5 พ่อลูก
“พรุ่งนี้เหนือขอไปทำงานกับพ่อด้วยได้ไหมครับ” เสียงเด็กชายวัยเจ็ดขวบที่ดังขึ้น ทำให้ผู้เป็นพ่อที่กำลังคิดถึงอดีตรู้สึกตัว อดีตที่เคยหวาน อดีตที่เขาพยายามจะสร้างครอบครัวกับเธอ อดีตที่เคยทะเลาะกันเรื่องที่เธอคุมกำเนิด มันเป็นเพราะเธอไม่ได้อยากมีน้ำเหนือแต่แรกรึเปล่า ทำให้เธอไม่ใส่ใจดูแลลูก ทิ้งขว้างจนลูกได้รับอันตราย...
เอ่ยถามผู้เป็นพ่อที่กำลังเป่าผมให้ตนอยู่
“ได้สิครับ ทำไมจะไม่ได้” กลทีป์พูดบอกลูกชาย เรื่องแค่นี้ทำไมเขาจะพาลูกไปด้วยไม่ได้ล่ะ
“ขอสัญญาแล้วนะครับ” เด็กชายว่าอย่างดีใจ
“ครับ”
“เหนือว่าผมเหนือแห้งแล้ว เหนือเป่าผมให้พ่อบ้างดีกว่า”
“ดึกแล้ว พ่อว่าพ่อทำเองดีกว่า เดี๋ยวพ่อต้องไปทำงานต่อด้วย”
“แต่พรุ่งนี้เหนือไม่มีเรียนเหนือนอนดึกได้ครับ”
“ถึงไม่มีเรียนพ่อก็ไม่อยากให้เหนือนอนดึกอยู่ดีครับ” ว่าพร้อมกับยีหัวลูกชายเบา ๆ ยิ่งได้มองหน้าลูกใกล้ ๆ ภาพแม่ของลูกก็ซ้อนทับขึ้นมา ลูกชายเขาคนนี้เหมือนเธอมากจริง ๆ ไม่ว่าจะเค้าโครงใบหน้า จมูก ปาก หรือแม้แต่นิสัยบางอย่าง บนใบหน้าเห็นจะมีแต่ตาเท่านั้นที่เหมือนเขา
“วันเดียวเองครับ ให้เหนือทำให้พ่อนะครับ เหนืออย่างทำให้พ่อ พ่อทำให้เหนือเยอะแล้ว เหนืออยากทำอะไรให้พ่อบ้าง”
“แค่เหนือเป็นเด็กดี เชื่อฟังพ่อ แล้วใช้ชีวิตให้มีความสุขก็พอแล้วครับ”
“ก็ได้ครับ งั้นพ่อทำงานก็อย่านอนดึกมากนะครับ” หาว พูดยังไม่ทันจะจบดีก็หาวโชว์พ่อไปหวอดใหญ่ ทำเอาคนเป็นพ่ออดที่จะอมยิ้มไม่ได้
“ครับ”
“กู๊ดไนท์ครับ” หลังจากห่มผ้าให้ลูกเรียบร้อยแล้ว กลทีป์ก็เดินมายังโต๊ะทำงานที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากเตียงนอนมากนัก ระหว่างทำงานเขาก็คอยเหลือบมองหน้าลูกไปด้วย คงจะมีแต่ลูกเท่านั้นที่เป็นเหมือนกำลังใจ และแรงผลักดันให้เขาใช้ชีวิต
แต่การมองหน้าลูกนาน ๆ แบบนี้มันก็ทำให้เขาเห็นภาพใครอีกคนซ้อนทับขึ้นมาอีกครั้ง
“ทำไมฉันถึงลืมผู้หญิงใจร้ายอย่างเธอไม่ได้เลยสักที ทำไมฉันต้องคิดถึงเธอด้วย...หลิน” เขาไม่เข้าใจตัวเองเลยจริง ๆ ทั้งที่มีแต่ความโกรธและความแค้นต่อเธอ แต่หัวสมองก็ยังเอาแต่คิดถึงเธอ คิดถึงเรื่องเลวร้ายที่เธอทำ อย่างไม่รู้จักปล่อยวาง
“แม่ครับ!” เสียงละเมอของลูกชาย ทำเอาคนที่กำลังจะสอดตัวเข้าผ้าห่มเผื่อนอนอยู่ข้าง ๆ ลูกรีบเปิดโคมไฟหัวเตียงดูลูกทันที
“ฝันร้ายหรอเหนือ ไม่เป็นไรนะพ่ออยู่นี่แล้ว” คนเป็นพ่อดึงลูกเข้ามากอดทันที ก่อนที่ลูกชายจะค่อย ๆ ดันตัวเองออกห่าง
“เปล่าครับ เหนือไม่ได้ฝันร้าย เหนือฝันถึงแม่ ฝันว่าแม่มาหา...แล้วแม่ก็
แล้วแม่ก็หายไป”
“พ่อครับ เหนือคิดถึงแม่ เมื่อไหร่แม่จะกลับมาหาเหนือ ฮือ” สุดท้ายเด็กชายก็ปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อาจกลั้น ส่วนคนเป็นพ่อก็กอดปลอดลูกชายไม่ห่าง
“ไว้แม่หายดีแม่คงกลับมาหาเหนือ ไม่ต้องห่วงนะ แม่รักเหนือยังไงแม่ก็ต้องกลับมา”
“ถึงแม่ยังไม่กลับมาตอนนี้ แต่เหนือก็ยังมีพ่อนะ” การที่เขาเลือกพูดปลอบลูกไปแบบนั้น มันเป็นสิ่งเดียวที่เขาคิดออกในตอนนี้ เพราะเขาเองก็ไม่รู้เลยว่าเธอจะกลับมาไหม เธอหายไปกว่าห้าปี ไม่มีแม้แต่การติดต่อกลับมา ก่อนจะไปขอร้องเขา อ้อนวอนเขาหนักหนา บอกว่ารักลูกอย่างงั้น ตัวเองไม่ได้ผิดไม่ได้ทำ
แต่ไหนเลยนอกจากเธอจะไม่หาทางแก้ต่างให้ตัวเองแล้ว กลับลูกเธอก็ทิ้งได้อย่างไม่ไยดี หึ ความรักแบบไหนกัน...กับเขาเธอก็คงตัดใจได้ง่าย ๆ ไม่ต่างกัน ไม่สิ เธอไม่เคยรักเขาเลยตั้งแต่แรกต่างหาก
“ถ้าแม่หายดีแม่จะกลับมาใช่ไหมครับ...แล้วถ้าแม่ยังไม่หาย เหนือต้องรอนานแค่ไหนเหนือถึงจะได้เจอแม่”
“เราไปหาแม่ได้ไหมครับพ่อ เราไปเยี่ยมแม่ได้ไหม ถ้าแม่ป่วยแม่ก็ต้องการคนดูแลไม่ใช่หรอครับ”
“แม่ไม่สบายอยู่ ถ้าเหนือไปหาแม่ก็จะเป็นห่วงกลัวเหนือติดไข้ ป่วยไปกับแม่ด้วย”
“งั้นโทรหาแม่ได้ไหมครับ” เด็กชายว่าขึ้น พร้อมกับบ่นตัวเองในใจว่าทำไมถึงคิดเรื่องนี้ไม่ออก ถ้าไปหาแม่ไม่ได้ ไปเจอแม่ไม่ได้ เขาน่าจะขอให้พ่อโทรหาแม่ให้ ป่านนี้เขาคงได้คุยกับแม่นานแล้ว
“ตอนนี้พ่อว่าแม่น่าจะนอนแล้วล่ะ ไว้พรุ่งนี้นะครับ”
“ก็ได้ครับ” สุดท้ายเด็กชายก็ตัดใจล้มตัวลงนอน ก่อนจะกระตุกชายเสื้อพ่อเบา ๆ เพื่อคุยกับพ่อ
“พ่ออย่าป่วย แล้วทิ้งเหนือไปอีกคนนะครับ”
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พ่อไม่มีวันทิ้งเหนือแน่นอน พ่อสัญญา”
มือหนาตบหลังลูกชายเบา ๆ กล่อมลูกจนหลับไป ก่อนที่เขาจะคิดหนักเรื่องที่ตัวเองโกหกลูก ว่าแม่ของแกป่วย
ตั้งแต่น้ำเหนือรู้สึกตัวขึ้นมาจากอุบัติเหตุในตอนนั้น สิ่งแรกที่ลูกร้องหาแน่นอนว่าคือแม่ ลูกชายเขาร้องหาผู้หญิงใจร้ายคนนั้นทั้งวันทั้งคืน จนเขาต้องหยุดงานมาอยู่ดูแลลูกด้วยตัวเอง ผ่านไปนานวันเข้า เมื่อไม่เห็นแม่เหมือนลูกจะค่อย ๆ หยุดถามถึง แต่เมื่อลูกเข้าโรงเรียนเริ่มรู้ภาษา เห็นเพื่อน ๆ มีแม่มารับมาส่งก็ถามเขาอีกครั้ง แน่นอนเขาเลือกที่จะโกหกว่าแม่ของแกป่วย ตอนนี้รักษาตัวอยู่ต่างประเทศ ซึ่งก็เหมือนว่าลูกจะเข้าใจ แล้วก็ไม่ได้ถามอะไรอีก
ก็มีวันนี้ ที่อยู่ ๆ ลูกก็ฝันถึงเธอแล้วก็ร้องไห้อยากเจอเธอ ไม่สิ ลูกฝันถึงเธอแล้วเอามาเล่าให้เขาฟังอยู่บ่อย ๆ อยู่แล้ว แต่เขาก็ไม่เคยเห็นลูกฝันถึง ถึงขั้นร้องไห้อยากเจอเธอมากขนาดนี้ พอเขาบอกว่าเธอป่วยลูกก็แสดงความเป็นห่วงออกมาอย่างชัดเจน ผู้หญิงใจร้ายคนนั้นจะรับรู้อะไรบ้างไหม เธอจะรู้ไหมว่ามีเด็กคนหนึ่งรักและเป็นห่วงเธอมาก แม้เธอจะไม่เคยเหลียวแลเลยก็ตาม... พอเป็นแบบนี้แล้วเขาก็หวังว่าในตอนที่ลูกโตขึ้น ในตอนที่เขาเล่าความจริงให้ฟังว่าพ่อแม่ไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว
เราไม่ได้เป็นครอบครัวเหมือนเดิมแล้ว ลูกจะรับได้และเข้าใจ
“พ่อขอโทษที่เอาแต่ทำงานจนไม่มีเวลาให้ครอบครัว...” บางทีเขาก็อดโทษตัวเองไม่ได้ หรือว่าจริง ๆ ที่มันเป็นแบบนี้สาเหตุมันเกิดมาจากเขาที่เอาแต่ทำงานมากเกินไป จนละเลยคนในครอบครัว
“พี่ไปทำงานก่อนนะ”
“เดี๋ยวตอนเที่ยงหลินแวะเอาข้าวกล่องไปให้นะคะ”
“อย่าดีกว่า พี่ไม่อยากให้เราเหนื่อย ลำพังดูเจ้าตัวแสบก็น่าจะหมดพลังละ”
“หลินไม่เหนื่อยค่ะ หลินอยากทำ”
“งั้นก็ตามใจเราแล้วกัน...พ่อไปทำงานนะ” หอมแก้มลูกชายที่เมียอุ้มอยู่หนึ่งฟอดก็ย้อนกลับมาจูบปากแม่ของลูกต่อ
“คนเจ้าเล่ห์”
“หึ ถ้าเราเหนื่อยหรือไม่ไหว บอกพี่นะ พี่จะหาพี่เลี้ยงมาช่วยเรา”
“ไม่เป็นไรค่ะ ลูกคนเดียวหลินเลี้ยงได้ หลินไม่อยากจ้างพี่เลี้ยงหลินบอกพี่องศาเป็นรอบที่ล้านแล้วมั้งคะ ทำไมไม่ฟังไม่เชื่อใจกันบ้าง” จนเป็นภรรยาหน้างอในทันที
“พี่ขอโทษครับ พี่แค่กลัวเมียเหนื่อย”
“ไม่เหนื่อยค่า ไปค่ะไปทำงานได้แล้ว สายแล้วเนี่ย”
“หว้าอยากอยู่บ้านกอดเมีย เล่นกับลูกจัง”
“งั้นหยุดงานเลยดีไหมคะ” เสียงหัวเราะน้อย ๆ ดังขึ้นหลังจากเธอพูดจบ ซึ่งก็หัวเราะกันทั้งแม่ทั้งลูก
“เดี๋ยวพี่รีบเคลียร์งานรีบกลับดีกว่า ไว้เจอกันนะ” ว่าแล้วเขาก็ดึงเธอมาจูบลาอีกครั้ง ก่อนที่เธอจะเดินมาส่งเขาหน้าบ้าน
ที่เธอพูดแบบนั้นก็เพราะรู้ดีว่าเขาไม่มีวันทิ้งงานอยู่แล้ว ถึงเขาจะรักครอบครัวมาก แต่เขาก็ให้ความสำคัญกับงานเช่นกัน ซึ่งในส่วนนี้เขาเชื่อว่าเธอเข้าใจดี เพราะเขามักจะคอยถามเธออยู่เสมอว่าเธอโอเคไหมกับเวลาที่เขามีให้เธอ และมีให้งาน
“ป้อ!” เสียงร้องเรียกพ่อ แม้จะไม่ค่อยเป็นคำมากนัก แต่ก็ทำให้ซีอีโอหนุ่มเงยหน้าจากจอคอมมองไปยังต้นเสียง เห็นภรรยาคนสวยอุ้มลูกอยู่ พร้อมกับมือที่มีห่อผ้าสีหวาน ซึ่งน่าจะเป็นกับข้าวที่เธอทำมาให้เขา
“เธอออกไปก่อน” เสียงทุ้มเอ่ยบอกเลขาสาวที่ช่วยงานตนอยู่ ก่อนจะรีบเดินไปรับลูกจากภรรยามาอุ้ม
“ค่ะ”
“จะมาทำไมไม่บอกพี่ก่อนล่ะ พี่จะได้ลงไปรับ”
“ถ้าบอกก่อนจะเซอร์ไพรส์หรอคะ”
“เรานี่นะ...ดื้อจริง ๆ เลย พี่บอกว่าให้พักผ่อนอยู่บ้าน” เขาดุเธออย่างไม่จริงจังนัก ก่อนจะต้องรีบเข้าไปง้อเธอ
“งั้นหลินกลับก็ได้ค่ะ ถ้าพี่องศาไม่อยากให้หลินอยู่”
“ได้ไง ถ้าเรากลับพี่กับลูกจะกินข้าวกับใครล่ะ”
“ไม่ใช่ค่ะ ต้องเป็นพี่จะกินข้าวกับใคร เพราะหลินก็จะพาลูกกลับด้วยเหมือนกัน”
“ไหนดูซิวันนี้มีอะไรให้พี่กินบ้าง แม่ทำแต่ของอร่อยมาแน่เลยเหนือ พ่อว่างั้นนี้เราอิ่มพุงกางแน่” เมื่อแม่ของลูกหน้างอ เขาก็ฉวยเอาห่อผ้ามาเปิดดู ก่อนจะเดินนำไปนั่งโต๊ะพร้อมกับมืออีกมือที่อุ้มลูกชาย แน่นอนว่าเธอต้องเดินตามเขามาอย่างเลี่ยงไม่ได้
“คิก ๆ” ส่วนเด็กชายที่ฟังไม่ค่อยจะรู้เรื่องเห็นพ่อพูดด้วยก็เอาแต่หัวเราะชอบใจใหญ่
“เรานั่งอยู่เฉย ๆ รอตรงนี้ เดี๋ยวที่เหลือพี่จัดการเอง” เมื่อเห็นเธอจะจัดจานเขาก็ร้องห้ามเอาไว้ ก่อนจะอุ้มลูกพร้อมกับทำทุกอย่างจนแล้วเสร็จพร้อมทาน
“เป็นไงครับ อร่อยไหม” หลังจากที่เริ่มทานข้าวกัน เธอตักทานคำแรกเขาก็ร้องถามทันที
“ก็ต้องอร่อยอยู่แล้วค่ะ เพราะว่าหลินทำเองกับมือ ชิห์ จัดจานนิดหน่อยก็พูดเคลมผลงานกันเลยนะคะ คนนิสัยไม่ดี”
“นิสัยไม่ดี แต่มีเมียสวยนะจะบอกให้”
“หลงตัวเอง อุ๊ปส์” ด้วยความปากไว้ มือบางรีบยกขึ้นมาปิดปากตัวเองทันที ไม่ใช่ว่าเมื่อกี้เขาพึ่งชมเธอหรอกหรอ
“กินข้าวได้แล้วค่ะ เดี๋ยวจะชืดก่อน”
“รับทราบครับ”
“หลินสั่งน้ำผลไม้มาให้ด้วยค่ะ พี่องศาจะได้สดชื่นเวลาทำงาน ตอนแรกหลินจะคั้นมาเองแต่กลัวไม่ทัน”
“ไม่เป็นไรครับ แค่เราใส่ใจพี่ขนาดนี้ก็ดีมากแล้ว อ้ออีกอย่างแค่เห็นหน้าหลินกับลูกพี่ก็มีกำลังใจทำงานละ”
“ปากหวานจังเลยนะคะ ไม่อายลูกบ้างเลย”
“ลูกออกจะชอบเวลาพ่อจีบแม่ ไม่เชื่อถามลูกดูสิ จริงไหมน้ำเหนือ”
“จิง จิง” มือเล็ก ๆ ตบแปะ ๆ ก่อนจะฉีกยิ้มโชว์ฟันหลอ
