18 สัญญาณ
เปิดประตูรถเข้ามาเห็นคนตัวเล็กหลับคอพับอยู่บนรถ กลทีป์ก็ได้แต่ส่ายหัวเบา ๆ ก่อนมุมปากจะเผลอยกยิ้มอย่างไม่รู้ตัว เขาเลือกที่จะไม่ปลุกเธอ แม้ว่าเขาจะซื้ออาหารมาเผื่อเธอด้วยก็ตาม แต่สิ่งที่เขาเลือกก็ทำให้เขาก็ออกแรงมากเลยทีเดียวในการอุ้มเธอจากรถขึ้นไปบนห้อง
ระหว่างทางเดินก็คอยเป็นห่วงเธอไปด้วย เหมือนว่าตัวเธอจะกลับมาร้อนอีกแล้ว ถ้าเธอยอมแอดมิดอยู่โรงพยาบาลเขาก็คงไม่ต้องมาห่วงเธอแบบนี้
“องศา มึงจะมาห่วงเธอไม่ได้ มึงจะมาห่วงผู้หญิงที่ทำร้ายมึงกับลูกไม่ได้” เขาพูดเตือนใจตัวเองก่อนจะวางเธอลงบนเตียงกว้าง
“อื้อออ” ทันทีที่แผ่นหลังสัมผัสเตียงนุ่ม คนที่หลับสบายก็เริ่มรู้สึกตัวขึ้นมาบ้าง
“ตื่นแล้วหรอ นี่ผ้า เช็ดตัวเองแล้วกันนะ”
“ส่วนข้าวฉันซื้อมาให้แล้ว ถ้าหิวก็แกะกิน กินเสร็จแล้วก็กินยา มีอะไรก็โทรหาป้าบัวนะ ฉันต้องไปทำงาน ไม่ว่างมาอยู่เฝ้าเธอตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เธอรู้ใช่ไหม”
“อ้อ แล้วมันก็ไม่มีความจำเป็นที่ฉันจะต้องมาเฝ้าเธอด้วย”
“มีเท่านี้ใช่ไหมคะ ที่จะพูด” เธอพูดตอบกลับเขา หลังจากที่นั่งพิงหัวเตียงฟังเขาพูดยาวเหยียด
“อืม”
“งั้นก็เชิญออกไปได้แล้วค่ะ” ในเมื่อเขาไม่ได้อยากอยู่ ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรั้งเขาไว้
“หึ เก่งแบบนี้ให้มันได้ตลอดล่ะ”
“คุณเป็นคนบีบให้ฉันเป็นแบบนี้...” เธอพูดตามหลังเขาไป ใช่เธอเองที่ไหนที่อยากเป็นแบบนี้ แต่เพราะเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น มันหล่อหลอมให้เธอเข้มแข็ง...จนบางครั้งอาจจะแข็งกระด้างในสายตาคนอื่น
ตัดมาที่เด็ก ๆ
“ทำไมมานั่งอยู่คนเดียวล่ะ ไม่เล่นกับเพื่อนหรอ”
“เพื่อนไปเล่นม้าหมุนกันค่ะ แต่วินเทอร์ไม่อยากเล่น ก็เลยมานั่งเล่นชิงช้าตรงนี้”
“เล่นคนเดียวไม่เหงาหรอ” น้ำเหนือว่าขึ้น ก่อนจะนั่งลงชิงช้าอีกตัวข้าง ๆ ที่ว่างอยู่
“นิดหน่อยค่ะ แต่วินเทอร์ชินแล้ว”
“ทำไมชินล่ะ” เด็กชายถามกลับด้วยความสงสัย การต้องเล่นคนเดียวเหงา ๆ เป็นสิ่งที่ชินได้ด้วยหรอ...แต่จะว่าไปเขาเองก็ต้องเล่นคนเดียวอยู่บ่อย ๆ เหมือนกันนี่เนอะ
“ก็ตอนอยู่อิตาลีกับคุณแม่ วินเทอร์ก็เล่นคนเดียวบ่อย ๆ เพราะคุณแม่ต้องทำงาน” เด็กหญิงตอบเสียงปกติ ถึงจะต้องเล่นคนเดียว แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกน้อยใจแม่เลย เพราะเธอเข้าใจ
“แล้วพี่เหนือล่ะคะ ทำไมไม่เล่นกับเพื่อน”
“พี่เห็นเราอยู่คนเดียวเลยมาเล่นเป็นเพื่อน”
“ขอบคุณนะคะ”
“พี่ขอถามถึงแม่เราได้รึเปล่า”
“ถะ ถามถึงคุณแม่ ทำไมหรอคะ” เด็กหญิงแทบนั่งไม่ติด เมื่ออยู่ ๆ พี่ชายก็พูดมาแบบนี้
“พี่อยากรู้น่ะว่าแม่เราทำงานอยู่หรอ เราถึงได้มาอยู่กับน้าหลินแม่ของพี่...ถ้าแม่ของพี่เป็นน้าของเรา งั้นแม่ของเราก็เป็นป้าของพี่ถูกไหม”
“...ถูกก็ได้ค่ะ” เด็กหญิงเออ ออ ไปด้วย เพราะเธอเองก็นับลำดับญาติไม่ถูกเหมือนกัน แต่ในใจก็อยากจะบอกเหลือเกินว่าเรามีแม่คนเดียวกัน ถ้าไม่ติดที่คุณแม่ขอไว้นะ เธอบอกพี่ชายตั้งแต่วันแรกที่เจอกันแล้ว
“ตอนนี้หม่ามี้กำลังทำงานค่ะ อยู่ต่างประเทศ” ถ้าเธอพูดถึงหม่ามี้เจรินแทน ก็ไม่ถือเป็นการโกหกใช่ไหมนะ
“แบบนี้นี่เอง แล้วพ่อของเราล่ะ”
“ตอนนี้หม่ามี้โสดค่ะ ” แต่ถ้าเป็นพ่อจริง ๆ ก็อยู่ที่บ้านกับเราทุกวันไงคะ เธออยากจะพูดแบบนี้จริง ๆ
“แปลว่าพ่อกับแม่เราไม่ได้อยู่ด้วยกันสินะ...ก็เหมือนพี่เลย ไม่สิ เหมือนพี่เมื่อก่อนเลย...”
“พี่เหนือมีอะไรอยากถามวินเทอร์รึเปล่าคะ ถามได้เลยนะคะ วินเทอร์สัญญาจะเก็บเป็นความลับไม่บอกใคร” เห็นหน้าพี่ชายเครียด ๆ เหมือนมีอะไรในใจเด็กหญิงจึงเอ่ยถาม
“เราคิดว่าพ่อกับแม่พี่ยังรักกันอยู่รึเปล่า...” คำถามของน้ำเหนือพาให้เด็กหญิงหยุดไกวชิงช้าทันที ก่อนจะหันไปมองหน้าพี่ชาย หรือพี่ชายจะไม่รู้นะว่าพ่อกับแม่เลิกกันแล้ว ต้องใช่แน่ ๆ เลย
“อันนี้วินเทอร์คงให้คำตอบพี่เหนือไม่ได้มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่...แต่ถ้าคุณน้ากับคุณลุงไม่รักกันแล้วพี่เหนือจะเสียใจรึเปล่าคะ”
“...ก็คงเสียใจ แต่ก็อย่างที่เราบอก ว่ามันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ถึงจะเสียใจแต่จะทำอะไรได้ล่ะ ในเมื่อพ่อกับแม่ไม่รักกันแล้ว เราคงบังคับให้พ่อกับแม่รักกันเพื่อความต้องการของเราไม่ได้”
“พี่เหนือเก่งจังเลย” เธอชื่นชมพี่ชาย ในตอนที่แม่บอกเธอเรื่องพ่อกว่าเธอจะทำใจยอมรับได้ไม่ง่ายเลย
“เราเองก็เก่งเหมือนกันนะ ที่ผ่านมันมาได้” น้ำเหนือไม่ลืมที่จะชื่นชมน้องสาวตัวน้อยกลับ เพราะเขาเข้าใจว่าเธอก็ต้องเผชิญสถานการณ์เดียวกับเขา
“วันนี้เหมือนเราจะไม่ได้กลับกับคุณลุงแล้วล่ะค่ะพี่เหนือ” ในตอนเย็นของวันเดียวกัน น้ำเหนือที่กำลังนั่งรอผู้ปกครองมารับเหมือนทุกที จำต้องหันไปตามเสียงสดใสของน้ำหนาว
“หืม?” ใบหน้าที่เต็มไปด้วยคำถาม หันมอง
“น้าหลินส่งข้อความมาบอกวินเทอร์เมื่อกี้ว่าจะมารับ ให้พี่เหนือกับวินเทอร์คิดเมนูที่อยากกินไว้ด้วย น้าหลินจะพาไปซื้อแล้วก็ทำให้กิน”
“แต่แม่ป่วยอยู่ไม่ใช่หรอ”
“จริงด้วย...สงสัยจะดีขึ้นแล้วมั้งคะ” เด็กหญิงไขข้อสงสัยให้ ซึ่งสองพี่น้องนั่งคุยกันไม่นาน ผู้เป็นแม่ก็มาถึง ก่อนจะพาทั้งสองไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ตตามที่ได้บอกไว้ก่อนหน้า
ซึ่งการได้มาเดินเลือกซื้อของแบบนี้ ไม่ใช่ว่าน้ำเหนือไม่เคยทำ เขาเคยมากับพ่อ แต่ก็ไม่ได้เลือกพิถีพิถันแบบที่แม่ทำ เห็นแม่กับวินเทอร์เลือกกันอย่างคล่องแคล่วก็ทำให้เขามองมันอย่างเพลิน ๆ สงสัยวินเทอร์คงจะมาซื้อของกับแม่เขาบ่อย แต่แม่ก็ไม่ได้ปล่อยให้เขายืนดูอยู่เฉย ๆ แม่คอยสอนเขาเป็นพัก ๆ คอยถามเขาอยู่เรื่อย ๆ ว่าอยากกินอะไร ชอบอะไรเป็นพิเศษ
มันทำให้ใจดวงน้อยพองโตที่แม่รักและใส่ใจเขาแบบนี้ ถึงจะไม่ได้อยู่ด้วยกันมานาน แต่แม่ก็ไม่เคยหลงลืมความรู้สึกของเขา และถ้าพ่ออยู่ตรงนี้ด้วยมันคงจะดีมาก ๆ ...
เสียงข้อความที่ดังทำให้กลทีป์ละสายตาจากจอคอมหันมองโทรศัพท์ เมื่อเห็นว่าใครส่งข้อความมาหา เขาหยิบขึ้นมาอ่าน พออ่านแล้วเขาก็วางลงไว้ที่เดิม อย่างไม่คิดจะตอบอะไรกลับไป
“เก่งจริง ๆ” เขาล่ะเชื่อเธอเลย
แต่ก็ต้องอึ้งอีกครั้งเมื่อกลับมาบ้านแล้วเห็นอาหารวางอยู่เต็มโต๊ะ ถามเด็ก ๆ
ก็ได้คำตอบว่าเธอเป็นคนทำ แล้วตอนนี้เธอก็กำลังอยู่ในครัว
“ใกล้เสร็จแล้วค่ะ” เสียงหวานพูดขึ้น เมื่อคิดว่าเป็นลูกที่เดินเข้ามา
“ป่วยอยู่ทำไมไม่สั่งจากข้างนอกมา จะทำเองทำไม” เขาว่าให้เธอ ก่อนจะเดินเข้ามาหา
“คุณ!”
“ตัวยังรุม ๆ อยู่เลย จะทำร้ายตัวเองไปถึงไหนวะ” มือหนาวางทาบที่หน้าผากมนอย่างถือวิสาสะ แม้เธอจะพยายามจะเบี่ยงตัวหลบ แต่เขาก็คือเขา
“ฉันไม่ได้ทำร้ายตัวเอง คุณต่างหากที่ทำร้ายฉัน” เธอเบี่ยงหน้าหนี ก่อนจะหันไปเตรียมของหวานต่อ ส่วนคนฟังนั้นสตั้นไปกับสิ่งที่ได้ยินทันที ‘เป็นเขาหรอที่ทำร้ายเธอ’ ...
“ถ้าไม่ช่วยอะไรก็เชิญออกไปด้วยค่ะ มันเกะกะ”
“ถือว่าฉันเตือนเธอแล้ว”
“ฉันต้องขอบคุณสินะคะ”
“หลิน”
“ออกไปได้แล้วค่ะ อยู่กันสองต่อสองแบบนี้ฉันไม่สบายใจ”
“ทำไม กลัวหวั่นไหวรึไง” เขาขยับตัวเข้ามาใกล้เธอ อีกครั้ง
“เหอะ ไม่มีวันนั้นหรอก ความรู้สึกของฉันที่มีต่อคุณมันตายไปตั้งแต่ห้าปีก่อน ตายไปตั้งแต่วันที่คุณเลือกที่จะฟังคนอื่นมากกว่าเมียตัวเองแล้ว”
“ส่วนเรื่องที่มันเกิดขึ้นเมื่อคืนก็เพราะฉันดื่ม ก็เพราะคุณบังคับฉัน” เธอหันตัวกลับมาพูดกับเขาเต็มตัว ตวัดสายตามองเขาอย่างไม่เกรงกลัว
“หึ แล้วถ้าเป็นตอนนี้ล่ะ ตอนที่เธอไม่ดื่ม” รอยยิ้มร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้าคม
“อย่าคิดจะทำอะไรบ้า ๆ นะ ลูกอยู่ข้างนอก”
“ลูกไม่เข้ามาหรอกน่า แต่ถ้าเธออยากเรียกให้ลูกมาเห็นก็แล้วแต่” เขาโน้มตัวเข้าไปใกล้มากขึ้น จนเธอถอยหลังชิดเคาท์เตอร์ เขาก็ไม่หยุดเข้ามาใกล้
“หยุดนะ ถ้าไม่หยุดฉันตบคุณจริง ๆ ด้วย” เธอขู่เขา เพราะเธอไม่อยากฝากรอยมือไว้บนหน้าเขาให้ลูกสงสัย ก่อนเข้ามาหาเธอเขาคงเจอกับลูก ๆ แล้ว ถ้าเขาออกไปพร้อมกับรอยมือบนหน้าคงไม่ใช่เรื่องดี เดี๋ยวลูกจะเข้าใจผิดเอาได้ว่าพ่อกับแม่ใช้ความรุนแรง ถึงจะหาเหตุผลมาแก้ต่างได้ก็เถอะ แต่ลูก ๆ เธอก็ไม่ใช่เด็กสองขวบสามขวบ ที่จะไม่รู้ภาษาว่ารอยบนหน้าพ่อของตัวเองเป็นรอยตบ
“อยากเล่นบทตบจูบก็ไม่บอก”
“คุณองศา หยุด!” เมื่อเขาเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้พร้อมกับรอยยิ้มร้าย เธอต้องขึ้นเสียงใส่เขา แต่เขาก็ยังไม่หยุดการกระทำ
“ฉันจะปิดเตาให้ คิดอะไรของเธอ” เขากระตุกยิ้มส่งให้เธอ อย่างผู้ชนะ ซึ่งพอเห็นท่าทีโมโหกับสิ่งที่เขาทำของเธอ มุมปากก็ยกยิ้มสูงขึ้น
“คุณ!”
“ทำไม หรืออยากจูบกับฉัน?”
“ฝัน...อื้อ” ดวงตากลมสวยเป็นต้องเบิกกว้างทันที เมื่ออยู่ ๆ เขาก็โน้มตัวมาจูบเลย อย่างไม่ให้เธอตั้งตัว มือบางพยายามยกขึ้นผลักเขาออก แต่มันก็ไม่ได้ผลเลย
สองแขนแกร่งเขากักขังเธอไว้ใต้อาณัติ ไม่ยอมให้เธอหลบหนีไปไหน
“พ่อครับ...”
“น้าหลิน...”
ผละ เสียงเล็ก ๆ ที่ดังขึ้น ทำให้สองร่างดีดตัวออกจากกันทันที ก่อนจะยืนทำตัวไม่ถูกด้วยกันทั้งคู่
“เอ่อ...แม่ขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” เป็นธริกาที่หนีออกมาก่อน ปล่อยให้เขารับหน้าลูก ๆ ไป ในเมื่อเขาเป็นคนเริ่ม ก็ให้เขาจัดการแล้วกัน
