14 ผู้บริหารสาว
สองอาทิตย์ที่ธริกาใช้เวลาปรับตัวในการอยู่ร่วมบ้านกับกลทีป์ กับลูกมันไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย สิ่งที่น่าอึดอัดและยากสำหรับเธอคือการต้องเจอเขา เห็นหน้าเขาในทุกเช้าและเย็น ร่วมโต๊ะอาหารกับเขา ทุกอย่างมันเต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วนใจ จนเธออยากเตรียมเอกสารให้เรียบร้อยแล้วยื่นฟ้องขอสิทธิ์การเลี้ยงดูลูกจากเขาให้เสร็จเร็ว ๆ เธอไม่อยากใช้อากาศหายใจร่วมกับเขาอีกแล้ว
บานประตูห้องถูกเปิดออก พร้อมกับชายหนุ่มร่างสูงเจ้าของเพ้นท์เฮาส์ ทำให้หญิงสาวที่กำลังออกไปข้างนอกชะงักเล็กน้อย แต่เธอก็ปรับอารมณ์กลับมาได้อย่างรวดเร็ว
เขาไล่สายตามองการแต่งตัวของเธออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้น
“จะไปไหน” เสียงนิ่งเรียบที่ดังขึ้น ทำให้ธริกาที่เลือกเดินสวนเขาออกไปหันกลับมามองเล็กน้อย ตอนแรกเธอจะไม่ตอบอะไรเขาแล้วออกไปเฉย ๆ แต่ไหน ๆ เขาก็อุตส่าห์ถาม ก็ตอบหน่อยแล้วกัน
“ฉันว่าฉันไม่มีความจำเป็นต้องแจ้งให้คุณทราบนะคะ” เธอพูดบอกเขา ก่อนจะเปิดประตูออกไป น้อยครั้งที่เธอจะเจอเขาที่บ้านในช่วงกลางวัน เพราะไม่เขาก็เธอที่จะออกไปข้างนอกก่อน จะเจอกันอีกทีก็ช่วงเย็นที่ลูกกลับมาจากโรงเรียน
“เหอะ” ด้านกลทีป์เมื่อได้ยินคำตอบจากคนที่เดินสวนกันเขาก็ตรงตุกยิ้มเบา ๆ ก่อนจะเดินเข้ามาในห้อง ไม่เจอกันหลายปี เขายอมรับเลยว่าฝีปากเธอเก่งขึ้นมาก
แต่ก่อนก็เป็นคนไม่ค่อยยอมใครอยู่แล้ว ไม่เว้นแม้แต่แม่ของเขา ในตอนที่แต่งงานทำให้เขาต้องพาเธอออกมาอยู่บ้านอีกหลัง เพื่อลดแรงปะทะ สุดท้ายแล้วก็ต้องเลิกรากันไปอยู่ดี หึ
อย่างน้อยเธอก็ไม่เคยพูดเถียงประชดประชันเขาหนักขนาดนี้ แต่นั่นมันก็อาจจะเป็นตัวตนจริง ๆ ของเธอ เพียงเพราะความรักที่เขาเคยมีให้ ทำให้เธอไม่เคยทำตัวไม่น่ารักกับเขาแบบนี้ หรืออาจเป็นเพราะเรื่องที่เคยบาดหมางกันในอดีต แต่ยังไงก็ช่าง ตอนนี้เขาได้เห็นธาตุแท้ของเธอแล้ว
ด้านธริกาหลังจากได้พูดตอบกลับเขาไปแล้ว ก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย ไม่รู้ว่าคำพูดเธอมันจะส่งผลมากแค่ไหน แต่เธอรู้ว่ามันต้องทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดได้
ไม่มากก็น้อย
ครืด ครืด
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ธริกาต้องกดรับในขณะที่กำลังขับรถอยู่ โดยเชื่อมกับระบบของรถ
“ที่เลขาอาบอกมันเรื่องจริงหรอหลิน”
“ค่ะ ทำไมคะ คุณอามีปัญหาอะไรรึเปล่า”
“หลินทำแบบนี้เหมือนหลินไม่ให้เกียรติอานะ หลินควรบอกอาก่อนตั้งแต่เนิ่น ๆ ไม่ใช่มาบอกเอาตอนนี้ อีกอย่างอาก็นัดคู่ค้าไว้แล้วด้วย”
“แบบนี้ก็ดีเลยสิคะ หลินจะได้เข้าไปทำความรู้จักกับเขาด้วย”
“หลิน...”
