บท
ตั้งค่า

20 เรื่องเมื่อคืน

“พ่อหรอครับ”

“ครับ พ่อเอง”

“วันนี้ทำงานเสร็จเร็วหรอครับ” เด็กชายเอ่ยถามผู้เป็นพ่อ วันนี้ตอนทานข้าวเขาบอกว่าเขาจะนอนกับพ่อ พอแม่พาเขาเข้านอนแม่ไปนอนกับวินเทอร์อีกห้อง

ปกติแล้วถ้าพ่องานไม่เยอะ หรือไม่มีงานที่ต้องทำพ่อก็จะมานอนกับเขา ถ้าพ่อเคลียร์งานมันก็จะดึก พ่อเลยจะนอนที่ห้องของพ่อแทน เพราะพ่อไม่อยากกวนเวลานอนของเขา ก็เขาเป็นคนตื่นง่าย รู้สึกตัวง่ายแบบนี้ไงล่ะ

อีกอย่างช่วงนี้เขาก็นอนกับแม่กับวินเทอร์เป็นส่วนใหญ่เลยไม่ค่อยได้นอนกับพ่อเลย จะไปอยู่ที่บ้านตั้งอาทิตย์เขาก็เลยอยากนอนกับพ่อก่อนไป แต่ก็มีหนึ่งเรื่องที่เขารู้สึกสงสัย ทำไมพ่อถึงไม่ไปด้วยกัน...แต่ก็อาจจะเพราะบ้านแม่ไกลที่ทำงานของพ่อ คงจะเป็นอย่างนั้น

“ครับ”

“พ่อต้องไปหาเหนือบ่อย ๆ นะครับ อย่าลืมสัญญานะ” เด็กชายย้ำ

“แล้วไปอยู่กับแม่หลายวันจะลืมพ่อรึเปล่า หื้ม”

“ไม่ลืมครับ เหนือจะคิดถึงพ่อทุกวันเลย”

“งั้นเดี๋ยวว่าง ๆ พ่อจะแวะไปหานะ”

“ครับ เหนือรักพ่อที่สุดเลย”

“พ่อก็รักเหนือนะ”

หลังจากอยู่พูดคุยกับลูกจนลูกหลับ ก็นึกไปถึงหน้าแม่ของลูก ที่ตนพึ่งจากมาเมื่อครู่

เมื่อกี้ระหว่างเขาและเธอมันเกือบจะเลยเถิดแล้ว แต่เขาหยุดมันไว้ก่อน เขาแค่อยากให้เธอรู้ไว้เท่านั้นว่าอย่ามาล้อเล่นกับเขาอีก เพราะครั้งหน้าเขาอาจจะไม่ใจดีปล่อยเธอไปแบบนี้

เขาพูดบอกเธอที่นอนอยู่บนเตียงก่อนที่จะเดินออกจากห้องมา

“สิทธิ์การเลี้ยงดูยังเป็นของฉัน ไม่ว่าเธอคิดจะทำอะไรอยู่ ฉันอยากให้เธอหยุดไว้เท่านั้น เพราะมันไม่มีทางสำเร็จ และมันก็เสียเวลา”

“ก็รอดูแล้วกันค่ะว่ามันจะสำเร็จไหม” เธอพูดตอบกลับมา ก่อนจะยิ้มร้ายส่งให้เขา ไม่ได้กลัวเขาเลยแม้แต่น้อย หมดเวลาที่เธอจะอดทนอยู่ที่นี่กับเขาแล้ว หมดเวลาที่เธอต้องยอมให้เขาแล้ว

“...หึ ร้ายขึ้นเยอะนะ” วันนี้เขาจะปล่อยเธอไปก่อนก็แล้วกัน เขาเหลือมองเธออีกครั้งก่อนจะกระตุกยิ้มเบา ๆ แล้วเดินเข้าห้องลูกชาย เพื่อที่จะนอนกับลูก นานมากแล้วที่เขาไม่ได้ห่างลูกนานแบบนี้ ก่อนที่เธอจะพาลูกไปอยู่ด้วยเขาขอใช้เวลาอยู่กับลูกหน่อยก็แล้วกัน

แต่ไม่รู้ทำไม การนอนกอดลูกครั้งนี้มันถึงรู้สึกโหวง ๆ ในใจแปลก ๆ ทั้งที่ก็ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน มันเหมือนครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้กอดลูกยังไงอย่างนั้น

