25 (ส่อง)ประวัติไม่ธรรมดา
ภาพวาดสีนํ้ามัน ‘ฝันร้ายของสังคม’ เป็นภาพที่บรรยายถึงเหตุการณ์ไฟไหม้ ที่เขาซื้อมาเมื่อหลายปีก่อน คือคําตอบที่เขาได้รับภาพวาดสีนํ้ามันของจิตรกรชื่อดังของไทยที่มีผลงานออกมาไม่มากนักในแต่ละปี ส่วนใหญ่จะเป็นภาพธรรมชาติ ตามที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ
‘ดอกพริม’ ชื่อของจิตรกรคนนั้น คนที่ได้ชื่อว่าจิตรกรรุ่นใหม่ที่ผลงานออกมาเป็นที่ต้องการของผู้ที่มีใจรักในงานศิลปะจํานวนมาก จิตรกรไทยคนเดียวที่ผลงานถูกรับเลือกให้ไปแสดงในงานนิทรรศการงานศิลปะ นานาชาติที่ฝรั่งเศส ยิ่งผลงานจํานวนน้อยชิ้นที่ออกมาในแต่ ละปียิ่งทําให้มูลค่าของแต่ละภาพนั้นมีมูลค่าสูงขึ้น
‘ดอกพริม...พริมโรส’ เขมชาติไม่คิดมาก่อนว่าสองคนนี้จะเป็นคนเดียวกัน หญิงสาวที่ท่าทางไม่เกรงกลัวใคร หญิงสาวที่อารมณ์ร้อนเหมือนภูเขาไฟที่กําลังปะทุ และเย็นยะเยือกประหนึ่งภูเขานํ้าแข็งคนนั้นจะเป็นคนเดียวกับจิตรกรที่มีชื่อเสียงทั้งในและต่างประเทศ
ไม่น่าเชื่อว่าจิตรกรที่เขาชื่นชอบจะเป็นคนเดียวกับหญิงสาวที่ชื่นชม เขมชาติเพลินกับการพลิกดูสมุดภาพของพริมโรสจนไม่ทันสังเกตว่า ตอนนี้เจนจิราได้นํากาแฟมาวางไว้บนโต๊ะ
“กาแฟได้แล้วค่ะ...คุณเขมต้องการต้องเพิ่มอีกไหมคะ” เขมชาติเงยหน้ามองผู้ช่วยสาวก่อนจะส่ายหน้าแทนคําตอบ
“มีอะไรผมจะเรียกเอง...อ้อ...ถ้าชงคมมาแล้วให้เข้ามาหาผมได้เลยนะ”
“ค่ะ” เจนจิราตอบพร้อมกับเหลือบมองสิ่งที่อยู่ในมือชายหนุ่มก็รู้แล้วว่าเจ้านายกําลังดูอะไรอยู่ เพราะหล่อนได้แอบค้นดูข้าวของข้างในเป็นอย่าง แรกทันทีที่มาถึง ด้วยความสงสัยใคร่รู้ว่าพริมโรสเป็นใครกันแน่ แต่ผลที่ได้กลับไม่พบอะไรเป็นที่น่าสงสัยแม้แต่น้อย หล่อนจึงหันไปค้นหาข้อมูลสําคัญของบริษัทจากระบบควบคุมส่วนกลางแทน ซึ่งการเจาะระบบต่าง ๆ นั้นไม่ใช่เรื่องยากสําหรับหล่อน และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่หล่อนถูกเลือกให้มารับงานนี้ ทั้ง ๆ ที่หล่อนไม่อยากจะทําเลยก็ตาม
หลังจากที่เจนจิราออกจากห้องไปได้สักพักใหญ่ ชงคมก็หอบเอกสารรายงานประวัติของพนักงานใหม่ทุกคน
รวมถึงพริมโรสหญิง สาวเจ้าปัญหาที่แม้แต่ตัวเขาเองยังอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าหล่อนเป็นใครกันแน่ เมื่อได้รับคําสั่งให้สืบประวัติอย่างละเอียดนั้น
เขาจึงรีบค้นหาอย่างกระตือรือร้นเพราะความอยากรู้เป็นทุนเดิม แต่ข้อมูลที่เขาได้กลับเป็นเรื่องธรรมดา...มันธรรมดาเกินไป แม้จะลองเช็คอย่างละเอียดจากระบบข้อมูลต่าง ๆ ที่เขาได้แฮกค์เข้าไป หรือแม้กระทั่งจากเส้นสายที่เขามีอยู่ กลับไม่ได้อะไรมากไปกว่าเดิม... จะมีเพียงแค่ข้อมูลบางอย่างเท่านั้นที่ทําให้เขารู้สึกแปลกใจ
“ข้อมูลต่าง ๆ ได้มาครบแล้วครับเจ้านาย” ชงคมเอ่ยทันทีที่วางเอกสารไว้บนโต๊ะ
เขมชาติค่อย ๆ เงยหน้าจากสมุดภาพ พยักหน้าเป็นเชิงขอบใจ ก่อนจะหย่อนลงในกระเป๋าตามเดิม เขาเปิดดูเอกสารตรงหน้าอย่างสนใจ พร้อมกับเก็บรายละเอียดต่าง ๆ เอาไว้ เรียกได้ว่าลูกน้องของเขาทํางานได้อย่างมีประสิทธิภาพตรงกับความต้องการของเขาจริง ๆ ข้อมูลต่าง ๆ ที่อยู่ในรายงานนั้นละเอียดยิบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัว หรือหน้าที่การงาน
แฟ้มแรกเป็นข้อมูลประวัติของพนักงานใหม่ทั้งหมดที่เข้ามาทํางานในบริษัทภายในสามเดือนที่ผ่านมา ประวัติพนักงานกว่าสามสิบคน ตามแผนกต่าง ๆ จากที่เขมชาติกวาดสายตาคร่าว ๆ ก็พอจะรู้แล้วว่า แฟ้มนี้เป็นข้อมูลที่ได้มาจากฝ่ายบุคคลของบริษัท เขาจึงไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก ส่วนแฟ้มถัดมาเป็นข้อมูลที่ชงคมได้สืบค้นมาเอง ซึ่งในนี้เหลือประวัติพนักงานแค่สิบสองคน ถ้าเทียบกับแฟ้มแรกแล้ว ข้อมูลของพนักงานที่มีรายชื่อในแฟ้มนี้ไม่ตรงกับแฟ้มแรก และข้อมูลแต่ละอย่างของพนักงานแต่ละคนล้วนแล้วแต่น่าสนใจทั้งนั้น
โดยเฉพาะประวัติผู้ช่วยเลขาของเขา เจนจิรา แม้ว่าคุณสมบัติในการสมัครงานของหญิงสาวจะตรงกับที่ทางบริษัทประกาศไว้ แต่ข้อมูลส่วนที่ชงคมหามาได้เรียกว่าเป็นคนหนึ่งที่เข้าข่ายผู้ต้องสงสัย วิศวะคอมฯ เกียรตินิยมจากอังกฤษ เชี่ยวชาญด้านโปรแกรมต่าง ๆ รวมถึงการเจาะระบบข้อมูล ชนิดที่เรียกว่าฝีมือสูสีกับลูกน้องของเขาเลยทีเดียว
ตามประวัติแล้วหล่อนไม่มีความสามารถด้านงานเลขาแม้แต่น้อย แต่ข้อมูลที่ให้กับทางฝ่ายบุคคลนั้นกลับตรงกันข้าม จบเอกด้านงานเลขานุการมาโดยตรง เคยผ่านงานจากบริษัทต่าง ๆ ในต่างแดนมานับไม่ถ้วน เขมชาติพิจารณาข้อมูลในแฟ้มนี้อย่างละเอียด เพราะไม่ได้มีแต่เจนจิราเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ให้ข้อมูลไม่ตรงตามความเป็นจริง แต่ยังมีอีกสิบเอ็ดคนที่จะประมาทไม่ได้
เมื่ออ่านรายงานแฟ้มนี้จบ เขมชาติจึงสั่งให้ชงคมที่ถอยออกไปยืน ด้านข้างให้จับตามองบุคคลทั้งหมดนี้ให้ดีว่าต้องการอะไรกันแน่ ถึงแม้ว่าจะเป็นคนจากทางการแต่เขาก็จะประมาทไม่ได้...เขาต้อง เป็นผู้คุมเกมไม่ใช่เป็นผู้ถูกควบคุม ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมาดีหรือมาร้าย...ทุกอย่างต้องอยู่ในความควบคุมของเขา
“จับตามองให้ดี...แต่อย่าให้อีกฝ่ายรู้ตัวจําไว้” เขมชาติยํ้ากับชงคม ก่อนที่ลูกน้องเขาจะเดินออกจากห้องไปอย่างรู้ใจว่าตอนนี้ เจ้านายอยากอ่านรายงานแฟ้มสุดท้ายนั่นตามลําพัง
แฟ้มสุดท้ายเป็นประวัติส่วนตัวของพริมโรส เขมชาติอ่านทุกตัวอักษรที่อยู่ในนั้นอย่างครุ่นคิด ข้อมูลที่ชงคมหามาได้ภายในเวลาข้ามคืนนั้น ถือว่าละเอียดไม่น้อย ทั้งประวัติส่วนตัวและประวัติการทํางาน เขาจะไม่แปลกใจเลยถ้าหญิงสาวจบวิจิตรศิลป์ แล้วออกมาเป็นจิตรมืออาชีพ แต่นี่เธอจบ...นิติศาสตรบัณฑิตเกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากมหาวิทยาลัยชื่อดังของไทย
“มิน่าล่ะ วันแรกเธอบอกเป็นทนายมาขอพบ” เขมชาติพึมพำกับตัวเอง วันนั้นเขาไม่นึกว่าเธอจะเป็นทนายจริง ๆ
ตามประวัติตั้งแต่เรียนจบมายังไม่เคยประกอบอาชีพตามสาขาวิชาที่ได้รํ่าเรียนมา พริมโรสวาดรูปส่งตามแกลอรี่ต่าง ๆ ตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ และเริ่มจับงานด้านนี้อย่างเต็มตัวทันทีที่เรียนจบ แทนที่จะไปทํางานตามสํานักงานทนายความ หรือฝ่ายกฎหมายขอบริษัทต่าง ๆ นี่สิ...น่าแปลก ถ้าไม่ชอบแล้วจะเรียนทําไม และที่สําคัญเรียนจบด้วยเกียรตินิยมนี่ถือว่า...ไม่ใช่ธรรมดา
นอกจากนี้ยังเป็นแชมป์กีฬาหลายประเภทของมหาวิทยาลัยอีกด้วย พริมโรสเป็นถึงแชมป์เทควันโด้และยิงปืนของมหาวิทยาลัยสี่ปีซ้อน
‘มิน่าล่ะ...ถึงได้ไม่มีทีทางว่าจะกลัวใคร คงจะคิดว่าตัวเองแน่ เอาตัวรอดได้แน่ ๆ ช่างไม่รู้ตัวจริง ๆ ว่าในโลกของความจริงนั้นมัน น่ากลัวกว่าการแข่งขันในเกมกีฬาเยอะ’
พริมโรสต้องเสียตากับยายไปอีกเพราะอุบัติเหตุไฟไหม้ ทําให้ต้องไปอยู่กับน้าสาวซึ่งก็คือแม่ของพิชชภรณ์ แต่น้าของหล่อนก็เสียชีวิตเพราะโรคมะเร็งอีกคนในอีกสองปีต่อมา และดูเหมือนว่าตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาคุณนายระเบียบจะใช้ชีวิตอยู่คนเดียวมาตลอด จากข้อมูลที่ได้พริมโรสเข้ามาเรียนในกรุงเทพ และอยู่หอพักคนเดียวตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
พริมโรสจะรับจ้างทํางานหลังเลิกเรียน และจากการวาดภาพขายในวันหยุด เธอเริ่มจากวางขายตามข้างทาง ต่อมาก็สวนจัตุจักร ทําให้ผลงานของหญิงสาวไปสะดุดตาเจ้าของร้านแกลอรี่ชื่อดังเข้า จึงได้ชวนเธอลองเอารูปไปวางไว้ที่ร้าน และดูเหมือนว่าภาพวาดของหล่อนจะเป็นที่ต้องการของผู้มีใจรักงานศิลปะอยู่ไม่น้อย ทําให้หล่อนเริ่มมีรายได้ที่มั่นคงขึ้น และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาพริมโรสก็ยึดอาชีพวาดภาพไว้ส่งตัวเองเรียนจนจบมหาลัย
‘แข็งแกร่งจริง ๆ ผู้หญิงคนนี้’ เขมชาติคิดได้แค่นี้สําหรับคํานิยามที่เขาสามารถให้ได้ เพราะเขารู้ดีว่าแค่นั้นไม่สามารถทําให้พริมโรสอยู่รอดมาจนถึงปัจจุบันได้หรอก เขาเข้าใจความรู้สึกของหญิงสาวตอนนั้นดีว่าการสูญเสียคนสําคัญหรือคนที่เรารักไปทีเดียวพร้อมกันนั้นมันเจ็บปวดแค่ไหน และที่สําคัญ...ตั้งแต่เธอออกจากบ้านมาคราวนั้น พริมโรสยังไม่เคยกลับไปอีกเลยแม้แต่ครั้งเดียว
‘คุณต้องเข้มแข็งแค่ไหน ต้องแกร่งเท่าไหร่ ถึงผ่านช่วงเวลานั้นได้’
ความรู้สึกบางอย่างก็เกิดขึ้นมาในใจของชายหนุ่ม เขารู้ดีว่า ความรู้สึกนี้ไม่ใช่ความรู้สึกสงสาร หรือเห็นใจ แต่มันเป็นความรู้สึกที่อยากจะปกป้อง คุ้มครอง ดูแล ไม่ให้หญิงสาวได้เจอกับเรื่องร้าย ๆ แบบนั้นอีก
‘ดอกพริม ดอกพริมของผม ต่อจากนี้ผมจะดูแลคุณเอง’
“จะอ่านประวัติฉันอีกนานไหม” เสียงเข้มของพริมโรสดัง ขึ้นขณะที่เขมชาติอ่านประวัติของเธออย่างตั้งอกตั้งใจ ทําให้เขารีบเงยหน้าจากแฟ้มรายงานอย่างตกใจ
