28 ขออ้อนหน่อย
‘ตาเขม แกจะได้รู้พิษสงของฉันเสียที พ่อของแกเคยตกอยู่ในกํามือฉัน ส่วนแม่ของแกก็ถูกฉันกําจัด แกที่เป็นลูกคงไม่ต่างอะไรกันหรอก แล้วแกจะได้เห็นว่าการทําให้ฉันโกรธต้องเจอกับอะไร’
“โอ๊ย... เบา ๆ หน่อยสิ” เสียงเขมชาติโอดครวญ เมื่อคุณนายบรรจงประคบผ้าชุบนํ้าเย็นบนใบหน้าของเขา
“นี่คุณ...จะเจ็บเวอร์ไปถึงไหนย่ะ ฉันฟาดไปทีเดียวเอง ทําเป็นร้องอย่างกับถูกส่องด้วยปืนงั้นแหละ” พริมโรสรีบวางผ้าลงในอ่างเล็ก ๆ ที่วางอยู่บนโต๊ะกระจกข้างโซฟานุ่มก่อนหันหน้าเผชิญกับคนตัวโตขี้อ้อนที่นั่งทําตาปริบ ๆ ให้เธอ ประคบประหงมให้
“แหม...คุณ นาน ๆ คุณจะโผล่มาให้ผมอ้อน ผมก็ต้องรีบอ้อนสิ” ตอบพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ ซึ่งการกระทํานั้นทําให้คนถูกอ้อนถึงกับอึ้ง เพราะว่าไม่คิดว่าตนเองจะเห็นชายยิ้มยากยิ้มให้ทั้งใจจากริมฝีปากสวยได้รูป กับดวงตาที่หวานระยับคู่นั้น แต่พอรู้ตัวอีกทีใบหน้าหล่อคมเข้มก็อยู่ห่างจากเธอไม่ถึงคืบ
พริมโรสรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ ที่จ่ออยู่ตรงใบหน้านวล ของเธอ แม้เธอจะพยายามขยับกายหนี แต่ดูเหมือนว่าจะหนีไม่พ้น เพราะวงแขนแข็งแรงที่กักขังเธอไว้อยู่
“ปล่อย...แล้วก็เอาออกหน้าไปห่าง ๆ ฉันด้วย”
พริมโรสสั่งและพลางผลักชายหนุ่มให้ออกห่างจากตัวเธอ แต่ว่าไม่เป็นผล เพราะว่ายิ่งผลักเขาก็ยิ่งรัด และโน้มใบหน้าใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ เธอก็ได้แต่เอนตัวหนี จนกระทั่งหลังสัมผัสกับพนักพิงขอบโซฟา
เขมชาติมองกริยาของคนในอ้อมแขนด้วยความขัน และเมื่อเห็นว่าคุณนายไม่สามารถขยับตัวหนีไปไหนได้ เข้าจึงเลื่อนตัวเองมาประชิดอีก
“อยู่ทานข้าวด้วยกันนะครับ...วันนี้ผมมีประชุมเช้า จะเสร็จคงไม่ เกินบ่ายสอง”
“จะแกล้งฉันอีกล่ะสิ ไม่มีทางเหรอย่ะ...”
“ผมไม่แกล้งคุณหรอก...จริง ๆ” เขมชาติพูดต่ออย่างรู้ใจ
“ผมยัง ไม่อยากเป็นอาหารของนางยักษ์ใจร้าย...เมื่อวานผมถูกกัดไปตั้งหลายรอบ ต้องไปฉีดยากันพิษสุนัขบ้าหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ไม่รู้แหละ ...คุณต้องรับผิดชอบ คุณต้องรอผมด้วย...”
“ฉันไม่.....”
