27 ฉันไม่เคยคิดร้ายกับคุณเลย
“มีอะไรก็รีบไปทําเถอะ...ไม่ต้องห่วงฉันจัดการเองได้” เจ้านายหันไปบอกลูกน้องก่อนจะหันมามองพริมโรสอย่างคาดโทษเอาไว้
“คุณนายระเบียบ... จะรีบไปไหน” เขมชาติเรียกเสียงเข้มเมื่อเห็นว่าพริมโรสกําลังหมุนตัวจะเดินออกจากห้องตามคนของเขาออกไป
“ฉันมีงานต้องไปทํา”
“คุณยังไปไหนไม่ได้...ต้องรับผิดชอบผมก่อน”
“หา...คุณว่าไงนะ”
“ผมลืมไปว่า คนแก่หูมักจะตึง”
“คนบ้า ว่าใครแก่...”
“เอาน่า...คุณทําให้ผมขายหน้าลูกน้องตัวเอง ผมยังไม่บ่นสักคํา... แล้วผมก็เจ็บขนาดนี้ คุณต้องรับผิดชอบ”
“ฉันนี่นะ” พริมโรสชี้หน้าตัวเอง พร้อมกับมองเขมชาติด้วยความงง ๆ
“รับผิดชอบคุณ...ฉันไม่ได้ทําอะไรสักหน่อย ทําไมฉันต้อง รับผิดชอบด้วย”
“ไม่ได้ทํา...แล้วที่หัวผมปูดขนาดนี้ล่ะ ไม่ใช่ฝีมือคุณหรือไง...เนี่ยนะ ถ้าผมเสียโฉมไป คุณนั่นแหละต้องรับผิดชอบ”
“ไม่รู้แหละ...คุณต้องรับผิดชอบผม นับจากวันนี้เป็นต้นไป” ชายหนุ่มตรงหน้าพูดอย่างจริงจัง พร้อมกับเดินเข้ามาประชิดตัวหญิงสาวมากขึ้น
“คุณ ต้องอยู่ดูแลผม”
“ห๊า...”
“ไม่ต้องหาอะไรแล้ว...อย่างที่ผมพูดนั่นแหละ คุณต้องอยู่ดูแลผม และผมก็จะไม่ปล่อยให้คุณคลาดสายตาเด็ดขาด” เขมชาติพูดมาอย่างมีความหมาย
“แต่ตอนนี้...ช่วยดูแผลให้ผมก่อนสิ ไม่รู้จะชํ้ามากหรือเปล่า” พริมโรสเอื้อมมือขึ้นมาลูบหน้าของเขมชาติเบา ๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นหยิกเข้าเต็มแรง
“โอ๊ย...”
“นึกว่าจะด้านกว่านี่เสียอีก”
“นี่คุณ”
“เอาน่า...พวกยาอะไรนี่อยู่ที่ไหน” เธอถามก่อนที่คนตัวโตจะเริ่มแยกเขี้ยวมากไปกว่านี้
“ตู้กระจกชั้นบนในห้องนํ้า...ทางโน้น” พริมโรสรีบเดินไปตามทางที่เขาบอกก่อนที่เธอจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ เกิดมาเพิ่งเคยเจอ...ผู้ชายอะไร เดาอารมณ์ไม่ถูก
แต่การที่เขมชาติให้เธออยู่ดูแลมันต้องมีอะไรมากกว่านั้น ขนาดนั้นโดนกระเป๋าฟาดนิดเดียวคงไม่เป็นอะไรมากหรอก แต่นี่ เขมชาติเล่นร้องซะเสียงดังขนาดนั้น ยิ่งแววตาที่มองมาเหมือนมีอะไรซ่อนอยู่ในนั้น แววตาของหมาป่าเจ้าเล่ห์...เธอจะประมาทไม่ได้ เขาต้องการอะไรกันแน่
...คิดจะเอาเปรียบฉัน มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก ตาบ้า...
ไม่ว่าเขาต้องการอะไร เธอต้องรีบฉวยโอกาสนี้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด จะปล่อยให้เขาทําอะไรตามใจชอบไม่ได้ ไม่งั้นเธอจะตกเป็น ฝ่ายเสียเปรียบ
“เอาวะ...เป็นไงเป็นกัน ชนกันซักตั้งจะได้รู้กันไป ว่าใครจะอยู่ใครจะไป” พูดกับตัวเองในกระจกก่อนจะหมุนตัวออกจากห้องนํ้าไป
ทางด้านเขมชาติเขาก็คิดไม่ต่างกันกับคุณนายระเบียบ การที่เขาทําอย่างนี้ เพราะต้องการจะดูความเคลื่อนไหวของหญิงสาว เขาต้องการให้พริมโรสอยู่ในสายตาตลอดเวลา
เขมชาติต้องการรู้ว่าเธอต้องการอะไรกันและต้องการรู้อะไรอีกหลายที่ยังคงเป็นปริศนาคาใจของเขา หลังจากอ่านรายงานที่ชงคมหามาให้ ไหนจะคําพูดที่คุณนายระเบียบทิ้งไว้ให้คิดเป็นปริศนานั่นอีก
‘ในชีวิตของฉันเคยทําผิดมาแล้วก็มาก ไม่ว่าต่อจากนี้ฉันจะทําอะไร ไม่ว่าฉันจะเจ้าเล่ห์แค่ไหน ฉันแค่อยากให้คุณรู้ไว้...ว่าฉันไม่เคย
คิดร้ายคุณเลย’
รวมถึง ‘นายไม่ได้ข้อมูลอะไรมากไปกว่าที่ฉันอยากจะบอกหรอก’
ล้วนแล้วแต่ทําให้เขาต้องคิดว่า จริง ๆ แล้วพริมโรสเป็นใครกันแน่ ถ้าจะหาจากแหล่งอื่นคงต้องใช้เวลาอยู่พอสมควร เพราะฉะนั้นระหว่างที่รอคําตอบ เขาต้องรู้ก่อนว่าคุณนายเธอต้องการอะไร และจะทําอะไรต่อไป
และการที่จะรู้เรื่องนั้นก็มีอยู่ทางเดียวคือ การให้เธออยู่ในสายตา ของเขาตลอดเวลา...ใช่ต้องให้อยู่ในสายตา ‘ให้เพื่อนอยู่ใกล้ แต่ให้ศัตรูอยู่ใกล้กว่า’
คําพูดของคุณพ่อที่สอนเขามาว่า การที่ให้ศัตรูอยู่ในสายตาของเรา จะทําให้เราป้องกันตัวเองได้ง่ายกว่าการที่เรามองไม่เห็นความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม แต่สําหรับพริมโรสไม่ใช่ทั้งเพื่อน และศัตรู เพราะฉะนั้นเขาต้องจับ ตามองเป็นพิเศษ
“ผมต้องรู้ให้ได้ว่าคุณเป็นใคร ต้องการอะไรกันแน่” ทางด้านลูกน้องของเขมชาติเมื่อออกจากห้องมาหมดแล้ว ต่างยืนมองหน้ากันอย่างสงสัยว่า เจ้านายจะทําอะไรต่อไปกันแน่ รวมถึงท่าทีของพริมโรสด้วย ไม่รู้ว่าป่านนี้เหตุการณ์ในห้องจะเป็นอย่างไรบ้าง
แม้จะไม่มีการใช้ความรุนแรง แต่บรรยากาศในห้องนั้นกลับเหมือนอยู่ในสงคราม...สงครามเย็นที่ทั้งสองฝ่ายกําลังหํ้าหันกันอย่างดุเดือด เจนจิราคิดว่าโชคดีที่เธอรีบเปลี่ยนแผนก่อน ไม่อย่างนั้นเธอคงรับมือกับเขมชาติไม่ไหว เพราะเมื่ออยู่ใกล้เธอก็ยิ่งสัมผัสได้ว่า ผู้ชายคนนี้อันตราย
ไม่มีใครกล้าชนกับเขาเหมือนกับพริมโรสหรอก ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนจะรู้ตัวหรือเปล่าว่าตัวเองกําลังทําอะไรอยู่ ทางที่ดีเธอรีบหาข้อมูลรายงานเจ้านายให้ได้มากที่สุดก่อนที่จะถูกจับได้จะดีกว่า
ตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนกับว่า ตัวเองกําลังถูกจับตามองเป็นพิเศษ โดยเฉพาะสายตาที่ชงคมมองมานั้น ทําให้เธอไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ ว่าเขาจะรู้เรื่องอะไรของเธอหรือเปล่า
ตามประวัติแล้วชงคมเคยเป็นตํารวจมาก่อน และ ความสามารถที่โดดเด่นของชายหนุ่มคนนี้คือ การแกะรอย แต่ที่เขา มาทํางานกับเขมชาติก็เป็นเพราะสืบรู้ความไม่ชอบมาพากลของ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่คนหนึ่งเข้าทําให้ถูกกดดัน เขาจึงลาออกจาก การเป็นตํารวจ แต่เรื่องยังไม่จบแค่นั้นเมื่อเขาถูกสั่งเก็บ ฐานล่วงรู้ข้อมูลที่ไม่ควรรู้ โชคดีที่เขมชาติบังเอิญผ่านมาช่วยไว้ทัน และชวนชงคมมาทํางานด้วย และฝีมือการทํางานของชงคมก็ไม่เคยทําให้เจ้านายอย่างเขมชาติผิดหวัง
ชงคมนั้นก็คิดอย่างเดียวกับเจนจิรา เขาต้องรู้สืบรู้ให้ได้ว่า เจนจิราเข้ามาทํางานที่นี่ต้องการอะไรกันแน่ หลังจากที่เขาตามเช็ค ประวัติแล้ว...มันน่าสงสัย... แต่จะแหวกหญ้าให้งูตื่นตอนนี้ไม่ได้ คงต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิดแล้วว่าผู้หญิงคนนี้ต้องการอะไรกันแน่ และใครเป็นคนใช้เธอมา ไม่ว่าจะมาดีหรือมาร้าย...เขาต้องรู้ให้ได้
ทางด้านเขมชาติกําลังทําสงครามเย็นกันอยู่ ทางด้านคุณวิภาดากับวิลาสินีก็เตรียมตัวก่อสงครามด้วยเช่นกัน
“คุณแม่...วิ ไม่ยอมนะคะ ดูมันทํากับวิสิ วิไม่ยอม” เสียงวิลาสินี โวยวายกับมารดาเพราะเหตุการณ์เมื่อวานที่ทําให้หล่อนรู้สึกเสีย หน้าเป็นอย่างมาก
“ใจเย็น ๆ สิ” คุณวิภาดาปรามลูกสาวตัวเอง
“แม่จะให้อรใจเย็นได้ยังไง ดูพี่เขมสิ...พี่เขม...”
“ยัยวิ” คุณวิภาดาพูดเสียงเข้มก่อนที่วิลาสินีจะทันพูดจบ
“เพราะ อย่างนี้ไง...แกถึงสู้มันไม่ได้ เรื่องอย่างนี้มันต้องวางแผนกันก่อน จะเผชิญหน้ากับนังพริมตรง ๆ เห็นทีจะยาก”
“คุณแม่หมายความว่าไงคะ” คุณวิภาดายิ้มอย่างมีแผนการร้ายอยู่ในใจ ก่อนจะทันมาพูดกับลูกสาว
“เราเล่นงานมันไม่ได้ แต่เราเล่นงานจุดอ่อนมันได้”
เมื่อได้ยินมารดาพูดดังนั้น วิลาสินีถึงยิ้มออก ใช่...จุดอ่อนของพริมโรสจะเป็นอะไรไปไม่ได้ นอกจาก...พิชชภรณ์
แม้จัดการพริมโรสโดยตรง ไม่ได้ แต่...ถ้าเล่นงานพิชชภรณ์ มีหวังพริมโรสไม่มีทางอยู่อย่างเป็นสุข แน่ ๆ
“คุณแม่จะทํายังไงคะ”
“เราต้องปล่อยไปตามนํ้า แกเคยได้ยินไหมว่า ต้องทําให้ตายใจน่ะ” แล้ววิภาดาก็เล่าแผนการทั้งหมดให้วิลาสินีฟัง ทําให้หญิงสาวยิ้มด้วยความชอบใจ
‘คราวนี้แหละ ที่แกจะเป็นฝ่ายอยู่ไม่สุขบ้าง นังพริม...’
“คุณแม่เก่งจัง...วิคิดไม่ถึงเลยว่าคุณแม่จะวางแผนได้ร้ายกาจขนาดนี้” คุณวิภาดาได้ยิ้มอย่างเยือกเย็น แม้แต่วิลาสินีที่เป็นลูกยังรู้สึกกลัวไปด้วย ใช่...ถ้าเธอไม่แน่จริง ถ้าเธอไม่ร้ายกาจ เธอคงไม่มาถึงจุดนี้หรอก วิภาดาคงไม่สามารถขึ้นมาเป็นภรรยาของคุณพ่อเขมชาติได้ ถ้าไม่ใช่คนที่จัดการเขี่ยแม่ของเขมชาติให้พ้นทางออกไป
