บท
ตั้งค่า

26 หญิงเหล็ก

พริมโรสเข้ามาตอนไหน...ทําไมเขาถึงไม่รู้สึกตัว เมื่อมองเลยออกไปอีกนิด เขาก็สบตากับคาร์ลอตที่มองด้วยแววตาเหมือนขอโทษ...แต่นั่นยังไม่เท่าไหร่ ที่น่าหนักใจก็คงเป็นคุณนายที่ยืนอยู่ตรงหน้านี่สิ

“เอ่อ...คือ...”

“ฉันมาเอากระเป๋า นึกอยู่เหมือนกันว่าคุณคงใช้ลูกน้องไปสืบประวัติฉัน แต่ไม่นึกว่าจะเร็วขนาดนี้” พริมโรสตอบด้วยนํ้าเสียง ปกติ ทําให้ชงคมกับคาร์ลอตต้องมองด้วยความแปลกใจ

มันปกติจนเกินไปแล้ว...ตอนแรกเขาคิดว่าพริมโรสจะโวยวาย ไม่ พอใจที่เขาละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวเสียอีก แต่นี่เธอทําเหมือนไม่มี อะไรเกิดขึ้น...เหมือนจะรู้ตัว คงเป็นเพราะสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยของเขมชาตินั่นแหละที่ทําให้พริมโรสเฉลยข้อข้องใจให้เขาทราบ

“คุณเคยได้ยินไหม รู้เขารู้เรา...รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ก่อนฉันจะมาเจอคุณทําไมฉันจะไม่รู้ว่า คุณเป็นคนยังไง” เธอยิ้มอย่างมีเลศนัยก่อนจะพูดต่อว่า

“เราสอง คนเป็นประเภทเดียวกัน...คือ ไม่ชอบเป็นเป้านิ่งให้คนอื่นโจมตี อย่างเราต้องเป็นผู้ล่า...ไม่ใช่เหยื่อ”

พูดจบก็เอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าของตัวเองที่วางอยู่บนโต๊ะ แต่ก่อนที่ร่างระหงจะเดินลับออกจากห้องนั้นไป ยังไม่วายหันมาทิ้งปัญหาให้เขมชาติได้ปวดหัวอีกรอบ

“อ้อ...ลืมบอกไปว่านายไม่ได้ข้อมูลอะไรมากไปกว่าที่ฉันอยากจะ บอกหรอก”

พริมโรสรีบเดินหุนหันออกจากห้องทํางานใหญ่ไปอย่างรีบร้อน แม้ภายนอกหญิงสาวจะดูสงบเยือกเย็น แต่ภายในของเธอตอนนี้กลับร้อนรุ่มไปด้วยไฟของความโมโห ทั้ง ๆ ที่เธอรู้อยู่แล้วว่าคนอย่างเขมชาติคงจะไม่ยอมอยู่นิ่งแน่ คงต้องให้คนไปสืบประวัติของเธออย่างแน่นอน ทั้ง ๆ ที่รู้อย่างนั้นเธอกลับอดที่จะโมโหไม่ได้

ไม่รู้ว่าตอนนี้เขารู้เรื่องของเธอมากน้อยแค่ไหน แม้เรื่องของเธอจะไม่ใช่เรื่องลึกลับซับซ้อน ถึงขนาดต้องปกปิดกัน แต่เธอไม่ต้องการที่จะให้คนอื่นได้ล่วงรู้ถึงอดีต...อดีตที่ยังคงตามหลอกหลอน เธออยู่จนถึงทุกวันนี้ อดีตที่เธอพยายามจะลืม แต่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องในอดีต หรือเรื่องในปัจจุบัน พริมโรสก็ไม่ต้องการให้ใครได้รับรู้เรื่องราว หรือยุ่งเกี่ยวเรื่องส่วนตัวของเธอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...เขมชาติ ชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมและลูกเล่นแพรวพราว คนที่เธอเผลอใจอ่อนให้ทุกครั้งเวลาอยู่ใกล้ เธอจะยอมให้เขาเข้ามาใกล้กว่านี้ไม่ได้ เพราะถ้าขืนปล่อยอย่างนี้มีหวัง คนที่จะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบต้องเป็นเธออย่างแน่นอน ทั้ง ๆ ที่เธอใช้เวลาตั้งนานกว่าจะรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับตัวเขาได้ แต่นี่...เขมชาติกลับใช้เวลาเพียงไม่นานก็สามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับตัวเธอได้ ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้ว...ทั้ง ๆ ที่เตรียมใจจะลุยกับชายหนุ่มอยู่แล้ว แต่พริมโรสก็ยังอดที่จะโมโหไม่ได้ แต่เธอจะแสดงให้เขานั่นรู้ไม่ได้ว่าเธอกําลังกลัว...กลัวที่เขาจะรู้ความจริงบางอย่าง ความจริงที่เธอไม่ต้องการให้เขารู้

และเธอจะทํายังไงดีเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเขมชาติได้ ต้องรีบ ทําให้เขมชาตินั้นเลิกสนใจหรือยุ่งเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของเธอ

พริมโรสต้องการแค่ให้เขมชาติยื่นมือเข้าไปช่วยเรื่องของพิชชภรณ์เท่านั้น ไม่ได้ต้องการให้เขานั้นมายุ่งกับเธอ

แต่ที่เธอเอาตัวเข้ามาพัวพันกับเขาก็เป็นเพราะต้องการจะก่อกวน ไม่ให้แม่ลูกคู่นั้นมีเวลาไปเล่นงานพิชชภรณ์...เพราะพริมโรสรู้ดีว่า แม่ลูกคู่นั้นหวังจะจับเขมชาติ ถ้าเธอปั่นป่วนทางนี้ทั้งคู่คงไม่เวลาไป จับตามองเขมกรกับน้องสาวของเธอมากนัก และที่สําคัญเธอชอบความตื่นเต้นท้าทาย และเขมชาติก็เป็นคนที่ทําให้ เธอเกิดความรู้สึกนั้น...ความรู้สึกที่อยากจะชนะ...ชนะคนที่มีเล่ห์เหลี่ยมทันกัน นี่สิถึงจะเรียกว่าความสนุก ใครกันนะที่เคยบอก หล่อนว่า

‘มีศัตรูที่ฉลาด ดีกว่าการมีมิตรโง่’

ตอนได้ยินครั้งแรกพริมโรสเถียงสุดใจขาดดิ้นว่า...ไม่เป็นความจริง แต่ตอนนี้เธอกลับเห็นด้วยกับคําพูดดังกล่าวอย่างไม่มีข้อสงสัย เพราะว่าการมีศัตรูที่ฉลาด ทําให้เราต้องระมัดระวัง และคอยพัฒนาตัวเองให้สามารถต่อกรกับฝ่ายตรงข้ามอยู่เสมอ...แต่การที่มีมิตรโง่ นอกจากจะไม่ช่วยแนะนําอะไรดี ๆ ให้ หรือกระตุ้นให้เราปรับปรุงตัวเองแล้ว เผลอ ๆ ยังจะทําให้เราโง่ตามไปด้วย

แต่สําหรับเขมชาติเป็นมากกว่าศัตรูที่ฉลาด เขายังเป็นมากกว่านั้น เขาเป็นผู้ชายคนเดียวนับจากที่หล่อนต้องเสียคนในครอบครัวไป...ผู้ชายคนเดียวที่ทําให้รู้สึกอบอุ่นปลอดภัยทุกครั้งที่อยู่ใกล้ และความรู้สึกบางอย่างที่เธอหนีมาตลอด...

เพราะกําลังสับสนกับความรู้สึกของตัวเอง พริมโรสจึงรีบเดินออกจากห้องโดยไม่ทันสังเกตเจนจิราที่กําลังจะยกมือเคาะประตู ขณะที่ในมือถือถาดกาแฟพร้อมกับขนมเค้กชิ้นเล็ก ๆ ขวางทางอยู่ ทําให้เธอเดินชนเข้าอย่างจัง

“โอ๊ย!!!...” เสียงร้องของเจนจิรา

“เฮ้ย!!!...” เสียงอุทานของพริมโรส กาแฟหกเลอะเปื้อนพรมพร้อมกับถาดที่หล่นลงพื้นก่อนที่กาแฟถ้วยนั้นจะทันได้รดใส่ตัวคนทั้งคู่ เพราะเจนจิรารีบเบี่ยงตัวออกก่อนที่จะถูกชนเข้าเต็ม ๆ ขณะที่ตัวเองถ้าไม่ได้ชงคมเข้ามาประคองไว้ข้างหลัง คงจะสะดุดขาตัวเองล้มจํ้าเบ้ากับพื้นเป็นแน่

“เอ่อ...ขอโทษค่ะ” สองสาวพูดพร้อมกันขณะที่ตั้งตัวได้

“คุณเจน เป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ คือ...พริมรีบพริมไม่ทันดูทางน่ะค่ะ” พริมโรสเอ่ยด้วยความเป็นห่วง

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ...คุณพริม คือ...เจนยืนขวางทางเอง เจนต้องขอโทษคุณพริมด้วยนะคะ”

“ขอโทษนะครับ!!...คุณสองคนจะยืนขอโทษกันอีกนานไหมครับ” เสียงเขมชาติดังขึ้นมาด้านหลังของพริมโรส ทําให้คุณนายเธอหันไปตีหน้ายักษ์ใส่ พร้อมกับยืนเท้าสะเอว

“ไม่ใช่เรื่องของคุณ...ยุ่ง”

“ไม่ใช่เรื่องของผม แต่นี่เป็นห้องของผม...จะยุ่ง มีปัญหาอะไรไหม” เพราะนํ้าเสียงที่ตอบกลับมานั้นยียวนไม่แพ้กัน ทําให้คุณนายเจ้าระเบียบอารมณ์ศิลปิน หรือขึ้น ๆ ลง ๆ อย่างที่เขาว่า เดินตรงเข้าไปหาพร้อมกับยิ้มหวานที่เจ้าตัวบรรจงมอบให้

แต่พ่อชายหนุ่มเหมือนจะรู้ตัวว่ายิ้มแบบนี้...อันตรายกําลังจะมา เยือน แม้เขาจะอึ้งในตอนแรกแต่ก็มีสติพอที่จะคิดออกว่า ถ้า คุณนายเธอยิ้มให้มาอย่างนี้...แสดงว่า คุณเธอต้องมีแผนอะไรอยู่แน่ ๆ ไม่ว่าแผนนั้นจะเป็นอะไรก็ตามแต่ ที่แน่ ๆ มันต้องไม่ดีต่อเขาอย่างแน่นอน ทําให้เขาค่อย ๆ ถอยหลังมา พร้อมกับมองหน้าคุณนายระเบียบอย่างระวังตัว

“ไม่ยักรู้ว่า...คุณกลัวฉันด้วย” ...นั่นไง มาแล้วแผนยั่วโมโหของคุณนาย...

แต่แผนตื้น ๆ อย่างนี้ เขาไม่ยอมหลงกลไปด้วยง่าย ๆ หรอก แต่ไอ้ แววตาของเจ้าหล่อนที่มองมาเหมือนมีแววเยาะอยู่หน่อย ๆ นี่สิ ที่ ทําให้เขมชาติทนไม่ได้

“นี่คุณ!!...โอ๊ย!!!”

เขายังพูดไม่ทันขาดคํา พริมโรสก็เหวี่ยงกระเป๋าเข้ามาอย่างจัง จากจังหวะที่ชายหนุ่มลดความระมัดระวังตัวลง

“กระเป๋าฉัน...จะเหวี่ยงยังไงก็ได้” ...เอากับเขา แล้วไง...

ตอนนี้บรรดาลูกน้องไม่ว่าจะเป็นชงคม กับคาร์ลอต และเจนจิรา ต่างยืนนิ่งเหมือนจะรอดูปฏิกิริยาของเขมชาติ เพราะตามปกติแล้ว เจ้านายไม่เคยยอมให้ใครทําร้ายได้ขนาดนี้ แต่นี่กลับยืนนิ่งเฉย ๆ แถมยังไม่ทีท่าว่าจะโกรธคุณนายระเบียบแม้แต่น้อย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel