บท
ตั้งค่า

6 อีกซีกโลก

“คุณแน่ใจแล้วหรอที่จะลาออก”

“ค่ะ ฉันคิดมาดีแล้ว”

“หรือว่าคุณต้องการเงินเดือนเพิ่ม หรือมีที่อื่นยื่นข้อเสนออะไรมาให้คุณ”

“ไม่ค่ะ ไม่มีที่ไหนยื่นข้อเสนออะไรมาให้หลินทั้งนั้น หลินแค่อยากพักผ่อน อยากใช้เวลาอยู่กับลูกสักหน่อย”

“ถ้าคุณอยากไปพักผ่อน ผมจะให้คุณลาพักสักสองเดือนแล้วกัน” ผู้เป็นเจ้านายพยายามยื้อพนักงานคุณภาพดีของบริษัท

“หลินอยากลาออกจริง ๆ ค่ะ หลินคิดมาดีแล้ว หลินจะกลับไทย หลินคงทำงานที่นี่ต่อไม่ได้” สุดท้ายเธอก็บอกความจริงไป

“กลับไทยหรอ” ผู้เป็นนายทำท่าคิด พร้อมกับมือที่เคาะโต๊ะไปพลาง ก่อนจะพูดขึ้น

“อันที่จริงบริษัทเรายังไม่มีแพลนจะไปลงทุนที่ไทย แต่คุณบอกว่าจะกลับบ้านเกิดผมก็เริ่มสนใจขึ้นมาแล้วล่ะ แต่มันก็คงจะเป็นเร็ว ๆ นี้ไม่ได้”

“ถ้าบอสจะไปลงทุนที่นั่นหลินจะยื่นใบสมัครคนแรกเลยค่ะ” เธอว่าอย่างยิ้ม ๆ ก่อนจะยื่นมือออกไปจับตอบรับ มือที่ถูกยื่นมาค้างไว้

“ผมจะถือว่าคุณรับปากกับผมแล้วนะ”

“ค่ะ หวังว่าเราจะได้ร่วมงานกันอีกนะคะ”

“แน่นอน”

“คุณแม่กลับมาแล้ว” ทันทีที่ลงจากรถก็ได้ยินเสียงสดใสของลูกสาวตัวน้อย

ทำคนเป็นแม่หายเหนื่อยจากการย้ายของจากที่ทำงานเลยทีเดียว

“มาค่ะหนาวช่วยถือ” เด็กหญิงวัยห้าขวบที่แทนตัวเองว่าหนาว โดยชื่อเต็ม ๆ ของเธอคือน้ำหนาว ลูกสาวเพียงคนเดียวของธริกานั่นเอง

“ไม่เป็นไรค่ะ แม่ถือเองได้ หนูรีบเข้าบ้านดีกว่าค่ะ อากาศเย็นเดี๋ยวไม่สบาย ดูซิถุงมือก็ไม่ใส่”

“คิก ๆ ก็หนาวไม่หนาวนี่คะ”

“ไม่หนาวก็ต้องใส่ค่ะ”

“เดี๋ยวหิมะกัด/เดี๋ยวหิมะกัด” สองแม่ลูกพูดออกมาพร้อมกัน ก่อนจะเป็นเด็กหญิงที่หัวเราะคิกคักเดินเข้าบ้านไปก่อนผู้เป็นแม่

“ดื้อเหมือนใครนะ” ธริกาพูดกับตัวเอง ก่อนจะส่ายหัวเบา ๆ เผื่อสะบัดความคิดบางอย่างที่แล่นเข้ามาในหัว แล้วเดินเข้าบ้านตามลูกสาวไป

“อ้าวพี่เจริน ทำไมมาอยู่นี่ได้คะ ไม่ใช่ว่าอยู่สวิซต์หรอคะ” การเห็นเจรินที่นี่ช่วยไขข้อสงสัยให้ธริกาได้อย่างดี ว่าทำไมเธอเดินเข้าบ้านมาไม่เห็นแนนนี่ที่เธอจ้างมาดูแลลูกสาว

จริงอยู่ที่ครอบครัวของคุณลุงจิรัฎฐ์ให้ความช่วยเหลือเธอ ให้เธอสามารถย้ายถิ่นฐานมาอยู่ที่อิตาลีได้ แต่หลังจากที่เธอคลอดลูก เธอก็เริ่มหางาน พอลูกเธออายุได้สองขวบเธอก็ย้ายออกมาอยู่กับลูกสองคน แม้คุณลุงจะบอกว่าเธอสามารถพักอยู่ที่บ้านท่านได้ ถึงอย่างนั้นเธอก็เกรงใจอยู่ดี และเธอก็ไม่รู้ด้วยว่าจะอยู่ที่นั่นในฐานะอะไร

อีกอย่างเงินที่เธอมีอยู่จากกิจการของที่บ้านก็ทำให้เธออยู่ที่นี่กับลูกได้อย่างไม่ได้ลำบากอะไร เธอเลยไม่อยากรบกวนคนอื่นมาก เธออยากยืนได้ด้วยตัวเอง เพราะตอนนี้เธอรู้สึกว่าเธอเข้มแข็งขึ้นมากแล้ว

“ก็พี่รู้มาว่าจะมีคนพาลูกสาวคนสวยพี่หนีกลับไทย จะไม่ให้พี่มาหาได้ยังไง”

“แต่เราจะกลับจริง ๆ หรอหลิน” เป็นเจรินที่ถาม

“คิดดีแล้วใช่ไหม”

“ค่ะหลินคิดดีแล้ว หลินคิดถึงลูก หลินอยากไปเจอน้ำเหนือ ไม่รู้ตอนนี้จะเป็นยังไงบ้าง” เขาจะมีครอบครัวใหม่ไปแล้วรึยัง ถ้ามีเขาจะยังรักและเอ็นดูลูกที่เกิดกับเธออยู่ไหม เธอเป็นห่วงลูก และในแม่ของอดีตสามีอย่างเขาก็ไม่ชอบเธออยู่แล้ว เธอกลัวว่าท่านจะพูดเสี้ยมให้ลูกเกลียดเธอ ร้ายไปกว่านั้นท่านก็พูดไม่ดีกับลูกเธอด้วย

“ถ้าหลินกลับพี่ก็คิดถึงลูกสาวพี่เหมือนกันนะ”

“ถ้าพี่เจรินคิดถึงก็ไปหาได้นี่คะ”

“ให้พี่กลับไทยหรอ...ให้พี่บินรอบโลกยังดีซะกว่า” ถึงจะพูดติดตลกไปแบบนั้น แต่ในใจไม่ตลกด้วยเลย ความหลังที่เกิดที่นั่นทำให้เธอไม่กล้าไปที่นั่นอีก...

ตั้งแต่ได้รู้จักกับเขา เธอก็เข้าใจว่าโลกกลมมันคืออะไร เพราะงั้นเธอจะไม่กลับไปเหยียบที่นั่นอีก

“ถ้าอยากเล่นกับน้ำหนาวจริง ๆ ไว้ค่อยนัดเจอกันที่สิงคโปร์แล้วกัน”

“เอาแบบนั้นก็ได้ค่ะ” ธริกาพูด เรื่องแค่นี้เองทำไมเธอจะทำเพื่อตอบแทนคนตรงหน้าไม่ได้ ตอนชวนให้ไปเจอลูกที่ไทย เธอก็ลืมคิดไป ว่าพี่สาวคนสวยของเธอมีบาดแผลในใจ แต่เรื่องอะไรนั้นเธอเองก็ไม่รู้ รู้จากพี่เจษฎ์แค่ว่าพี่เจรินจะไม่กลับไทยอีกแล้ว

“ถ้ากลับไป เรารู้ใช่ไหมว่าจะต้องเจอเขา...เราพร้อมใช่ไหมถ้าต้องเจอเขา

เราไหวใช่ไหม” เป็นเจรินที่ถามด้วยความเป็นห่วง เพราะถ้าเป็นเธอ...เธอคิดว่าเธอไม่พร้อม และไม่ไหว

“ค่ะหลินพร้อม หลินเตรียมใจมาสามปีแล้ว หลินรอเวลานี้มานาน เวลาที่หลินจะทวงทุกอย่างที่เป็นของหลินกลับคืนมา”

“ถ้าเราต้องการความช่วยเหลือก็บอกพี่ได้ตลอดนะ ถึงตัวอยู่ไกลแต่พี่พร้อมสู้ไปกับเรานะ”