“แม่ทำถูกแล้วใช่ไหมคะ แม่คิดถูกแล้วใช่ไหมคะที่ทำแบบนี้” เสียงหวานเอ่ยถามลูกสาวตัวน้อยที่นอนหลับสนิทไม่รู้เรื่องอยู่แน่นอนว่ามันไร้การตอบรับกลับมา

“เป็นกำลังใจให้แม่ด้วยนะ แม่ต้องทำเพราะมันจำเป็น แม่อยากให้เราอยู่กันเป็นครอบครัวเล็ก ๆ มีเรามีพี่เหนือ...ส่วนพ่อของหนู เขาก็คงไม่อยากอยู่ด้วยกับเรา ตอนนี้เขาก็คงเกลียดแม่ไปแล้ว”

“แม่เองก็คงจะอยู่กับเขาไม่ได้เหมือนกัน ถ้าเขาดีแต่จะทำร้ายกันแบบนี้...” แม้มันจะพอหลงเหลือความรู้สึกอยู่บ้าง แต่ความโกรธและผิดหวังที่มีต่อเขามันกลับมีมากกว่า และเธอก็ไม่คิดว่าระหว่างเขาและเธอมันจะต่อกันติด ตอนนี้มันเป็นเส้นขนานไปแล้ว ยิ่งสิ่งที่เขาทำกับเธอเมื่อครู่นี้ เธอก็ยิ่งอยากถอยห่างจากเขา

ที่ทำได้ตอนนี้คงเป็นพ่อและแม่ที่ดีให้กับลูก ๆ เท่านั้น

ไม่นานก็เข้าสู่เช้าวันใหม่ วันแห่งการจากลา...

“ให้ไปส่งไหม” เสียงทุ้มเอ่ยถาม เขากลับมาทันพอดีที่ทั้งสามคนเก็บของเสร็จ อันที่จริงเขากลับมาตั้งนานแล้ว เพียงแต่ไม่ได้เดินขึ้นห้องมา วันนี้เขาไม่มีสมาธิทำงานเลย มันมีความรู้สึกเหมือนจะสูญเสียสิ่งสำคัญในชีวิตไปตลอดเวลา ซึ่งสิ่งสำคัญในชีวิตของเขาตอนนี้ก็คือลูก

เขาเข้าบริษัทไม่ถึงชั่วโมงเขาก็ออกมาเลย อยู่ไปก็คงทำงานไม่รู้เรื่องเหมือนเดิม มันพะว้าพะวังไปหมด

“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันขับรถไปกับลูกเอง” เธอปฏิเสธทันที แทบจะไม่ต้องคิด ในเมื่อเธอเลือกที่จะตัดเขาออกจากชีวิตทั้งเธอและลูกแล้ว เธอก็ต้องพยายามลดบทบาทหน้าที่ ลดความสำคัญของเขากับลูก แต่เหมือนเด็ก ๆ ที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยจะไม่เข้าใจเธอ

“ให้พ่อไปส่งนะครับแม่” เด็กชายที่ไม่ค่อยอยู่ห่างจากพ่อว่าขึ้น พอต้องนอน ต้องใช้ชีวิตโดยที่ไม่มีพ่อแบบนี้แล้วมันก็รู้สึกแปลก ๆ เพราะตั้งแต่จำความได้ เขาก็มีพ่ออยู่ด้วยตลอด ถึงพ่อจะยุ่งอยู่กับงาน แต่พ่อก็แบ่งเวลามาให้เขาเสมอ

“...ก็ได้ครับ” สุดท้ายเธอก็ต้องยอมให้ลูก เขาที่เห็นแบบนั้นก็ยักคิ้วส่งให้เธอหนึ่งที บ่งบอกว่าเขาเป็นฝ่ายชนะ หารู้ไม่ว่านี่อาจจะเป็นชัยชนะครั้งสุดท้ายของตัวเอง

ซึ่งของที่ไม่ได้เยอะอะไร ทำให้การขนย้ายของไปรถใช้เวลาไม่นาน เช่นเดียวกับการเดินทางไปบ้านของธริกาก็ใช้เวลาไม่นาน

“โกรธหรอ เรื่องเมื่อคืนน่ะ” อยู่ ๆ เขาก็พูดขึ้นมา ในตอนที่ช่วยเธอขนของ

ส่วนลูก ๆ พากันเอาของไปเก็บที่ห้องแล้ว

“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง วางของไว้แล้วก็กลับไปได้แล้วค่ะ เชิญ” ลับหลังลูก ๆ ไป เธอก็ไล่เขากลับทันที อย่างไม่คิดตอบคำถามเขา หรือชวนเขานั่งพักกินน้ำ