“หรือว่า...คุณจะให้ผมทําโทษอย่างอื่นดี...แต่เอ อะไรดีนะ” เขมชาติพูดพร้อมกับมองพริมโรสอย่างมีเลศนัย
อีกทั้งยังโน้มใบหน้าให้ตํ่าลงมาจนเกือบจะสัมผัสกับริมฝีบางนั้นได้ อยู่แล้ว ถ้าไม่มีมือเรียวเล็กของหญิงสาวมากั้นไว้ก่อน
“จะมากไปแล้ว...” พริมโรสแว้ดใส่พร้อมกับพยายามผลักร่างหนาให้ห่างออกไปแต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล
ขณะที่ทั้งคู่กําลังดึงดันจะเอาชนะอีกฝ่ายอยู่นั้น ประตูห้องทํางานก็ถูกผลักเข้ามาโดยที่ไม่ได้เคาะบอกก่อนล่วงหน้า ทําให้ทั้ง พริมโรส กับเขมชาติชะงัก ชายหนุ่มจะผละตัวออกจากพริมโรส เขาปรับสีหน้าที่ดูเหมือนไม่พอใจ ก่อนหันไปเผชิญหน้ากับคนที่มาใหม่
ชายสูงวัยรูปร่างท้วมศีรษะล้านไปเกือบครึ่ง สูทสีนํ้าเงินเข้มตัดเย็บ มาอย่างประณีตบ่งบอกฐานะของผู้สวมใส่ แต่สายตาที่ชายคนนั้น มองมายังพริมโรสทําให้หญิงสาวถึงกับฉุน และอารมณ์ของเขมชาติที่พุ่งสูงขึ้นด้วยความไม่พอใจ
“อาเข้ามาขัดจังหวะอะไรหรือเปล่า...เขม” คนมาใหม่ถามด้วยความห่วงใย แต่แววตาและนํ้าเสียงที่แสดงออกมามันไม่ได้เป็นไปตามคําพูดเลย
“อาณุ...มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ” เขมชาติถามชายคนที่เข้ามาใหม่ แทนการตอบคําถามของผู้สูงวัยกว่า ด้วยนํ้าเสียงที่คนใกล้ชิดรู้ว่า เจ้าตัวกําลังข่มความไม่พอใจเอาไว้อย่างสุดความสามารถ
อาณุ...หรือ คุณพิษณุหนึ่งในกรรมการผู้ถือหุ้นของบริษัท ผู้ที่มีความเห็นขัดแย้งกับแนวทางการบริหารงานของชายหนุ่มรุ่นลูก อย่างรุนแรง เมื่อครั้งเขมชาติสั่งให้ยกเลิกกิจการด้านมืดทุกชนิด เพราะเขาคือ...มือขวาที่คอยคุมงานทางด้านนั้นให้กับเจ้าพ่อเกรียงไกรบิดาของชายหนุ่ม
เมื่อเห็นว่าไม่สามารถทําให้เขมชาติเปลี่ยนใจได้ ผู้เป็นอาจึงได้เปลี่ยนท่าทีใหม่ ซึ่งภายใต้ทีท่าที่สงบนิ่งยอมทําตามที่เขาบอก แต่เบื้องหลังท่านกลับแอบทํางานด้านนั้นใช้ชื่อของชายหนุ่มเป็นใบเบิกทาง ด้วยความที่ท่านคุมงานด้านนี้อยู่แล้ว จึงไม่ใช่เรื่องยากที่พิษณุจะสานต่องานทางด้านนี้
ผู้เป็นอารู้อยู่แล้วว่าเขมชาติไม่ใช่คนโง่ สักวันต้องรู้เข้าจนได้ เพื่อความไม่ประมาทท่านจึงส่งคนเข้ามาติดตามความเคลื่อนไหวของเขาอย่างใกล้ชิด
แต่พิษณุคงลืมไปว่าเสือ...ยังไงก็คือเสืออยู่วันยังคํ่า แม้จะเป็นลูกเสือ หรือว่าเสือใหญ่ แต่เสือก็คือเสือที่ยังคงสัญชาตญาณของผู้ล่าอยู่เป็นนิจ และยิ่งเสืออย่างเขมชาติที่ถูกลับคมเขี้ยวมาตั้งแต่ยังเด็ก โดยฝีมือของเจ้าพ่ออันดับหนึ่งของเมืองไทย ยิ่งทําให้สัญชาตญาณแห่งนักล่านั้นน่ากลัวกว่าผู้สอนหลายเท่า
