2 คำขอร้อง
บนท้องถนนยามค่ำคืน มีหยาดฝนปรอยลงมาเรื่อย ๆ ราวกับกำร้องไห้เป็นเพื่อนใครหลาย ๆ คน
“หยุดรถทำไม” ชายหนุ่มที่นั่งหลับตาสงบสติอารมณ์อยู่เอ่ยถามคนขับ
“มีคนมาขวางรถครับ”
“ใคร” กลธีป์พูดโดยที่เขายังไม่ลืมตา ทำไมในตอนที่เขากำลังรีบ ในวันที่เขาว้าวุ่นมันมีเรื่องเข้ามาไม่หยุดแบบนี้
“คุณผู้หญิงครับ”
“ลงไปไล่เธอออกไป” หลังจากรู้ว่าเป็นใครเขาก็ลืมตาขึ้นมองแทบจะทันที
ก่อนจะพูดเสียงเรียบเอ่ยสั่งคนขับรถ และตอนนี้เขากำลังมองเธออยู่ด้วย มองว่าเธอจะมีท่าทียังไงหลังจากที่คนขับรถเขาลงไปไล่เธอ
“คุณผู้หญิงขับ ผมขอร้องเถอะครับอย่าทำแบบนี้เลย”
“ฮึก หลินเองก็ขอร้องเหมือนกัน ให้หลินคุยกับพี่องศานะคะลุงมี หรือไม่ลุงมีก็บอกหลินก็ได้ว่าตาเหนือรักษาตัวอยู่ที่ไหน”
“ได้โปรดเถอะนะคะ ให้หลินไหว ให้หลินก้มกราบหลินก็ยอม” เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นที่เอ่ยขอร้อง พร้อมกับสองมือบางที่ยกขึ้นพนมทำให้ลุงมีอดสงสารไม่ได้ แต่มันก็เป็นคำสั่งของคุณหญิงอรดีและคุณองศา ซึ่งเขาไม่กล้าขัด เพราะคนทั้งสองเป็นนายจ้างของเขา
“คุณหลินอย่าทำแบบนี้เลยนะครับ ผมเองก็ลำบากใจ”
“ถือว่าหลินขอร้องนะคะ หลินเองก็เป็นห่วงลูกเหมือนกัน นะคะลุงมี”
“ก็ได้ครับผมยอมแล้วครับ ผมบอกก็ได้ว่าคุณหนูรักษาตัวอยู่ที่ไหน” ชายวัยกลางคนทนไม่ไหวอีกต่อไป สุดท้ายเขาก็ใจอ่อนในที่สุด เพราะตลอดเวลาที่ผ่านที่เคยอยู่รับใช้หญิงสาวตรงหน้า เธอนิสัยดี ปฏิบัติตัวดีกับเขามาตลอด ไม่มีการแบ่งชนชั้นหรือแสดงท่าทีรังเกียจเขาที่เป็นคนขับรถเลยสักครั้ง มีอาหารอะไรอร่อย ๆ ก็จะแบ่งมาให้กินอยู่เรื่อย ๆ รวมถึงพวกขนม นม เนยที่เธอทำไว้ให้คุณองศา เธอก็จะทำเผื่อคนงานในบ้านด้วย
และเพราะสิ่งดี ๆ ที่เขาเห็นในตัวเธอมาตลอดหลายปีที่ผ่านมานี่แหละ มันทำเขาแทบไม่อยากเชื่อว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นได้
“จะพร่ำเพ้ออีกนานไหม” แต่ยังไม่ทันที่ลุงมีจะได้พูดบอกว่าน้ำเหนืออยู่ที่ไหน กลธีป์ก็เปิดประตูลงมาจากรถเสียก่อน พอเห็นเขา ได้ยินที่เขาพูดธริกาก็ใจเสียเล็กน้อย
“พี่องศา...”
“คุณองศาครับ ลุงว่าให้เข้าไปคุยกันในรถก่อนดีไหมครับตอนนี้ฝนตก เดี๋ยวจะไม่สบายกันหมด คุณหลินก็ไม่ใช่คนร่างกายแข็งแรงอะไร” ลุงมีพูดขึ้นด้วยความเป็นห่วงเจ้านายทั้งสอง เพราะถ้าสองคนนี้ป่วย แล้วใครจะดูแลคุณหนูของเขาล่ะ
แต่ดูเหมือนคุณองศาจะไม่ได้สนใจสิ่งที่เขาพูดเลย
“คนแบบนี้อย่าไปให้ค่าเลยครับลุง” คนพูดรู้สึกอย่างไรไม่รู้ แต่คนฟังนั้นเจ็บจุก จนต้องกลืนก้อนเหนียว ๆ ลงคอ
หันไปพูดกับลุงมีแล้วก็กลับมาพูดกับธริกาต่อ
“ฉันไม่มีเวลามาเล่นกับเธอหรอกนะ จะไปไหนก็ไป อย่ามาขวางทางฉัน ถ้าไม่รู้ทาง...มาทางไหนกลับไปทางนั้น”
“แล้วก็เลิกทำตัวอ่อนแอให้คนอื่นเขาเป็นห่วงสักที มุกนี้มันใช้ไม่ได้ผลอีกแล้ว
รู้เอาไว้ซะด้วย”
“ขอหลินไปหาลูกด้วยคนได้ไหมคะ” แม้จะเสียใจกับคำพูดของเขา แม้จะอยากพูดคุยกับเขาดี ๆ แต่ตอนนี้เขาคงไม่ฟังอะไรเธอแล้ว เพราะฉะนั้นเธอขอเจอลูกอย่างเดียวก็พอ ขอแค่ได้เห็นหน้าแม้ไม่ได้เข้าไปหาก็ไม่เป็นไร เธออยากรู้ว่าลูกของเธอยังปลอดภัยดี
ตอนนี้หัวอกคนเป็นแม่ใจมันจะขาดรอน ๆ แล้ว
“เหอะ อยากไปหาลูกงั้นหรอ เพราะเธอไม่ใช่หรอวะที่ทำให้น้ำเหนือเป็นแบบนี้ เพราะเธอไม่ใช่หรอที่ทำให้ลูกต้องเข้าห้องฉุกเฉินตั้งแต่อายุยังไม่ถึงสามขวบด้วยซ้ำ!”
“ฮือ หลินขอโทษ มันเป็นความผิดของหลินเอง หลินยอมรับผิดทั้งหมด ฮึก
แต่หลินขอไปเยี่ยมลูกได้ไหมคะ ขอให้หลินได้เห็นหน้าลูก ได้เห็นว่าลูกปลอดภัย หลังจากนั้นหลินจะกลับไปอยู่ในที่ของหลิน ไม่มาให้พี่เห็นหน้าอีก”
“หรือจะให้หลินทำอะไรหลินก็ยอมทั้งนั้น หลินขอแค่ได้เห็นหน้าลูก ได้อยู่กับลูก ฮือ หลินขอร้องนะคะ ถือว่านี่เป็นคำขอร้องสุดท้ายของหลิน หลินสัญญาว่าต่อจากนี้ไปหลินจะไม่มายุ่งวุ่นวายกับพี่อีก ฮึก” ยิ่งเขาเงียบ เธอก็ยิ่งร้อง ยิ่งเขาทำเหมือนไม่ได้ยินสิ่งที่เธอพูดเลย หัวใจมันก็ยิ่งเจ็บ วันเดียวเท่านั้นที่ทุกอย่างมันผิดพลาดไป เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรให้เธอเลย แววตาที่เคยมองเธอด้วยความรักในตอนนี้มันมีแต่ความว่างเปล่า แล้วเขาก็แทบไม่มองหน้าเธอเลยด้วยซ้ำ
สิ่งที่เกิดขึ้น เธอมีส่วนผิดเธอรู้ แต่ถ้าถามถึงความตั้งใจ จะให้เธอไปสาบานที่ไหนก็ได้ว่าเธอไม่ได้ตั้งใจทำ เธอเองก็ไม่รู้เรื่อง จะไปตามหาความจริงมาพิสูจน์ก็ไม่รู้ว่าจะไปหามาจากไหนทุกอย่างมันมืดแปดด้านไปหมด แต่เพราะเรื่องมันเป็นแบบนี้เธอจึงยอมรับไปก่อน เพื่อให้เขาเห็นใจและยอมอภัยบ้าง
แต่ไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เธอเลือกมันทำให้ทุกอย่างเลวร้ายไปกว่าเดิม กลายเป็นว่าเขาเข้าใจว่าเธอยอมรับว่าเธอเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด
“เหอะ ในที่สุดก็ยอมรับแล้วสินะ” เสียงผ่อนลมหายใจแรง ๆ อย่างพยายามข่มอารมณ์ทำให้ธริการู้สึกกลัว
“เรื่องลูกหลินมีส่วนผิดจริงค่ะ แต่เรื่องนั้นหลิน...”
“พอเถอะ ฉันไม่อยากฟัง รีบไปซะก่อนที่ฉันจะโมโห แล้วก็อย่ามาให้ฉันกับลูกเห็นหน้าอีก”
“โต ๆ กันแล้วฉันคิดว่าเธอน่าจะเข้าใจ แล้วก็ละอายใจกับสิ่งที่ตัวเองทำ”
“ลุงมีครับ ออกรถ”
“แต่จะทิ้งคุณหลินไว้ที่นี่จริง ๆ หรอครับ มันดึกแล้วนะครับ อีกอย่างฝนก็ตกด้วย”
“ผู้หญิงคนนี้เก่งอยู่แล้วครับ เธอไม่ได้อ่อนแออย่างที่ลุงเห็นหรอก ดีไม่ดีพอเราขับรถออกไปแล้วอาจจะมีรถอีกคันมาจอดรับเธอก็ได้”
“พี่องศา...” ได้ยินเขาพูดอย่างไร้เยื่อใยแบบนั้น ธริกาก็มองเขาน้ำตาคลอ
เขาไม่เชื่อใจเธอเลย... จะไปว่าเขาฝ่ายเดียวก็ไม่ได้เพราะขนาดตัวเอง...เธอยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอจะทำเรื่องแบบนั้น
หมับ
“หลินขอร้อง...ให้หลินได้เจอหน้าลูกนะคะ หลินอยากรู้ว่าลูกเป็นยังไงบ้าง
ลูกพ้นขีดอันตรายรึยัง ฮึก ลูกเจ็บมากไหม ลูกปลอดภัยดีไหม ฮือ ๆ หลินขอร้อง ขอให้หลินได้เห็นหน้าลูกเป็นครั้งสุดท้าย ฮือ” มือบางคว้าเขาที่ข้อแขนเขา อ้อนวอนเขาเป็นครั้งสุดท้ายทั้งน้ำตา หวังให้เขาสงสารและเห็นใจ
ผลัก
“ฉันบอกว่าไม่ก็คือไม่ ผู้หญิงอย่างเธอไม่สมควรที่จะเป็นแม่ใคร เก็บความสงสารและห่วงใยปลอบ ๆ ของเธอกลับไปเถอะ ลูกชายฉันคงไม่ต้องการ” พูดจบเขาก็ปิดประตูรถใส่หน้าเธอ แล้วสั่งให้คนขับรถขับออกไปทันที
ส่วนคนโดยสะบัดมือทิ้งก็เซถลาจนล้มลงไปนั่งกับพื้นอย่างอ่อนแรง ตั้งแต่เกิดเรื่องก็ยังไม่มีข้าวหรือน้ำตกถึงท้องเธอ ไหนจะร้องไห้แทบไม่ได้หยุด ในตอนนี้ก็เลยเหมือนโลกมันหมุนและโคลงเคลงไปหมด
“น้ำเหนือลูกแม่ ฮือ แม่ขอโทษ...”
“จอดรถดูสิ ใครนั่งทำอะไรอยู่ตรงนั้น...คนเป็นลมหนิ!”
“ครับคุณท่าน”