“เพื่อนพี่ที่อยู่ไทยและพึ่งพาได้ก็พอมีนะจะบอกให้ ถึงจะน้อยมากก็เถอะ” เจรินพูดติดตลก

“ขอบคุณนะ”

“เปลี่ยนจากคำขอบคุณ เป็นตัวน้ำหนาวได้ไหม พี่ขอยืมตัวลูกไปนอนด้วยสักวันสิ”

“อืม... ไม่ดีกว่าไปนอนด้วยกันทั้งหมดนี่แหละ พี่เปิดห้องไว้แล้ว”

“นอนที่นี่ก็ได้ค่ะ มีห้องว่าง”

“โนจ้ะ พี่จองโต๊ะไว้แล้ว คืนนี้เราจะไปกินข้าวนอกบ้านกัน ลูกสาวพี่ไปเปลี่ยนชุดแล้ว น้องสาวพี่เมื่อไหร่จะเปลี่ยนชุดบ้าง”

“ชุดนี้ก็ได้มั้งคะ แค่กินข้าวเอง”

“โนแค่ค่ะ ไปกินข้าวกับเจรินเจ้าแม่แฟชั่น จะชุดนี้ไม่ได้” ชุดนี้ถ้าไปทำงานก็เหมาะอยู่หรอก แต่ไปกินข้าวที่ที่เธอจองไว้ ไม่เหมาะจริง ๆ

“ชุดพี่เตรียมไว้แล้ว แขวนอยู่ในห้อง เราไปเปลี่ยนเลยก็ได้ เสร็จจะได้ออกไปกันเลย”

“งั้นรอแป๊บนะคะ”

“มาคนเดียวหรอครับ” เสียงทุ้มที่ดังขึ้น ทำให้คนที่ถูกทิ้งให้นั่งอยู่ที่โต๊ะคนเดียวหันมอง

“เปล่าค่ะ ฉันมากับครอบครัว” เธอตอบกลับเป็นภาษาอังกฤษ เพราะถูกถามมาด้วยภาษานั้น แต่หากคนตรงหน้าถามเป็นภาษาอิตาลีเธอก็จะตอบเป็นภาษาอิตาลี

“ถ้าไม่รังเกียจให้ผมเลี้ยงอาหารมื้อนี้ของคุณนะครับ”

“ไม่รบกวนดีกว่าค่ะ มื้อนี้ฉันตั้งใจจะเลี้ยงน้องสาวฉันกับลูกของฉัน” เป็นเสียงเจรินที่ดังแทรกเข้ามา เธอเดินเข้ามาพร้อมกับน้ำหนาว

“หม่ามี๊ขา วินเทอร์หิวแล้ว”

“เมื่อกี้แม่สั่งอาหารให้แล้วค่ะ อีกไม่นานคงมาเสิร์ฟ” ธริกาตอบ ประโยคสนทนาของทั้งสาม ทำให้ชายหนุ่มตาน้ำข้าวที่เข้ามาขอเลี้ยงอาหารธริกาอดคิดไม่ได้ว่าเธอเป็นครอบครัวเลสเบี้ยน ก่อนจะมองเหมือนเธอสองคนด้วยสายตาแปลก ๆ และพูดคำตำหนิในด้านลบเป็นภาษาอิตาลี

แน่นอนว่าธริกาและเจรินฟังออก เจรินจึงปิดหูน้ำหนาวไว้ ก่อนที่เธอและธริกาจะด่ากลับเป็นภาษาอิตาลี อย่าไม่คิดจะยอมให้มาดูถูกเฉย ๆ ตบท้ายด้วยภาษาไทย ที่ชายหนุ่มคนนั้นฟังไม่ออกอย่างแน่นอน

และแน่นอนอีกเช่นกันว่าชายหนุ่มคนนั้นหน้าเสีย โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงอย่างทำอะไรไม่ได้กลับไป

“เขาทำตัวไม่น่ารักหรอคะ” หลังจากที่ชายหนุ่มคนนั้นเดินออกไปแล้ว

และเจรินเอามือออกจากหูแล้ว สาวน้อยหนึ่งเดียวก็ถามขึ้น เพราะถ้าคุณแม่หรือหม่ามี๊ทำแบบนี้แสดงว่าต้องพูดอะไรไม่ดีที่ไม่อยากให้เธอรับรู้

