15 ไม่ใช่เรื่อง
หลายปีก่อน
“พี่องศา รอผิงด้วยค่ะ”
“มีอะไรรึเปล่า” กลทีป์หยุดมองแล้วหันไปหาคนที่เรียกตนไว้
“ผิงขอติดรถไปด้วยได้ไหมคะ พอดีเมื่อเช้าผิงให้ที่บ้านมาส่งน่ะค่ะ วันนี้เลิกก่อนเวลา กว่าที่บ้านจะมาส่งก็คงอีกนาน”
“แต่วันนี้พี่ไม่ได้ไปทางบ้านเรานะ พี่ต้องไปรับหลินที่มหาลัยก่อน”
“พอดีเลยค่ะ ผิงจะติดรถไปห้างแถวนั้นพอดี”
“โอเค” กลทีป์ตอบรับอย่างไม่คิดอะไร เพราะแม่ของผิงก็เป็นเพื่อนกับแม่ของเขา ทั้งแม่ของเขาเองก็ฝากฝังเขาให้ดูแลเธอ อันที่จริง เขากับเธอถูกจับคู่กันไว้ตั้งแต่เด็กด้วยซ้ำ แต่เป็นเพราะเขาคอยปฏิเสธ รักษาระยะห่าง และปฏิบัติตัวกับผิงในฐานะพี่ชายคนหนึ่งตลอด ความตั้งใจของแม่เลยพังไป
“พี่องศาดูรักพี่หลินมากเลยนะคะ ผิงอิจฉาจัง” ระหว่างนั่งรถผิงหรือณัฐมา พยายามชวนกลทีป์คุยอยู่ตลอด
“เอาน่าสักวันเราก็จะเจอคนที่รักเราจริงและเราก็รักเค้า” กลทีป์พูดตอบ ในขณะที่สายตายังคงมองถนน
“ผิงว่าผิงเจอแล้วค่ะคนที่ผิงรัก...แต่ไม่รู้ว่าเขาจะมีความรู้สึกแบบเดียวกันกับผิงบ้างรึเปล่า” ณัฐมาพูด พร้อมกับสายตาที่เต็มไปด้วยความหมายมองกลทีป์ แน่นอนว่ากลทีป์ไม่เห็นมัน เพราะเขาจดจ่อกับท้องถนน
“เราน่ารักนิสัยดี พี่ว่าคนคนนั้นจะตกหลุมรักเราไม่ยาก”
“พี่องศาคิดแบบนั้นหรอคะ”
“อืม”
“พี่องศากับพี่หลินแต่งงานกันทั้งที่คุณป้าไม่เห็นด้วย ทั้งที่คุณป้าก็เอ่อ ก็ไม่ชอบพี่หลินเท่าไหร่ แต่พี่ทั้งสองคนก็ยังอยู่เคียงข้างกัน ต่อสู้ด้วยกันมา จนได้แต่งงานกัน แม้จะค้านสายตาของหลาย ๆ ผิงนับถือในความรักของพวกพี่ ๆ จังเลยค่ะ”
“ยังไงผิงจะรอดูวันที่พี่กับพี่หลินทำให้คุณป้ายอมรับได้นะคะ”
“คงเป็นเพราะพี่กับหลินผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะมั้ง ส่วนเรื่องแม่พี่ก็รอวันนั้นเหมือนกัน”
“พี่องศากับพี่หลินก็แต่งงานกันมานานแล้ว ผิงขอถามได้ไหมคะ พวกพี่ไม่อยากมีเจ้าตัวเล็กกันหรอคะ”
“อยากสิ ทำไมที่จะไม่อยากสร้างครอบครัวเล็ก ๆ กับคนที่พี่รักล่ะ แต่มันยังติดอะไรหลาย ๆ อย่างอยู่” เรื่องลูกเขาพยายามมาตลอด แต่ลูกก็ไม่มาสักที เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร เขาก็แข็งแรง เธอก็แข็ง ก็ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่ามันยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม ลูกก็เลยยังไม่มาอยู่กับเขา
“ยังไงผิงจะรออุ้มหลานก็แล้วกันนะคะ”
“ได้สิ”
ปัจจุบัน
“ผิงจะต้องรอไปถึงเมื่อไหร่คะคุณแม่ ทั้งที่ผิงก็คอยอยู่ข้างพี่องศามาตลอด ทำไมพี่องศาถึงมองไม่เห็นความรักของผิงบ้าง”
“ผิงเหนื่อย”
“เอาน่า คุณป้าก็บอกแล้วหนิ ว่าปลายปีนี้จะจัดงานหมั้นให้หนูกับพี่เค้า อย่าคิดมากไปเลย”
“จะไม่ให้ผิงไม่คิดมากได้ยังไงคะ ก็ผู้หญิงคนนั้นกลับมาแล้ว”
“ลูกว่ายังไงนะ”
“ใช่ค่ะ มันกลับมาแล้ว ผิงเห็นกับตา ตอนที่มันขึ้นรถพี่องศา”
“อะไรกัน ก็ไหนว่าหย่าขาดกันแล้วไง ทำไมถึงได้มาอยู่ใกล้ตาองศาได้”
“ผิงก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ แต่ถ้าพวกเขากลับมาคืนดีกันอีกผิงไม่ยอมนะคะ กว่าจะจับแยกกันได้”
“แค่ไม่มีมันอยู่ ก็ยากอยู่แล้ว ถ้ามีมันแบบนี้โอกาสที่ผิงจะได้อยู่กับพี่องศามันจะไม่เป็นศูนย์เลยหรอคะ”
“เอาน่า ลูกสาวแม่ยังสาวยังสวย ตาองศาคงไม่เก่าไปหาเมียเก่าหรอก”
“ผิงขึ้นไปนอนนะ เดี๋ยวเรื่องนี้แม่จะโทรไปคุยกับคุณป้าอีกที”
“ก็ได้ค่ะ วันนี้ผิงเองก็เหนื่อยเหมือนกัน” พูดจบก็โน้มตัวหอมแก้มผู้เป็นแม่หนึ่งที ก่อนจะเดินขึ้นบ้านไป
“รักคุณแม่นะคะ”
มาที่เด็ก ๆ สองคน ที่ตอนนี้ต่างก็นั่งรอพ่อและแม่ของตัวเองกลับบ้าน
“คุณยายบัวเมื่อไหร่คุณแม่จะกลับมาหรอคะ”
“ยายก็ไม่รู้เหมือนกันจ้ะ ให้ยายทำอะไรให้กินไหม คุณหนูกับวินเทอร์หิวรึยังคะ” เป็นบัวที่เอ่ยถาม เพราะวันนี้องศาไม่ว่างไปรับเด็ก ๆ เลยให้คนขับรถที่บ้านไปรับแทน และเพื่อเลี่ยงการปะทะจากรัศมี เธอจึงตามมาดูแลและอยู่เป็นเพื่อนเด็ก ๆ ที่เพ้นเฮาท์ขององศาด้วย แทนการให้เด็ก ๆ ไปอยู่ที่บ้าน
ลำพังแค่น้ำเหนือน่ะไม่มีปัญหาอะไรหรอก แต่วินเทอร์นี้สิ รัศมีต้องโวยวายใหญ่โตแน่ เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่ารัศมีจะเจ้าคิดเจ้าแค้นอะไรธริกานักหนา ถึงจะคิดแค้น เด็กก็ไม่รู้เรื่องอะไรด้วย
“วินเทอร์หิวนิดหน่อยค่ะ”
“คุณหนูล่ะคะ”
“เหนือไม่ค่อยหิวครับ”
“งั้นเดี๋ยวยายบัวทำข้าวผัดง่าย ๆ ให้แล้วกันนะคะ”
“ขอบคุณค่ะ ให้วินเทอร์ช่วยไหมคะ วินเทอร์ไม่มีอะไรทำพอดี”
“เคยทำกับข้าวด้วยหรอคะ อ้อยายก็ลืมไปเลยว่าแม่ของหนูวินเทอร์ทำอาหารอร่อย คงจะช่วยแม่ทำกับข้าวบ่อยใช่ไหมคะ”
“แหะ” ได้ยินคุณยายว่าแบบนั้นหนูน้อยเพียงยิ้มแห้ง ๆ ส่งไปเท่านั้น ไว้ให้คุณยายรู้ตัวเองก็แล้วกัน
หลังจากนั้นเด็ก ๆ ทั้งสองคนก็ไปช่วยคุณยายบัวทำข้าวผัดง่าย ๆ แต่เหมือนไม่ง่ายเลยสำหรับน้ำหนาวแต่ก็ดีที่น้ำเหนือคอยบอกคอยให้กำลังใจอยู่ตลอด และก็เป็นเรื่องน่าแปลกที่เด็กทั้งสองต่างก็เรียกยายบัวเหมือนกัน น้ำเหนือเรียกยายบัวนั้นเพราะยายบัวเลี้ยงเขามาตั้งแต่เด็ก ๆ เหมือนเป็นตัวแทนของแม่เขาเลยก็ว่าได้ ส่วนน้ำหนาวเธอแค่เรียกไปตามคลังคำศัพท์อันน้อยนิดในหัว จนตอนนี้ติดปากไปแล้ว
ความหอมของอาหารที่ลอยมาเตะจมูกทำให้กลทีป์ที่พึ่งกลับมา เดินมาตามกลิ่นของอาหาร ก่อนจะเห็นเด็ก ๆ ช่วยป้าบัวทำอาหารอยู่
“ทำอะไรกันอยู่หรอ”
“คุณลุงกลับมาแล้วหรอคะ พวกเรากำลังทำข้าวผัดกันอยู่ค่ะ” ในตอนนี้เหมือนจะมีแค่น้ำหนาวคนเดียวที่ว่าง ๆ เพราะเธอช่วยอะไรไม่ได้มาก เธอก็เลยสังเกตเห็นกลทีป์ที่เดินเข้ามาก่อน
“ดูน่าอร่อยจัง เผื่อผมหนึ่งที่นะครับป้าบัว”
“อีกหน่อยก็เสร็จแล้วคะ คุณองศาไปเปลี่ยนชุดก่อนก็ได้ค่ะ เดี๋ยวป้ากับเด็ก ๆ จะช่วยกันจัดโต๊ะเอง”
“แล้ว...?”
“ยังไม่กลับมาเลยค่ะ” เป็นบัวที่ตอบกลทีป์อย่างรู้ใจ
“งั้นผมฝากเด็ก ๆ ด้วยนะครับ เดี๋ยวผมมา”
จนแล้วจนรอด ธริกาก็กลับมาไม่ทันมื้อค่ำ จนเด็ก ๆ เข้านอนแล้วเธอก็ยังไม่กลับมา กลายเป็นว่าวันนี้เขาต้องเป็นคนส่งเด็ก ๆ เข้านอนเอง ปกติแล้วเธอจะเป็นคนทำ จะว่าตั้งแต่เธอมาอยู่นี่เขาก็แทบไม่ได้ส่งลูกเข้านอนเลยก็ว่าได้
กลทีป์เลือกไปส่งวินเทอร์ก่อน เพราะเด็กหญิงดูจะรอคอยแม่กลับมาไม่ยอมนอนสักที เขากับลูกชายก็ต้องช่วยกันกล่อมปลอบ ด้วยเป็นคนรักเด็กอยู่แล้ว ทำให้คิดว่าไม่ใช่เรื่องอยากอะไรสำหรับเขา และการส่งวินเทอร์เข้านอนในครั้งนี้ มันก็ทำให้เขาได้ใกล้ชิดกับเด็กหญิงมากขึ้น นอกจากการทานอาหารร่วมโต๊ะ และการไปรับไปส่งที่โรงเรียนที่เด็กหญิงมักจะชวนคุย
“วินเทอร์อยากรอคุณแม่ วินเทอร์ไม่อยากนอนคนเดียว” หลังจากเล่านิทาน และเล่นกันเสร็จแล้ว แทนที่เด็กหญิงจะหลับไป กลับร้องถามถึงผู้เป็นแม่ แม้ตาแทบจะลืมไม่ขึ้นแล้วก็ตาม
“เดี๋ยวแม่ก็กลับมา นอนก่อนนะ ถ้าแม่กลับมาลุงจะปลุกโอเครึเปล่า”
“แต่ แต่...วินเทอร์ไม่อยากนอนคนเดียว วินเทอร์ไม่ชอบนอนคนเดียว” เด็กน้อยบอกไปตามความจริง ดวงตากลมใสมีหยาดน้ำตาคลออยู่ ทำเอาหัวใจของกลทีป์อ่อนยวบลงในทันที
“เดี๋ยวพี่กับพ่อนอนเป็นเพื่อนเราเองโอเคไหม” น้ำเหนือพูดขึ้นมาโดยไม่ทันได้ไม่ปรึกษาผู้เป็นพ่อเลยแม้แต่น้อย เด็กชายลูบหัวน้องน้อยเบา ๆ ก่อนจะล้มนอนลงเป็นตัวอย่าง
กลทีป์เห็นแบบนั้นเขาก็ต้องนอนลงตาม ด้วยสายตากดดันของลูกชายที่มองมา ไหนจะของเด็กหญิงอีก ใช้เวลาไม่นานเด็กทั้งสองก็หลับตามกันไป เมื่อเห็นเด็ก ๆหลับสนิทแล้วกลทีป์ก็ค่อย ๆ ลุกออกมา สายตาคมจดจ้องไปยังใบหน้าจิ้มลิ้มของเด็กหญิงอยู่ครู่หนึ่ง ภายในใจนึกคิดว่าหากไม่เกิดเรื่องตอนนั้นขึ้น เด็กหญิงก็คงจะเป็นลูกสาวของเขา ตอนนี้เขาก็คงจะได้นอนกอดทั้งลูกสาวและลูกชาย...
พอได้คิดถึงเรื่องในอดีตความรู้สึกเจ็บปวดและโกรธเคืองก็กลับมาอีกครั้ง เขาเลยเดินไปหาเหล้ามานั่งกินคนเดียวเงียบ ๆ อยู่ข้างนอกแทน อีกอย่างเขาก็อยากรู้ด้วยว่าวันนี้เธอจะกลับมากี่โมง ไม่สิเธอจะกลับมาไหมถึงจะถูกเพราะนี่ก็สี่ทุ่มกว่าแล้ว
กลทีป์ดื่มไปได้สักพักใหญ่ เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น ทำหันไปมองเล็กก่อนจะกลับมาดื่มต่อ แต่มันก็อดไม่ได้ที่ต้องหันไปมองเธออีกครั้งด้วยชุดที่เธอใส่มันต่างไปจากตอนกลางวันที่เจอกัน ไหนจะท่าทางที่ยืนไม่มั่นคงนั่นอีก
มองเธออยู่ดี ๆ เธอก็หันมามอง ทั้งให้เขาและเธอสบตากันครู่หนึ่ง ก่อนเธอจะเป็นฝ่ายหลบสายไปก่อน ส่วนเขาเมื่อเห็นท่าทางการเดินของเธอ ที่ไม่รู้จะล้มตอนไหนก็ตัดสินใจลุกขึ้นเดินตามไปดูห่าง ๆ อันที่จริงเธอก็ไม่ได้เดินเอนเหมือนคนจะล้มขนาดนั้น มันแค่มีบางจะหวะที่เธอดูจะวืด ๆ ไป
หมับ
“เดินระวังหน่อย” ไปได้ไม่ทัน เขาก็รีบเข้าไปรับเธอไว้ เมื่อเธอจะล้มจริง ๆ
“...” ส่วนเธอก็เงยหน้ามองเขาด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ไม่ยอมพูดอะไร
“ดื่มมาหรอ” กลิ่นเหล้าจาง ๆ ที่ออกมาจากตัวเธอทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะถาม ตั้งแต่รู้จักคบหากันมา เธอไม่ใช่นักดื่ม ออกไปทางคออ่อนด้วยซ้ำ เช่นเดียวกันกับเขา แต่หลายปีมานี้ ความเจ็บช้ำมันทำให้เขาคอแข็งขึ้นมาก เพราะเขามักจะใช้เหล้าเป็นเพื่อนคอยปลอบใจ เมื่อไม่อยากคิดฟุ้งซ่าน ถึงเรื่องที่ทำให้เจ็บปวดพวกนั้น
“ไม่ใช่เรื่องของคุณ”
“เหอะ ไม่ใช่เรื่องของฉัน งั้นก็หัดมีความรับผิดชอบบ้าง เธอลูกสองแล้วนะ ไปกินเที่ยวดื่มปล่อยให้ลูกรอแบบนี้มันใช่ได้ที่ไหน”
“อย่ามายุ่งได้ไหม” เธอพูดก่อนจะพยายามผลักเขาออก เมื่อกี้ตอนจะล้มได้เขามาช่วยประคองเธอก็ไม่คิดจะชอบคุณเขา เพราะเธอไม่ได้ขอให้เขาช่วยตั้งแต่แรก อีกอย่างการที่เขาบอกว่าเธอไม่มีความรับผิดชอบกับลูก มันก็ทำให้เธอรู้สึกเสียใจ
“น่าจะปล่อยให้ล้ม ขอบคุณสักคำก็ไม่มี”
“ฉันไม่ได้ขอให้คุณมาช่วยสักหน่อย ปล่อย” เธอบอกเขาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงตัดรำคาญ เมื่อเขาไม่ยอมปล่อย
ซึ่งพอเขาได้ยินเธอพูดแบบนั้นเขาก็ปล่อยเธอทันที อย่างไม่คิดจะช่วยประคองไว้ ซึ่งเธอที่อยู่ ๆ เขาก็ปล่อยแบบนี้ทำให้เธอเสียศูนย์จนจะหงายหลังไปจริง ๆ จนต้องคล้องคอเข้าไว้อย่างเลี่ยงไม่ได้
หมับ
“หึ อวดเก่ง”
“คนใจร้าย” เธอพูดบอกเขา ทั้งที่ยังไม่ปล่อยมือจากคอของเขา
“คำก็ใจร้าย คำก็เลว ใครมันจะไปแสนดีเหมือนชู้เธอล่ะ”
“รู้ตัวก็ดี” สติน้อยนิดที่เธอมียังพอให้เธอได้เถียงเขาอย่างเจ็บแสน แทนการที่จะพูดตัดพ้อเขาต่อ
“งั้นฉันก็อย่างรู้เหมือนกัน ว่าระหว่างฉันกับชู้เธอใครมันจะเด็ดกว่ากัน” พูดจบเขาก็ช้อนตัวเธอขึ้นอุ้มในทันที
“วร้าย! จะทำอะไรของคุณ ปล่อยนะ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้”
“คุณองศา ฉันบอกให้ปล่อย”
“ไหน ๆ ก็พึ่งไปเอากับมันมา เอาฉันต่อคงจะไม่เป็นไร”