“แค่นี้ก่อนนะคะคุณอา หลินขับรถอยู่ เจอกันที่บริษัทนะคะ” ธริกาไม่ยอมให้อดิศรพูดจบเธอกดตัดสายไปในทันที ทิ้งให้คนปลายสายหัวเสีย
“คิดจะถอนหงอกฉันงั้นหรอ ไม่มีวันซะหรอก” อดิศรพูดอย่างหัวเสียก่อนจะสั่งการให้ผู้ช่วยส่วนตัวยกเลิกนัดวันนี้
“เด็กเมื่อวานซืนอย่างแก คิดจะถอนหงอกฉัน ไม่มีวันซะหรอก” อดิศรพูดคนเดียวอย่างเหนือกว่า ก่อนที่เขาจะยิ้มไม่ออก เมื่อเรื่องมันไม่เป็นแบบที่เขาคิดและวางแผนไว้
“นี่มันอะไรกัน ทำไมคุณไตรทศถึงมาได้” อดิศรหันไปโวยวายผู้ช่วยของตัวเองทันที ที่อยู่ ๆ ก็เห็นคู่ค้ารายใหญ่ปรากฏตัวในออฟฟิศ
“สวัสดีครับ คุณไตรทศ วันนี้มาเองเลยนะครับ” อดิศรเดินเข้าไปทักทาย
ด้วยใบหน้าชื่นมื่น แต่ก็สุขไม่สุด ด้วยไตรทศไม่ค่อยมาติดต่องานด้วยตัวเองแบบนี้ ส่วนใหญ่จะติดต่อผ่านเลขามากกว่า วันนี้ไตรทศมาด้วยตัวเองถือเป็นเรื่องที่เขาไม่คาดคิด และถ้าไม่ติดว่าหลานสาวตัวดีจะเข้าออฟฟิศด้วย อะไร ๆ มันคงจะดีกว่านี้
“ผมได้ยินมาว่าจะมีการเปลี่ยนมือผู้บริหาร จริงรึเปล่า” ไตรทศพูด ก่อนที่เขาจะได้มาทำงานกับอดิศร เขาก็เคยได้ร่วมงานกับดิเรกที่เป็นผู้ก่อตั้งโรงงานผลิตและจำหน่ายวัสดุก่อสร้างรายใหญ่มาก่อน โดยตัวเขาเองเปิดบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ก่อนดิเรกจะเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ซึ่งก็น่าเสียดายเพราะเขาชอบลักษณะการทำงานของดิเรก หลังจากนั้นไม่นานดูเหมือนอดิศรจะเขามาดูแลอยู่ช่วงหนึ่ง แล้วก็เปลี่ยนเป็นกลทีป์หนุ่มไฟแรง ที่หลายครั้งที่เขาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากชม ในทักษะการพูดโน้มน้าวใจ ปิดดีลใหญ่ ๆ กับเขาได้หลายต่อหลายครั้ง
แต่สุดท้ายไม่รู้มันเกิดอะไรขึ้น อยู่ ๆ ก็กลายเป็นอดิศรที่เข้ามาดูแลบริหารจัดการเหมือนเดิม แล้วตอนนี้ก็มีข่าวจะเปลี่ยนมืออีก เป็นแบบนี้เขาก็รู้สึกไม่มั่นคงต่อบริษัท ที่เปลี่ยนผู้บริหารบ่อย ๆ ยิ่งเป็นผู้บริหารหญิงที่ไร้ประสบการณ์ด้วยแล้ว
บอกเลยว่าเขายังไม่อยากเสี่ยง แต่ยังไงก็คงต้องดูกันไปก่อน เพราะเธออาจจะเป็นเพชรเม็ดงามก็ได้ เขามันพวกชอบให้โอกาสคนอยู่แล้ว
“ผมได้ยินมาว่าจะมีการเปลี่ยนมือผู้บริหาร จริงรึเปล่า”
“จะไปจริงได้ยังไงล่ะครับ คุณไตรทศ ในเมื่อผมยังอยู่ แต่ในอนาคตอาจเปลี่ยนมือเป็นลูกสาวผม แต่ก็คงอีกนานล่ะครับ” อดิศรพูดติดตลก ก่อนเขาจะเก็บสีหน้าไม่อยู่ เมื่อเห็นธริกาเดินมา
“ที่คุณไตรทศได้ยินมาเป็นเรื่องจริงค่ะ” เสียงที่ดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของสาวสวย ในชุดสูทกางเกงดูทะมัดทะแมง ทำให้ไตรทศหันไปมองทันที พร้อมกับสีหน้าที่เต็มไปด้วยคำถาม ว่าเธอคนที่พูดอยู่เป็นใคร เปิดโอกาสให้ธริกาได้แนะนำตัวเอง
“สวัสดีค่ะ หลินค่ะ เป็นผู้บริหารคนใหม่ของที่นี่”
“ยัยหลิน ทำบ้าอะไรของแก” อดิศรกัดพูดให้หลานสาวได้ยินกันสองคนทันที ก่อนจะหันไปพูดกับไตรทศ
“ต้องขอโทษคุณไตรทศด้วยนะครับ ที่หลานสาวผมเสียมารยาท แกพึ่งกลับมาจากต่างประเทศน่ะครับ อาจจะยังงง ๆ กับระบบอยู่”
“คุณอาก็อายุมากแล้ว หลินอยากให้คุณอาพักผ่อน คอยเลี้ยงหลานอยู่บ้าน และตอนนี้หลินก็พร้อมเข้ามาดูแลกิจการที่เป็นของพ่อหลินแล้วค่ะ”
“หลิน” อดิศรพูดเสียงกดต่ำทันที ที่ได้ยินธริกาพูดแบบนี้
“เชิญคุณอดิศรทางนี้ดีกว่าค่ะ หลินให้คนเตรียมห้องให้แล้ว” ธริกาหาได้ฟังเสียงความไม่พอใจของอาอย่างอดิศรไม่ เธอภายมือเชิญไตรทศไปยังห้องรับรอง ที่ก่อนนั้นอดิศรจะใช้ในการพูดคุยกับไตรทศ
ถึงธริกาจะเชิญแค่ไตรทศ แต่อดิศรก็เดินตามเข้ามาด้วย เห็นท่าทีของธริกาเมื่อกี้นี้แล้ว เขาไม่ไว้ใจที่จะให้ธริกาอยู่กับไตรทศพูดคุยกันสองต่อสอง ถ้าธริกาพูดอะไรบ้า ๆ ไปอีก คงส่งผลกระทบต่อกิจการและตำแหน่งของเขาไม่น้อย
///
มาที่กลทีป์หลังจากได้สิ่งที่ต้องการแล้วเขาก็กลับเข้าบริษัทตามเดิม แม้ในใจจะตงิด ๆ กับการแต่งตัวของเธอ แต่พอหาเหตุผลได้ว่าเธออาจจะไปสมัครงานหรือสัมภาษณ์งาน หรือไปทำงาน เพราะเขาก็ไม่ได้เจอเธอในช่วงกลางวันบ่อย แล้วก็ไม่ได้ตัวติดเธอเหมือนก่อน อ้ออีกอย่าง เขาไม่มีความจำเป็นต้องไปตามติดชีวิตเธอ
“เอกสารค่ะ” เสียงเรียกของเลขาทำให้กลทีป์หลุดจากภวังค์ความคิด
“ขอบคุณนะ”
“พี่องศาด้วยเหม่อ มีเรื่องอะไรไม่สบายใจรึเปล่าคะ บอกผิงได้นะคะ” หญิงสาวที่แทนตัวเองว่าผิงพูดขึ้น พร้อมกับคอยสังเกตสีหน้าขององศาไปด้วย
“ไม่มีอะไรหรอก พี่ก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย”
“ว่าแต่เราเถอะมีอะไรรึเปล่า อีกสารเล่มเดียว แถมไม่ด่วน คงไม่ต้องรีบเอามาให้พี่เซ็นต์หรอกมั้ง”
“ก็...มีนิดหน่อยค่ะ ผิงไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน”
“มีอะไรก็พูดมาได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ”
“คือผิงได้ยินมาจากคุณป้าว่าเธอคนนั้นกลับมาแล้ว...” ชื่อของธริกาหรือหลิน เป็นชื่อต้องห้ามของทุกคนที่บริษัท กลทีป์สั่งห้ามไม่ให้ทุกคนพูดถึงเธออีก ตั้งแต่เขาหย่าขาดกับเธอไป
ย้อนไปเมื่อห้าปีก่อน
เสียงซุบซิบของคนในบริษัททำให้กลทีป์ที่กำลังเดินผ่านไปยังห้องทำงานของตัวเองต้นหยุดเดิน แล้วถามขึ้นมาเสียงดัง
“ซุบซิบอะไรกัน ไม่ทำแล้วใช่ไหมงาน” ด้วยอารมณ์ที่ไม่ดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอเห็นพนักงานเอาแต่ซุบซิบนินทา ไม่ทำงานก็ทำให้เขาไม่พอใจมากขึ้นไปอีก ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องที่พูดกันอยู่เป็นเรื่องที่ทำให้เขารู้สึกโมโห เพราะไปพูดถึงเธอคนนั้น เธอคนที่ทิ้งเขาทุ่มเททั้งกายและใจให้ แต่เธอกลับตอบแทนเขาและลูกอย่างเจ็บปวด
“ทะ ทำค่ะ ทำ”
“ทำครับ”
“บอสคะ แล้วคุณหลินล่ะคะ นิดาไม่เห็นคุณหลินมาที่บริษัทหลายเดือนแล้ว”
“ถ้าคุณหลินไม่สบายพวกเราก็อยากไปเยี่ยม”
“เป็นห่วงเธอกันมากใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ คุณหลินดีกับพวกเรามาก พวกเราก็อยากตอบแทนเธอบ้าง”
“เป็นห่วงมากก็ลาออกตามเธอไปแล้วกัน”
“อ้อ ต่อไปนี้อย่าพูดชื่อผู้หญิงคนนี้ให้ผมได้ยินอีก ถ้าอยากทำงานที่นี่ต่อ”
พูดจบเขาก็เดินเข้าห้องไปทันที และสิ่งที่เขาพูดก็ยิ่งทำให้เกิดการซุบซิบนินทาอีกครั้ง
“น้องผิงมันเป็นยังไงกันแน่ บอสกับคุณหลินเค้ามีปัญหากันหรอ” เมื่อซุบซิบกันเท่าไหร่ก็ไม่ได้คำตอบ ทุกคนจึงพุ่งเป้าไปหาขนมผิงนักศึกษาฝึกงาน ที่แทบจะตัวติดกับเจ้านายตลอดทันที และที่ทุกคนเลือกถามขนมผิง เพราะว่าเธอเป็นเด็กฝากของรัศมีแม่ของกลทีป์ ทุกคนในบริษัทต่างก็รู้กันดี แต่ไม่ได้พูดออกมาเท่านั้น
“ผิงก็ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ เหมือนว่าเค้าจะหย่ากันแล้วนะคะ” พูดจบก็เอามือทัดหู
“สาเหตุล่ะ เขาหย่ากันเพราะอะไร พี่ก็เห็นยังรักกันดีอยู่เลย หรือคุณองศามีบ้านเล็กหรอ”
“ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่”
“ถ้าไม่ใช่แล้วคืออะไรล่ะ พี่ก็คิดเหตุผลอื่นไม่ออกแล้วนะ”
“ไม่ใช่พี่องศา แต่เป็นผู้หญิงคนนั้นต่างหาก....”
“คือผิงได้ยินมาจากคุณป้าว่าเธอคนนั้นกลับมาแล้ว...”
“พี่องศาโอเคใช่ไหมคะ”
