ ซึ่งก็เป็นผลให้เขาได้รับค้อนชุดใหญ่มาอีกรอบ
“ไม่เอาน่า... อาหารมาแล้ว ทานกันเลยดีกว่า...มื้อนี้ให้ผมเป็นคนเลี้ยงเองนะครับ ถือว่าเป็นการเลี้ยงฉลองข่าวดีของผมกับ พริม”
เมื่อกรวิภากลับไปถึงบ้านพร้อมกับบิดาถึงกับปิดห้องขังตัวเองเอาไว้ พร้อมกับทําลายข้าวของภายในห้องตัวเองจนหมดสิ้น สร้างความกังวลใจให้กับคุณเรวัฒผู้เป็นบิดา ด้วยความที่สงสารว่าลูกสาวตัวเอง กรวิภาเธอกําพร้าแม่มาตั้งแต่เด็กทําให้ท่านตามใจลูกคนนี้อยู่พอสมควร แต่สําหรับเรื่องของเขมชาติท่านคงช่วยลูกสาวตัวเองไม่ได้ แม้ว่าอยากจะช่วยแค่ไหนก็ตาม เพราะท่านรู้ดีว่าถึงช่วยไปก็ไม่มีประโยชน์ลองชายหนุ่มคนดังกล่าวปักใจจะทําอะไรแล้วไม่มีใครสามารถเปลี่ยนใจได้ยิ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับหัวใจตัวเองด้วยแล้ว คงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก
ผู้ชายอย่างเขมชาติไม่เคยขาดแคลนผู้หญิง แต่จะมีผู้หญิงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถครองใจชายหนุ่มได้ และจะเป็นเพียงคนเดียวที่จะเป็นเจ้าของหัวใจของเขาตลอดไป ซึ่งนิสัยอันนี้คุณเรวัฒไม่แปลกใจเลยว่าเขมชาติได้มาจากใคร ‘เหมือนพ่อไม่มีผิด...’
“หมิง... ให้ป๊าเข้าไปได้ไหม”
เสียงเคาะประตูพร้อมกับเสียงเรียกอย่างอ่อนโยนของผู้เป็นบิดา ทําให้หญิงสาวในห้องรีบเช็ดนํ้าตาก่อนเดินไปเปิ ดประตูให้บิดา
“ป๊ามีอะไรหรือเปล่าคะ” คุณเรวัฒไม่ตอบแต่เดินเข้ามาในห้องของลูกสาวตนแทน สภาพห้องในตอนนี้เรียกได้ว่า ‘เละไม่เป็นชิ้นดี’ เพราะฝีมือของหญิงสาว เจ้าของห้องที่ขว้างปาข้าวของทุกอย่างทิ้ง
“สบายใจขึ้นแล้วใช่ไหม...เดี๋ยวป๊าจะให้เด็กขึ้นมาทําความสะอาดห้องให้ใหม่นะ เรื่องเจ้าเขมน่ะ...ป๊าอยากให้หมิงทําใจ” ท่านปลอบ พลางยกมือขึ้นซับนํ้าตาให้ลูกสาว
“แต่ป๊าคะ...หนูรักพี่เขมมานานแล้วนะ หนูเจอพี่เขมก่อนยัยนั่นด้วย ทําไมพี่เขมไม่มองหนู ทําไมพี่เขมไม่รักหนูล่ะคะ...พ่อ.. พ่อช่วย.. หนูได้ไหม” กรวิภาพูดพร้อมกับนํ้าตาที่ไหลมาอีกครั้งพร้อมกับซบอกบิดา
คุณเรวัฒได้แต่ถอนใจ ขณะกอดและลูบหลังลูกสาวอย่างปลอบใจ เพราะท่านคงช่วยอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้ เรื่องของหัวใจจะบังคับใครก็ไม่ได้ ท่านได้แต่หวังว่า...กรวิภาจะทําใจได้ในไม่ช้านี้
“พริม...สรุปแล้วคุณคิดออกหรือยังว่าเคยเจออาวัฒน์มาก่อนหรือเปล่า” เขมชาติถามขณะขับรถพาพริมโรสออกจากร้าน เมื่อเห็นว่าหญิงสาวยังคงความเงียบได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย ก่อนจะประชดอย่างเหลืออด
“นี่คุณ...ไม่มีใครอยู่แล้ว ไม่ต้องเก็บอาการขนาดนั้นหรอก”
“ไม่ต้องมาประชดเลยคุณ หาเรื่องให้ฉันเดือดร้อนได้ตลอด”
“อ้าว...เป็นงั้นไป ผมไปทําอะไรให้คุณอีกล่ะ”
“ไม่ได้ทํา” พริมโรสหันมาจ้องหน้าเขมชาติอย่างเอาเรื่อง พร้อมกับตีแขนชายหนุ่มอย่างแรงเพื่อระบายอารมณ์ที่คั่งค้างอยู่ข้างในทันทีที่ พูดจบ
“นี่...คุณ ไม่เห็นหน้าน้องหมิงของคุณหรือไง ถ้าสายอย่างกับจะฆ่าฉัน”
“โอ๊ย คุณมาตีผมทําไม...เจ็บนะ แล้วอีกอย่างนะน้องหมิงไม่ใช่ของผม ผมเห็นเขามาตั้งแต่เด็ก คิดกับเขาแค่น้องสาวเท่านั้นแหละ แต่ของเป็น...ดอกพริมโรสล่ะก็ ของผมแน่ ๆ”
“อีตาบ้าเพราะปากเสียอย่างนะนี้สิ ฉันถึงโดนหางเลขไปด้วย ไม่รู้แหละ... เพราะคุณคนเดียวเลย แค่รบกับยัยวิกับแม่เลี้ยงนายฉันก็เหนื่อยพออยู่แล้ว คุณยังหาศัตรูเพิ่มให้ฉันอีก ไม่รู้ว่าคราวนี้ฉันจะโดนอะไรบ้าง”
“แหม...ฝีมือระดับคุณ เอาอยู่หรอกน่า”
“แต่ไม่มีใครบอกคุณหรือไงว่า...ถึงจะเก่งแค่ไหนอย่าเปิดศึกหลายด้าน สี่เท้ายังรู้พลาดนักปราชญ์ยังรู้พลั้ง แล้วคนธรรมดาเดินดินอย่างฉันเนี่ย เจอนางมารร้ายพร้อมกันถึงสามคน...จะให้รอดชีวิตไปง่าย ๆ เนี่ยคงไม่มีทาง ไม่รู้แหละ...เพราะคุณนั่นแหละ คุณคนเดียวเลย”