“เธอไม่สามารถไล่ฉันไปให้พ้นทางได้ตลอดหรอกนะ ในเมื่อสิทธิ์การเลี้ยงดูลูกก็เป็นของฉัน อีกอย่างฉันก็เป็นคนเลี้ยงลูกมาตลอดห้าปี เธอไม่คิดว่าลูกจะติดฉันหรอ”

“จะแยกพ่อแยกลูกมันไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกนะ เพราะงั้นจะทำอะไรให้คิดถึงจิตใจลูกให้มาก ๆ”

“ไม่ต้องย้ำฉันขนาดนั้นก็ได้ค่ะ เรื่องสิทธิ์การเลี้ยงดูลูก บอกครั้งเดียวฉันก็จำได้”

“แล้วคุณว่าฉันจะไม่คิดถึงลูกหรอคะ ฉันคิดมาตลอด เป็นคุณต่างที่คิดถึงแต่ตัวเองจนไม่ดูอะไรเลย”

“แล้วมันเพราะฉันหรอที่เรื่องมันเป็นแบบนี้ เธอตอบฉันมาสิหลิน มันเป็นเพราะฉันหรอที่ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้”

“ค่ะ ทุกอย่างมันเป็นเพราะฉัน ไม่ว่าเรื่องอะไรฉันเป็นคนผิดเอง พอใจคุณหรือยังคะ”

“พอเถอะ อย่าพูดถึงเรื่องในอดีตเลย พูดไปมันก็ไม่มีอะไรดีขึ้น”

“เหอะ” ได้ยินแบบนั้นเธอก็แค่นหัวเราะหันหน้าหนีเขาไปทางอื่นทันที เมื่อกี้มันไม่ใช่เขาหรอกหรือที่เริ่ม ในสายตาเขาเธอเป็นคนผิดเสมอสินะ

“หมดเรื่องชวนทะเลาะแล้วใช่ไหม ถ้าหมดแล้วก็เชิญกลับไปได้แล้วค่ะ” เธอว่าพร้อมกับผายมือให้เขา

“ไม่ต้องรีบไล่ฉันหรอก ฉันกลับแน่”

“แล้วก็ไม่ต้องกลัวไม่ได้เจอหน้าฉัน เดี๋ยวผัวจะรีบกลับมาหาเลยล่ะเมียจ๋า” เขาว่าก่อนจะยื่นมือไปเชยคางมน ทำท่าทางเจ้าชู้ใส่เธอ

“คุณองศา!”

“ไม่ต้องเรียกบ่อย ฉันรู้หรอกนะว่าเธอคิดถึง”

“ไปให้พ้น จะไปไหนก็ไป”

“หึ” สุดท้ายเขาก็ยกมือทำท่าเหมือนจะยอมแพ้ ก่อนจะเดินถอยหลังออกไป

“แล้วไม่ต้องกลับมาให้ฉันอีกหน้าอีก” เธอว่าตามหลังมา

“พ่อล่ะครับแม่ พ่อกลับไปแล้วหรอครับ” เสียงเด็กชายร้องถามผู้เป็นแม่ เมื่อลงจากบ้านมาแล้ว มองซ้ายมองขวาก็ไม่เห็นพ่อ

“เหมือนจะมีงานด่วนเข้ามาน่ะ”

“หรอครับ” หน้าเด็กชายดูเศร้าลงเล็กน้อย ก่อนแม่จะหาวิธีมาดึงความสนใจไป นั้นก็คือชวนลูกไปจัดห้องและเข้าครัวในเวลาต่อมา

“คุณแม่ขา พี่เหนือ อยู่ไหนกันคะ” ด้วยความลืมตัวทำให้เด็กหญิงร้องเรียกแม่อยากเต็มปาก ซึ่งก็ทำให้น้ำเหนือเกิดความสงสัยขึ้นในใจอีกครั้ง

“อยู่ในครัวค่ะ หิวแล้วหรอคะ” คุณแม่ยังสาวตะโกนตอนกลับไป

“นิดหน่อยค่ะ แต่วินเทอร์มีอะไรมาอวด” เด็กหญิงว่าด้วยเสียงสดใส ก่อนจะปรากฏตัวพร้อมเจ้าแมวตัวอ้วนฟูสีขาว

เหมี๊ยว

“ไปพามาจากไหนคะ” เป็นธริกาที่ถาม

“วินเทอร์ไม่รู้เหมือนกันค่ะ วินเทอร์เดินเล่นอยู่ในสวนก็ไปเจอน้องนอนอยู่”

“อาจจะหลงมารึเปล่า ดูสิที่คอมีปลอกคอด้วย” น้ำเหนือพูด

“จริงด้วยค่ะ พี่เหนือ”

“ระวังนะคะ เดี๋ยวน้องจะข่วนเอา”

“ไม่หรอกค่ะน้องน่ารักจะตาย ดูสิคะ” เดินมาถึงแม่กับพี่ชายก็ชูแมวขนปุยขึ้นโชว์ความน่ารักทันที

เหมี๊ยว ฟ่าว

“ฮรือ คุณแม่หนาวเจ็บ ฮรือ ๆ” เด็กหญิงร้องจ้าขึ้นมาในทันที ส่วนแมวตัวอ้วน เมื่อฝากรอยแผลไว้ที่แขนของเด็กหญิงแล้วก็วิ่งหายไปอีกครั้ง

“วินเทอร์!//หนาวลูก!” ทั้งธริกาและน้ำเหนือต่างก็อุทานออกมาพร้อมกัน เพียงแต่คนละชื่อเท่านั้น ด้วยความคุ้นชินและไม่ทันตั้งตัวทำให้ธริกาเผลอเรียกชื่อจริง ๆ ของลูกออกมา

ส่วนน้ำเหนือด้วยความตกใจที่อยู่ ๆ น้องน้อยก็ได้รับบาดเจ็บเขาก็เลยร้องตกใจด้วยความเป็นห่วงน้อง

แม้แผลจะไม่ได้ใหญ่มากแต่เด็กหญิงก็ร้องไม่หยุด ด้วยความตกใจกลัวและไม่คาดคิดมาก่อนว่าเจ้าแมวตัวอ้วนฟูที่ตนเอ็นดูตั้งแต่แรกเห็นจะแว้งกลับมาทำร้ายตนได้

คนเป็นแม่และพี่ ช่วยกันกอดปลอบคนถูกแมวกัดอยู่ครู่หนึ่ง พอเริ่มหายเสียขวัญแล้วก็พามาล้างแผล

“มันจะแสบไหมคะ” เสียงเล็กว่าอย่างอ่อน ๆ นัยน์ตากลมยังคลอด้วยน้ำตาที่พร้อมจะไหลออกมาอีกทุกเมื่อ

“นิดเดียวค่ะ เสร็จแล้วเดี๋ยวเราจะไปหาหมอกันนะคะ”

“ไม่ไปหาหมอได้ไหมคะ หนาวไม่อยากไปหาหมอ”

“ไปหาหมอแป๊บเดียวค่ะ ไปแล้วก็กลับ ไปให้คุณหมอดูแผลนิดนึงนะคะ”

“คุณแม่ดูให้หนาวไม่ได้หรอคะ หนาวไม่อยากไป พี่เหนือหนาวไม่อยากไปหาหมอ” เมื่ออ้อนแม่ไม่สำเร็จก็หันไปขอความช่วยเหลือจากพี่ชาย ซึ่งก็ไม่สำเร็จเหมือนกัน...

“คุณหมอใจดี ไม่ต้องกลัวนะ พี่จะไปกับเราด้วย”

“จะไม่เจ็บใช่ไหมคะ”

“ไม่เจ็บค่ะ เหมือนมดกัดนิดเดียว” คนเป็นแม่ตอบ

พอล้างแผลเสร็จแล้วสามแม่ลูกก็เดินทางไปโรงพยาบาลกันต่อ ในตอนนี้ดวงอาทิตย์นั้นลับขอบฟ้าไปแล้ว รถก็ค่อนข้างติด ธริกาจึงใช้เวลาอยู่บนท้องถนนเกือบชั่วโมงกว่าจะพาลูกสาวตัวน้อยมาถึงโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดได้ ตอนแรกเธอตั้งใจจะพาลูกไปคลินิก แต่เพราะเธอไม่ชินเส้นทางเข้าช่องผิด รถก็ติดจะออกมาก็ยากเธอจึงเปลี่ยนมาเป็นโรงพยาบาลแทน

“เดี๋ยวเหนือมานะครับแม่” เมื่อมาถึงหน้าห้องตรวจแล้ว เด็กชายก็พูดขึ้น

“จะเข้าห้องน้ำหรอครับ...ให้แม่พาไปไหม”

“ป่าวครับ เหนือจะออกไปหาพ่อ...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel