3 บ้านใหม่
ภายในห้องกว้าง
“ตอนนี้คนไข้อยู่ในภาวะแท้งคุกคาม พยายามอย่าให้มีเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจ รวมถึงร่างกายด้วย ตอนนี้คนไข้ร่างกายอ่อนแอมาก หมออยากให้ดูแลเป็นพิเศษ เดี๋ยวหมอจะสั่งยาและวิตามินบำรุงให้นะคะ”
“ขอบคุณครับ”
“ม หลินของจริง ๆ หรอคะคุณลุง” เสียงหวานติดเหม่อลอยเอ่ยถามคนที่ช่วยเหลือตัวเองไว้ หากไม่ได้คนตรงหน้าเธอก็ไม่รู้เลยว่าเธอจะเป็นลมท่ามกลางสายฝนอยู่นานเท่าไหร่
“หมอบอกว่าท้องได้แปดสัปดาห์แล้วนะ ลุงว่าเป็นเรื่องน่ายินดี ดีออก ถ้าพ่อหนูรู้คงจะดีใจมาก ๆ เลยล่ะ”
“ขอบคุณนะคะ” ในตอนนี้เธอไม่มีอารมณ์หรือจิตใจจะพูดคุยกับใครทั้งนั้น
มันหน่วงในใจและหนักสมองไปหมด เรื่องที่เธอท้อง เธอพึ่งจะแน่ใจในวันนี้ อันที่จริงเธอสังเกตเห็นถึงความผิดปกติของตัวเองมาระยะหนึ่งแล้ว ตั้งใจจะไปตรวจดูให้แน่ใจแต่ก็ไม่มีเวลาสักที ในตอนแรกหากท้อง ก็คิดว่าจะบอกข่าวดีกับเขาในวันเกิดของเขา ซึ่งก็ใกล้จะถึงอีกไม่นาน บอกเขาแทนของขวัญวันเกิด เพราะเขามักบอกกับเธอเสมอว่าอยากมีลูกอีกคน
แต่พอเกิดเรื่องขึ้น เธอก็ไม่รู้จะทำยังไงต่อเลย ไหนจะเรื่องลูกในท้อง ไหนจะลูกที่ตอนนี้อยู่โรงพยาบาลไม่รู้ว่าอาการเป็นยังไงบ้าง ตอนนี้ที่ทำได้ก็เพียงสวดภาวนาให้ลูกปลอดภัย แม้จะอยากไปหาไปเยี่ยม แต่เธอไม่รู้ข้อมูลอะไรเลย เขาปิดกั้นจากเธอทุกทาง
จนตอนนี้เวลาผ่านมาเกือบเดือนแล้วเธอก็ยังไม่เห็นหน้าลูกเลย
“ขอหลินไปหาลูกได้ไหมคะ” เป็นอีกครั้งที่เธอเอ่ยปากขอคนตรงหน้า
“ลุงว่าหนูหลินพักรักษาตัวเองให้ดี ให้แข็งแรงก่อนจะดีกว่านะ ตอนนี้ไม่ใช่แค่น้ำเหนือนะที่หนูหลินต้องห่วง ยังมีเจ้าตัวเล็กอีกคน” ชายวัยกลางคนมองไปยังหน้าท้องของหญิงสาว ที่ตอนนี้มันเริ่มนูนออกมามากแล้ว
“หนูหลินยังเสี่ยงแท้งอยู่ตลอดเวลา ตาเจษฎ์ฝากฝังเรื่องนี้กับลุงมาอย่างดี
ลุงคงพาหนูไปไม่ได้”
“แต่หลินเป็นห่วงลูก นี่ก็นานแล้วนะคะ ที่หลินไม่ได้เห็นหน้าลูกเลย ยิ่งรู้ว่าลูกยังอยู่โรงพยาบาลหลินก็ยิ่งเป็นห่วง” จากการช่วยเหลือของคนตรงหน้า ทำให้เธอได้รู้ข่าวคราวของลูกอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ละเอียดลึกอะไร อย่างที่บอกไปเหมือนเขาพยายามจะปกปิดมันจากเธอ
แม้แต่ตอนที่หย่ากันเขาก็เซ็นต์ใบหย่าทิ้งไว้ให้ก่อน รอให้เธอมาเซ็นต์ต่อทีหลัง ไม่แม้แต่จะอยู่รอเจอเธอ เธอติดต่อไปหาเขา ก็ไม่เคยได้รับการติดต่อกลับมาเลยสักครั้ง ส่งข้อความไปหาเขาเรื่องลูก ถามว่าลูกเป็นยังไงบ้าง ขอชื่อโรงพยาบาลที่ลูกอยู่เขาก็ไม่เคยตอบ มีแต่เปิดอ่านเท่านั้น ร้ายไปกว่านั้นคือเมื่ออาทิตย์ก่อนที่เขาบล็อกการติดต่อจากเธอ ไม่ว่าจะเป็นทางโทรศัพท์ หรือทางแชท เขาคงจะเกลียดเธอมากสินะ
ในตอนนี้เขาจะเกลียดเธอมากแค่ไหน เธอไม่สนใจอีกแล้ว ขอแค่ได้รู้ว่าลูกปลอดภัยแล้วก็เป็นพอ เธอขอแค่นี้จริง ๆ มากกว่านี้ก็ขอได้เจอลูกเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่เธอจะไปจากที่นี่...
“เรื่องนั้นเราไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว” น้ำเสียงสดใสที่ดังขึ้นทำให้ธริกาต้องหันไปมอง ก่อนจะเห็นเจริน(เจ ริน) ลูกสาวเจ้าของบ้านเดินเข้ามา
เจ้าของบ้านที่เธอว่าก็คือคุณลุงจิรัฎฐ์(จิ รัด) เพื่อนสนิทอีกคนของพ่อเธอ ไม่รู้ว่าเป็นความโชคดีในวันที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของเธอรึเปล่า ที่ได้เจอกับคุณลุง ที่กลับไทยเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปี ลุงจิรัฎฐ์กลับมาพักผ่อนที่ไทย ท่านซื้อของฝากมาให้เธอมากมาย แม้พ่อเธอจะเสียไปแล้ว แต่ความเอ็นดูที่ท่านมีต่อเธอก็ยังคงอยู่หรืออาจจะเป็นเพราะความสงสารด้วย ในตอนนี้เธอไม่ต่างอะไรจากเด็กกำพร้า เธอไม่ได้มีพ่อแม่เหมือนก่อนแล้ว พวกท่านจากเธอไปในที่ไกลแสนไกล และด้วยความที่เป็นเพื่อนสนิทของพ่อเธอ ทำให้เธอได้เห็นท่านตั้งแต่ยังเด็ก ๆ แน่นอนว่าท่านเองก็คงรักและเอ็นดูเหมือนลูกคนหนึ่ง พอท่านกลับมาถึงได้หอบหิ้วเอาของมาฝากตั้งมากมาย แต่ท่านก็คงไม่คิดว่าจะได้เจอเธอในสภาพแบบนั้น
ตอนที่เธอรู้สึกตัวขึ้นมา เธอยังจำได้เลยว่าท่านดูเป็นห่วงเธอมาก มันทำให้เธออดซาบซึ้งใจไม่ได้จริง ๆ จนเธอไม่รู้จะขอบคุณท่านยังไง ในตอนนี้เธอก็ยังมาอาศัยอยู่ที่บ้านท่านอีก อันที่จริงเธอขอกลับไปอยู่บ้านของเธอเอง บ้านที่พ่อกับแม่ทิ้งไว้ให้เธอ แต่ท่านเป็นห่วงไม่อยากให้เธอกับลูกอยู่กันสองคน กลัวว่าเธอจะฟุ้งซ่าน ไหนจะภาวะแท้งคุกคามนั่นอีก
ประจวบเหมาะกับที่ลูกชายท่านเป็นหมอ และกำลังกลับจากต่างประเทศมาหาประสบการณ์ที่ไทยพอดี ท่านก็เลยให้เธอไปอยู่ด้วย เพราะอยู่นั่นอย่างน้อย ๆ ก็มีคนคอยดูแล
และนอกจากจะมีลูกชายของท่านแล้วก็ยังมีเจรินลูกสาวของท่านอีกคน ที่บินตามพี่ชายฝาแฝดกลับมาไทย
“ไม่ต้องห่วงแล้วหมายความว่าไงหรอคะ”
“จำเรื่องเจ้าของโรงบ้านที่พี่ไปจีบเค้าได้ไหม” เป็นเจรินที่ถาม
“จำได้ค่ะ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับน้ำเหนือ…อย่าบอกนะคะว่าเค้าเป็นเจ้าของโรงบ้านที่น้ำเหนือรักษาตัวอยู่”
“ถูกต้อง พี่ไปล้วงความลับมาให้เราแล้ว อีกสองวันน้ำเหนือก็ได้ออกจากโรงพยาบาลแล้วล่ะ ทีนี้ก็สบายใจได้แล้วนะ”
“อ้อ แล้วพี่ก็มีของฝากมาให้เราด้วย พี่ส่งไปให้ในแชทแล้ว เห็นไหม”
ติ้ง คนที่บอกว่าส่งไปให้ในแชทแล้ว ทั้งที่พึ่งกดส่ง อมยิ้ม ขยิบตาให้ ตามประสาสาวสวยที่มีความมั่นใจสูงปรี๊ดด
“น้ำเหนือ...” คนเป็นแม่น้ำตาเอ่อคลอทันที ที่เห็นรูปลูกชาย ลูกชายที่ไม่ได้เห็นหน้ามาเดือนกว่า ลูกชายที่เธอเฝ้าทะนุถนอมมาหลายปี เห็นลูกยิ้มสดใสแบบนี้เธอก็สบายใจ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็อยากกอด อยากหอม อยากอยู่ใกล้ดูแลลูกด้วยตัวเองอยู่ดี ลูกชายเธอติดเธอมาก โดยเฉพาะอาหารฝีมือเธอ ไม่รู้ว่าระยะเวลาเดือนกว่าที่อยู่โรงพยาบาลลูกจะกินข้าวอร่อยไหม จะนอนหลับหรือเปล่าถ้าไม่มีแม่เล่านิทานแล้วตบหลังกล่อมนอน สารพัดที่เธอรู้สึกเป็นห่วง กลัวว่าลูกจะไม่ได้รับการดูแลที่ดี
“น้ำเหนือสบายดี เขาดูแลลูกดีอยู่ พี่สืบมาให้แล้ว หลินไม่ต้องเป็นห่วงนะ”
“ทีนี้เราก็พร้อมเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่อิตาลีกับพี่แล้วใช่ไหม”
“เรื่องนั้น...” ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากไปเริ่มต้นใหม่ แต่น้ำเหนือลูกของเธอล่ะ
เธอทิ้งลูกไปไม่ได้...แค่ลูกเข้าโรงพยาบาลแล้วเธอไม่ได้ไปดูแลเลยสักวันเดียว เธอก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นแม่ที่แย่มากแล้ว หากเธอทิ้งลูกไปเริ่มต้นใหม่ จะให้ชีวิตโดยทิ้งลูกไว้ข้างหลัง เธอว่าเธอทำไม่ได้ และหากเธอทำแบบนั้นเธอก็คงไม่สมควรจะเป็นแม่ของเขาอย่างที่เขาเคยว่า...
“ลุงรู้นะว่าหนูหลินคิดอะไรอยู่ การที่หนูไปอยู่อิตาลี มันไม่ได้หมายถึงว่าหนูทิ้งลูก แล้วไปอยู่สุขสบายคนเดียวหรอกนะ”
“ให้คิดเสียว่าไปรักษาแผลใจ ไปจากสิ่งแวดล้อมเดิม ๆ ที่จะสร้างความเจ็บปวดให้ ไปอยู่อิตาลีกับพวกลุงนะ ถึงตอนนั้นถ้าหนูเข้มแข็ง ถ้าเราหาหลักฐานพิสูจน์เรื่องราวทั้งหมดได้แล้ว ลุงสัญญาว่าลุงจะพาหนูมาทวงคืนทุก ๆ อย่าง”
“อีกอย่างถ้าหนูยังอยู่ที่นี่ ความบังเอิญอาจจะทำให้เขาคนนั้นรู้ก็ได้นะว่าหนูท้องอยู่ หนูรู้ใช่ไหมว่าเราไม่สามารถปิดเรื่องนี้ไปได้ตลอด”
“ไม่ค่ะ จะให้เขารู้ไม่ได้ว่าหลินท้องลูกของเขาอีกคน ไหนเมื่อเขาเลือกที่จะทำกับหลินแบบนั้น เขาก็ไม่สมควรได้รับรู้อะไรอีกเหมือนกัน” และอีกอย่างที่เธอกลัวก็คือ...หากเขารู้ เธอกลัวว่าเขาจะมาแย่งลูกไปจากเธออีกคน ถึงตอนนั้นเธออยู่ไม่ไหวแน่
“ไม่ว่าหนูหลินจะคิดยังไง ตัดสินใจยังไง ให้รู้ไว้นะ ว่าลุงกับพี่ ๆ อยู่กับหนู
จะคอยช่วยเหลือหนูเอง อย่าคิดว่าตัวเองตัวคนเดียว”
“ตกลงค่ะ หลินจะไปอยู่อิตาลี...แต่ก่อนไปหลินขอไปเจอหน้าลูกเป็นครั้งสุดท้ายได้ไหมคะ”
“ได้สิ เรื่องนี้ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เดี๋ยวพี่สาวคนสวยคนนี้จัดการให้เอง” เจรินพูด ด้วยความที่เธอมีพี่น้องฝาแฝดที่มักทะเลาะกันบ่อย ๆ ทำให้เธอบ่นกับพ่อและแม่เสมอว่าเธออยากมีน้อง แต่แม่เธอดันเสียไปตั้งแต่เธอยังเด็ก แล้วพ่อเธอก็รักแม่มาก จนไม่ยอมมีใครใหม่ ทำให้เธอมีแต่พี่ชายฝาแฝดที่คอยแต่จะหาเรื่องเธอ ขัดใจเธอ
เธออยากรับรู้ถึงความรู้สึกของการที่ได้เป็นพี่บ้าง พอมีธริกาเข้ามา ทำให้เธอรู้สึกรักและเอ็นดูธริกาเหมือนน้องสาวคนนึง แต่ก็ไม่วายโดยพี่ชายตัวดีมาแย่งเป็นพี่ชายของธริกาด้วยอีกคน
เหอะที่กับธริกาดูแลอย่างดี ทีกับน้องสาวตัวเองแท้ ๆ ไม่เคยจะดีด้วย คิดแล้วมันก็น่าน้อยใจชะมัด