พิษณุคิดว่าความเคลื่อนไหวของท่านลอดพ้นสายตา ของชายหนุ่มไปได้แล้วล่ะก็ ท่านคิดผิดอย่างมหันต์ เพราะทุกฝีก้าว ที่ผู้เป็นอาก้าวเดินนั้น จะมีเขมชาติก้าวนําหน้าก่อนเสมอ และถ้าพิษณุคิดว่ามีเขาเพียงฝ่ายเดียวที่ส่งคนมาประกบเขมชาติ เขาก็คิดผิดอีก เช่นกัน เพราะหลานอย่างเขมชาติก็ได้ส่งคนตามประกบพิษณุตั้งแต่ก่อนที่เขาจะประกาศให้ทุกคนวางมือจากด้านมืดแล้วเสียอีก
ด้วยความตั้งใจที่มีมาตั้งแต่เด็ก ทําให้เขมชาติมุ่งมั่นว่าวันหนึ่งเมื่อเขาโตขึ้น มีอํานาจที่จะสั่งการอะไรก็ได้ตามใจนั้น เขาจะยกเลิกกิจการที่ผิดกฎหมายทั้งหมดของผู้เป็นบิดา และจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับอํานาจมืด ใด ๆ ที่ผู้เป็นตาต้องการให้เขาสานต่อ เพราะเขารู้ซึ่งดีว่าแม้ภายนอกจะดูเหมือนมีอํานาจ เป็นที่ยําเกรงต่อคนทั่วไป แต่อํานาจที่ได้มานั้นกลับต้องแลกด้วยอะไร ๆ หลาย ๆ อย่างที่เขาไม่อย่างให้เกิดขึ้น
อํานาจ...ที่ต้องแลกมาด้วยชีวิต เป็นสิ่งที่เขาไม่ต้องการให้เกิดขึ้น และเมื่อเขามีโอกาสที่จะแก้ไข...เขาจึงรีบลงมือทันทีโดยไม่รอช้าที่จะให้เกิดการนองเลือดขึ้นมาก่อน
ก่อนที่เขมชาติจะประกาศให้ยกเลิกนั้นเขาได้ศึกษาข้อมูล วางแผนจับตามองบุคคลที่เกี่ยวข้องกับงานด้านนี้โดยตรง และเขาพอจะมองออกว่าใครจะเป็นคนที่ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้มากที่สุด เขาจึงส่งคน เข้าไปสืบอย่างลับ ๆ เพื่อคอยรายงานความเคลื่อนไหวของบุคคลนั้น และก็เป็นจริงอย่างที่เขาคาดไว้ว่า มีบางคนที่ไม่เห็นด้วยกับการดําเนินงานของเขา และได้กระทําการที่ขัดคําสั่งของเขาอย่างลับ ๆ โดยใช้ชื่อของเขาบังหน้า ทําให้เขาต้องวางหมากใหม่โดยยืมมือตํารวจมาช่วย เพราะถ้าให้เขาลงมือจัดการเอง การกระทําของเขา คงจะไม่ต่างอะไรกับบิดา และตาของเขามากหรอก
โชคดีที่เขารู้จักตํารวจชั้นผู้ใหญ่คอยให้ความช่วยเหลืออยู่ ไม่ว่าจะ เป็นอดีตอธิบดีกรมตํารวจ หรือแม้แต่ผู้กํากับกองของหน่วยจู่โจม พิเศษ บิดาและน้าของพิเชษฐเพื่อนสนิทของเขา
“เผอิญวันนี้เขมนัดประชุมเช้า...อาเลยรีบออกจากบ้านก่อนกลัวรถจะติดน่ะ แล้วพอดีผู้ช่วยเลขาหน้าห้องบอกว่า เขมเข้ามาแล้ว อาแค่อยากจะแวะมาทักทายก่อนประชุมเท่านั้นเอง...แต่ไม่คิดว่า...” พิษณุเว้นระยะพูดนิดหนึ่ง พร้อมกับละสายตาจาก เขมชาติ มามองพริมโรสด้วยสายตาเจ้าชู้