“ใช่ค่ะ ทำตัวไม่น่ารักมาก ๆ” เจรินพูด

“หนาวว่าแล้ว เพราะเค้าดูไม่น่ารักเลย”

“แม่ว่าเรามากินข้าวดีกว่า อาหารมาเสิร์ฟพอดีเลย”

“กลับครั้งนี้พี่ต้องคิดถึงเรากับวินเทอร์มากแน่ ๆ” หลังจากใช้เวลาร่วมกันมาหลายวันก่อนจะถึงวันที่ธริกาต้องเดินทาง เจรินก็เดินทางมาส่ง แต่กว่าสองแม่ลูกจะได้เดินเข้าเกตก็เกือบเสียน้ำตากันเลยทีเดียว

“วินเทอร์ก็ต้องคิดถึงหม่ามี้มาก ๆ เหมือนกันแน่เลยค่ะ” เด็กหญิงขี้อ้อนว่าขึ้น วินเทอร์คนที่เรียกเธอแบบนี้มีแค่หม่ามี้เจรินกับคุณตาเท่านั้น

“แล้วเจอกันนะคะ” ธริกาเดินเข้าไปกอดเจริน พูดล่ำลากันอีกเล็กน้อย ก่อนเธอจะจูงมือลูกเดินเข้าเกตไป

“บ้าย บายค่ะ หม่ามี้”

“คุณแม่ขา”

“ขา ว่าไงคะ” เสียงหวานเอ่ยตอบลูกสาว แม้นี่จะไม่ใช่การขึ้นเครื่องบินครั้งแรกของลูก แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ลูกสาวเธอต้องเดินทางไกล เพราะงั้นเธอค่อนข้างกังวลเล็กน้อย ว่าลูกจะกลัวหรือเครียด

“ตอนนี้พี่เหนือจะทำอะไรอยู่หรอคะ ถ้าหนาวไปหาพี่เหนือ พี่เหนือจะเล่นกับหนาวไหมคะ”

“ตอนนี้พี่เหนือน่าจะอยู่โรงเรียนมั้งคะ วันนี้วันศุกร์ แล้วทำไมถึงคิดว่าพี่จะไม่เล่นด้วยล่ะคะ”

“คุณแม่บอกว่าพี่เหนือยังไงไม่รู้ว่ามีหนาวเป็นน้องสาว... หนาวกลัวว่าพี่เหนือจะไม่รับหนาวเป็นน้องสาว กลัวว่าพี่เหนือจะไม่เล่นด้วย” เด็กหญิงพูดอย่างกังวล

“ลูกสาวแม่น่ารักขนาดนี้ พี่เหนือเห็นต้องรับเป็นน้องสาวแน่นอนค่ะ แต่ถ้าช่วงแรก ๆ พี่เหนือยังไม่เล่นด้วยหนูก็อย่าพึ่งโกรธพี่นะคะ ต้องให้เวลาพี่หน่อย” เรื่องนี้เธอเองก็เป็นกังวลไม่ต่างจากลูกสาวเลยแม้แต่น้อย ก่อนจะกลับไทย เธอพยายามคิดหาทางอยู่เสมอ ว่าจะเชื่อมสายสัมพันธ์ที่น้องที่ไม่เคยเจอหน้ากันได้อย่างไร

อย่างน้ำหนาวนั้นดีหน่อยที่เธอคอยเปิดดูรูปน้ำเหนือให้ดู คอยเล่าบอกว่าแกเองก็มีพี่ชายและพ่อเหมือนเด็กคนอื่น ๆ เพียงแต่ตอนนี้เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน ส่วนที่มาของรูปนั่นหรอ ก็คงต้องขอบคุณ คุณลุงจิรัฎฐ์ที่คอยส่งรูปภาพของน้ำเหนือมาให้

พอให้แม่อย่างเธอใจชื้นขึ้นมาบ้าง แต่ที่มาของรูปนั้น เธอเองก็ไม่ทราบว่าคุณลุงไปหามาจากไหน

“หรือถึงตอนนี้พี่เหนืออาจจะยังไม่รับ แต่สักวันพี่เหนือต้องรับแน่นอน แม่สัญญาว่าแม่จะหาทางให้เราสามคนได้กลับมาอยู่ด้วยกันให้ได้”

“แล้วคุณพ่อล่ะคะ หนาวจะได้เจอคุณพ่อด้วยรึเปล่า...”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel