13 ร่วมโต๊ะ
หลังจากพาสองน้าหลานเข้ามาในห้องแล้ว กลทีป์ก็เดินแนะนำห้องต่าง ๆ ก่อนจะพาธริกาไปพักห้องของเธอ ซึ่งเขาก็ไม่ได้ให้แม่บ้านมาทำความสะอาดไว้ แต่มันก็ไม่ได้สกปรกอะไรมาก เขาพูดบอกเธอว่าให้ทำความสะอาดเอาเอง ซึ่งเธอก็พยักหน้ารับ ไม่ได้โวยวายอะไร
“ขาดเหลืออะไรก็บอกแล้วกัน”
“ค่ะ” ในตอนนี้เขาอยู่กับเธอสองต่อสอง ส่วนเด็ก ๆ นั้นเล่นกันอยู่ที่ห้องนั่งเลย ไม่ได้เดินตามมาด้วย
“เรื่องวินเทอร์ฉันไม่รู้ว่าคุณคิดยังไง คิดอะไรอยู่ แต่ฉันอยากให้คุณเอ็นดูแก
ถ้าโกรธเกลียดอะไรฉัน ก็มาลงที่ฉัน หลานฉันไม่รู้เรื่องอะไรด้วย หวังว่าคุณวะมีวุฒิภาวะมากพอ แยกแยะอะไรได้นะคะ”
“ฉันจำเป็นต้องเอ็นดูลูกชู้ด้วยหรอ?”
“ลูกของคนที่ทำให้ครอบครัวฉันแตกแยก ทำให้ลูกชายฉันเกือบตาย ฉันจำเป็นต้องเอ็นดู?” จากที่กำลังจะเปิดประตูออกไปจากห้อง ก็ต้องเดินกลับเข้ามาหาเธอด้วยสายตาเรียบนิ่ง ซึ่งใบหน้าและสายตาของเขาทำให้เธอเดินถอยหลังหนีด้วยความรู้สึกกกลัว
“วินเทอร์ไม่ใช่ลูกสาวฉัน ฉันบอกไปแล้วไงคะว่าเป็นหลาน” เธอพยายามใจกล้าเถียงกลับเขาไป
“ฉันไม่ได้โง่นะหลิน ฉันไม่ใช่ไอโง่เหมือนเมื่อห้าปีก่อน ให้เธอหลอก ให้เธอสวมเขาให้อีกแล้ว”
“ก็ถ้าคุณเชื่อใจฉันสักนิด...ช่างมันเถอะค่ะ ฉันบอกว่าไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ ฉันไม่สนใจหรอกนะคะว่าคุณจะเชื่อว่ายังไง เพราะฉันพูดไปแล้ว คุณไม่เชื่อเอง”
“และถ้าคุณไม่อยากเสียใจทีหลังก็อย่าทำร้ายวินเทอร์ ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาอย่าหาว่าฉันไม่เตือน”
“คิดว่าฉันกลัว?” เขาเดินเข้ามาใกล้เธอมากขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้หลังเธอก็ชิดติดบานกระจกที่ต่อไประเบียงแล้ว
“ฉันไม่ได้ขู่ให้คุณกลัวค่ะ ฉันแค่อยากเตือนคุณไว้”
“เหอะ ฉันต้องขอบใจเธอสินะ ที่มาเตือน” มือหนายืนไปจับคางมนไว้
“แต่ไม่ว่ะหลิน” ก่อนจะสะบัดออก
“อย่าพึ่งกลัวไป นี่แค่เริ่มต้นสาวน้อย” เขาโน้มตัวมาพูดข้าง ๆ หูเธอ
“ในเมื่อฉันปล่อยเธอไป แต่เธอก็เลือกกลับเข้ามาวุ่นวายในชีวิตฉันกับลูก...เป็นฉันต่างหากที่ต้องเตือนเธอไว้ เพราะสิ่งที่เธอเคยทำไว้มันจะไม่จบไปง่าย ๆ เหมือนเมื่อห้าปีที่แล้วแน่ หึ” เขาดึงหน้าออกมา ก่อนจะแสยะยิ้มร้ายส่งให้เธอ แล้วเดินออกจากห้องไป และหลังจากประตูห้องปิดลงเธอก็ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นทันที
เหมือนจะเข้มแข็ง เหมือนจะทำใจได้ แต่พอต้องเผชิญหน้ากับเขา ทำไมเธอถึงได้รู้สึกอ่อนแอทุกที...ทำไมกัน
“เธอทำได้หลิน เธอไม่ได้ผิด เธอทำได้”
“อย่าลืมสิว่าในอดีตเขาใจร้ายกับเธอยังไง เขาต้องได้ลิ้มรสในสิ่งที่เขาเคยทำไว้กับเธอ” เธอพูดให้กำลังใจตัวเอง ก่อนจะออกไปเตรียมอาหารเย็นให้เขาเด็ก ๆ และเขา... แม้ไม่อยากทำให้เขาแต่มันก็เลี่ยงไม่ได้เลย ลูก ๆ อยู่ด้วยตลอด เธอไม่อยากเป็นคนไม่ดีในสายตาลูก
ระหว่างทานมื้อค่ำกันอยู่ ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเด็ก ๆ ที่พูดคุยกันมากกว่าผู้ใหญ่อย่างธริกาและกลทีป์ที่เลือกจะเงียบฟังเด็ก ๆ คุยกัน
“แม่วินเทอร์ทำกับข้าวอร่อยนะ...เอ่อแล้วก็คุณน้าด้วย ทำกับอาหารอร่อยมาก ๆ อร่อยอย่างนี้เลย” เกือบไปแล้วยัยวินเทอร์ที่ไปบอกว่าแม่ทำอาหารอร่อย หม่ามี๊เจรินทำกับข้าวอร่อยที่ไหนกันล่ะ ก็นะแม่ที่เธออยากหมายถึงคือแม่หลินคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เธอต่างหากล่ะ
“เหนืออยากชิมอาหารฝีมือแม่บ้างจัง”
“งั้นพรุ่งนี้แม่ทำให้ทานดีไหมครับ”
“ดีครับ”
“ถ้าพี่เหนือได้ชิม พี่เหนือจะติดใจ เพราะน้าหลินทำอาหารอร่อยมาก ๆ ”
“จริงหรอครับแม่” เห็นเด็กหญิงอวยขนาดนี้ น้ำเหนือก็อดหันไปถามแม่เพื่อความแน่ใจไม่ได้ แต่แม่ดันให้เขาถามพ่อซะงั้น
“ถามพ่อของลูกดูสิ ว่าอาหารฝีมือแม่อร่อยรึเปล่า” เรื่องอะไรเธอจะชมตัวเอง สู้ให้เขาชมมันจะไม่ดีกว่าหรอ อ้ออีกอย่างถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาชมเธอเรื่องกับข้าวจนเป็นเรื่องปกติ แต่ตอนนี้เธออยากรู้นักว่าหลังจากที่เขาเกลียดเธอแล้ว เขาจะฝืนใจชมเธอต่อหน้าลูกได้อยู่ไหม
“ก็ใช้ได้” กลทีป์ตอบเสียงเรียบ ก่อนจะแอบส่งสายตาหาเธอ เรื่องที่เธอหาเรื่องให้เขาต้องมาชมเธอต่อหน้าลูกแบบนี้ ซึ่งอาหารที่เธอทำมันก็ปฏิเสธไม่ได้แหละว่ามันไม่อร่อย
ทุกวันนี้ก็มีหลายครั้งที่เขาแอบคิดถึงกับข้าวฝีมือเธอ ในตอนที่ทำอาหารกินกับลูกชายสองคน บางครั้งมันก็แอบคิดว่าถ้าเธออยู่ด้วย ถ้าไม่เกิดเรื่องขึ้นลูกก็คงได้กินอาหารอร่อย ๆ อุดมไปด้วยประโยชน์มีโภชนาการ
ไม่ต้องมาฝืนกินกับข้าวที่พ่ออย่างเขาทำ อร่อยบ้าง ไม่อร่อยบ้าง หนักหน่อยก็กินไม่ได้เลย สุดท้ายก็จบด้วยการสั่งมากิน ไม่ก็ออกไปกินที่ร้าน แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นอย่างแรกมากกว่า เพราะเขากับลูกไม่ชอบคนเยอะ ไม่ชอบความวุ่นวาย
ทานข้าวเสร็จแล้วสี่ชีวิตก็ไปนั่งเล่นดูการ์ตูนกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่น ก่อนจะเป็นธริกาที่ขอตัวออกมาเก็บครัว ด้วยความรู้สึกอึดอัด ที่ต้องนั่งอยู่ข้างเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะเด็ก ๆ ไปนั่งใกล้กัน
ล้างจากไปสักพักก็ต้องสะดุ้ง เพราะอยู่ ๆ ก็มีคนมาสัมผัสที่เอว หันมองก็เห็นว่าเป็นเขาที่ยืนอยู่ข้างหลัง ทำให้เธอตัวแข็งทื่อทันที ก่อนจะรีบตั้งสติ
“ทำอะไรของคุณ”
“รำลึกความหลังไง”
“ความหลังบ้าบออะไรของคุณ ถอยไปนะ” พูดไปก็พยายามเบี่ยงคอหลบจากเขาที่พยายามโน้มหน้าเข้ามาซุกไซร้
“ไม่เอาน่า ของมันเคย ๆ อยู่แล้ว”
“หยาบคาย ปล่อยฉันนะ ไม่งั้นฉันร้อง ให้ลูกมาหาจริง ๆ ด้วย”
“เอาสิ ถ้าลูกมาจะได้เห็นพ่อแม่ยืนจูบกัน จะได้คิดว่าพ่อแม่ยังรักกันอยู่” เขาพูดอย่างท้าทาย เพราะไม่คิดว่าเธอจะกล้าทำ แต่เธอกลับทำมัน
“เหนือ...อื้อออ” ซึ่งเธอก็ไม่คิดเหมือนกันว่าเขาจะกล้าจูบเธอแบบนี้ เสียงหวานถูกกลืนหายไปกับรสจูบทันที ที่เธอพูดชื่อลูกชาย พร้อมกับร่างกายที่พยายามหันมาประท้วงกับเขา ในตอนนี้เธอยืนหันหน้าหาเขา ด้านหลังเป็นเคาท์เตอร์ครัว กำปั้นน้อย ๆ พยายามทุบอกเขา เพื่อให้เขาหยุด
แต่จูบเขามันช่างร้อนแรงเหลือเกิน จากที่ประทุษร้ายเขาอยู่กลายเป็นว่ามือเลื่อนไปจิกบ่าเขาแทนเสียอย่างงั้น
ก่อนจะถูกเขาผละจูบออก เมื่อเธอเริ่มคล้อยตามไปกับเขาบ้างแล้ว จากความรู้สึกส่วนลึกในใจที่พยายามเก็บซ่อนไว้แล้วถูกเขาปลุกขึ้นมา
ผละ
“หึ ยังใจง่ายเหมือนเดิมสินะ”
เพี้ยะ!
ทันทีที่ทำพูดใจร้ายออกจากปากเขาจบ หน้าเขาก็หันเพราะฝ่ามือเธอ
“คุณไม่มีสิทธิ์พูดกับฉันแบบนี้ เป็นคุณเองที่เริ่มก่อน เป็นคุณเองที่ไม่ยอมปล่อยฉัน”
“ก็จริง ของมันเคย ๆ กันอยู่แล้ว มันใช้เวลาปลุกไม่นาน” เขาพูดพร้อมกับแสยะยิ้มส่งให้เธอ
“ฉันเกลียดคุณ เกลียดคุณที่สุด คุณองศา จำคำของฉันเอาไว้ว่าฉันเกลียดคุณ” เธอออกแรงผลักเขาสุดแรง ใช้จังหวะที่เขากำลังอึ้ง ๆ กับสิ่งที่เธอพูด ก่อนจะรีบวิ่งหนีเขาไป
ส่วนองศา เขาไม่ได้เดินตามเธอไป แม้เขาเดินเร็ว ๆ เพียงไม่กี่ก้าวเขาก็ตามเธอทันแล้ว มือหนายกขึ้นลูบหน้าตัวเอง เขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงไปจูบเธอแบบนั้น เพียงเพราะเมื่อกี้เขาอยากจะสั่งสอนเธอ ไม่ให้เธอมาท้าทายเขาอีก ไม่ให้เธอล้อเล่นกับเขา เขาพูดจริงทำจริง แต่พอได้จูบกับเธอเขากลับควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ ไม่รู้ทำไม...
ทั้งในใจยังรู้สึกเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก กับสิ่งที่เธอพูดเมื่อครู่ มันเหมือนมีเข็มแหลม ๆ คอยทิ่มแทงหัวใจเขาอยู่
“ฉันเกลียดคุณ เกลียดคุณที่สุด คุณองศา จำคำของฉันเอาไว้ว่าฉันเกลียดคุณ”
“โธ่เว้ย!”
เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนทำให้เช้ามา จากที่ธริกาแทบจะไม่มองหน้ากลทีป์อยู่แล้ว ในตอนนี้เธอทำเหมือนเขาเป็นอากาศธาตุไปเลย เมื่อคืนลูกชายมาเคาะห้องขอให้เธอไปนอนด้วย เธอก็ยื่นคำขาด หากอยากนอนด้วยกันกับเธอต้องมานอนที่ห้องเธอเท่านั้น
แม้จะสงสารลูกชายที่ต้องมาตัดสินใจเลือกแบบนี้ แต่สาเหตุมันก็เพราะพ่อของลูกนั่นแหละ ที่ทำให้เธอรู้สึกไม่ปลอดภัย สุดท้ายลูกก็เลือกมานอนกอดเธอ มาให้เธอเล่านิทานให้ฟัง มาชวนเธอพูดถามนั่นถามนี่ เมื่อวานหากไม่นับที่มีเรื่องกับเขา
ถือว่าเป็นวันที่ดีวันหนึ่ง วันที่เธอได้นอนกอดทั้งลูกชายและลูกสาว
“ทำไมชุดนักเรียนเราเหมือนพี่เลยล่ะ” เสียงน้ำเหนือทักน้ำหนาวที่เดินออกมานั่งทานข้าวเช้าด้วยกัน
“คุณตาเป็นคนสมัครเรียนให้ค่ะ วินเทอร์ก็ไม่รู้เหมือนกัน” ก่อนมาที่นี่คุณตาจิรัฎฐ์ฎ์คอยถามเธอเสมอ ว่าเธออยากเรียนโรงเรียนแบบไหน อยากให้ที่โรงเรียนมีอะไรบ้าง ซึ่งเธอก็ตอบคุณตาไปเสมอเหมือนกันว่า อยากให้โรงเรียนมีพี่น้ำเหนือ
เธออยากเข้าใกล้พี่ชาย อยากเล่นกับพี่ชาย อยากสนิทกับพี่ชาย อยากให้พี่ชายเอ็นดู อยากให้พี่ชายปกป้อง ถ้าเธอมีคนมารังแก ถึงแม้ว่าก่อนหน้านั้นเธอจะปกป้องตัวเองได้อยู่แล้ว แต่การมีคนมาปกป้องมันก็ต้องดีกว่าอยู่แล้ว
อันที่จริงเธอยังไม่ต้องไปโรงเรียนก็ได้ เพราะเธอพึ่งมาถึง แต่เธอก็ไม่อยากอยู่บ้านเฉย ๆ ไปโรงเรียนดีกว่า อย่างน้อยก็ได้เจอพี่น้ำเหนือ
“โอเค พี่ว่าเรากินข้าวกันดีกว่าเดี๋ยวไปโรงเรียนสาย”
“แต่คุณแม่ยังไม่ได้อาบน้ำเลยนะคะ” น้ำหนาวพูดก่อนจะหันมองไปทางแม่ที่นั่งทานข้าวอยู่ข้าง ๆ
“เดี๋ยวเราไปเรียนพร้อมพี่ก็ได้ ถ้ามันจะสาย” น้ำเหนือตอบ ซึ่งสิ่งที่ลูกชายพูดธริกาก็ไม่ได้ขัดอะไร เพราะยังไงก็เรียนอยู่โรงเรียนเดียวกันอยู่แล้ว
“ให้น้องไปด้วยได้ไหมครับ”
“ได้สิ”
“ขอบคุณนะคะ” เด็กหญิงยิ้มรับ เธอเองก็สัมผัสความรู้สึกที่มีพ่อไปส่งโรงเรียนมันจะเป็นยังไง มันจะต่างจากที่คุณแม่ คุณตา หรือน้า ๆ เธอไปส่งไหม
สุดท้ายแล้ว ธริกาก็อาบน้ำไม่ทัน ทำให้สามพ่อลูกต้องไปกันก่อน ซึ่งการไปส่งลูกในวันนี้ทำให้กลทีป์ต้องเปลี่ยนรถ ปกติเขาจะคับรถซูปเปอร์คาร์ที่มีเพียงสองที่นั่งไปส่งลูกในทุกวันและไปทำงาน
แต่วันนี้เขาต้องเปลี่ยนมาเป็นอีกคันที่ ส่วนเด็ก ๆ ก็ให้นั่งข้างหลัง พอเว้นว่างเบาะนั่งข้างคนขับไว้แบบนี้ มันเหมือนคนขับรถยังไงไม่รู้แหะ
“คุณลุงสวัสดีค่ะ”
“พ่อสวัสดีครับ”
ก่อนลงจากรถเด็ก ๆ ก็กล่าวสวัสดีคนที่มาส่งตัวเองอย่างมีมารยาท ก่อนจะเดินเคียงคู่กันเข้าโรงเรียนไป กลทีป์มองตามจนเห็นครูพี่เลี้ยงมารับลูกแล้ว เขาจึงขับรถออกไป
