Ep4 เริ่มแผนการ
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่หญิงสาวดูตื่นเต้นเป็นพิเศษ ที่ตื่นเต้นมากไม่ใช่เพราะอะไร เพราะจังหวัดที่จะไป อรณิชา เพื่อนรักอีกคนของเธอต่างทำงานอยู่ที่นั่น ถ้าหากพอจะมีเวลาก็อยากจะเจอยัยอรสักครั้ง ตั้งแต่แยกย้ายกันทำงาน ทุกคนต่างก็แทบไม่มีเวลามาเจอกันสักเท่าไหร่ อรณิชาก็เป็นหญิงสาวหน้าตาถือว่าดีอีกคนหนึ่ง นอกจากอรณิชาแล้ว ก็มีกานต์สินีนี่แหละที่เป็นเพื่อนรักอีกคน รายนี้ดีหน่อยที่ทำงานไม่ไกลกันมากเท่าไหร่ หญิงสาวอยู่ในตัวกรุงเทพ ส่วนกานต์สินีอยู่ปริมณฑล เดินทางด้วยรถไฟฟ้าไม่กี่นาทีก็ถึง
ร่างระหงกับชุดทะมัดทะแมงพร้อมออกพื้นที่กับกระเป๋าลากไซซ์ 24 สีชมพูคู่ใจของเธอ หญิงสาวมาถึงบริษัทตั้งแต่ช่วงแปดโมงครึ่ง
“ว้าวพิมพ์ แต่งตัวแบบนี้น่ารักเหมือนตุ๊กตาเลย นี่นะพวกพี่ๆ ที่แผนกอิจฉาพิมพ์กันใหญ่ที่ได้ออกพื้นที่กับบอส”
“ทำไมหรอนีน่า?”
“ก็คงเพราะยังไม่มีใครเคยได้ออกไปหน้างานกับบอสละมั้ง พิมพ์โชคดีสุดๆ”
“…..” พิมพ์นาราก็เอาแต่ยิ้มตามสไตล์ของเธอ ก่อนจะกระชับหมวกไนกี้สีชมพูที่ดูเข้าเซตกับกระเป๋าหนังสะพายข้าง หญิงสาวในชุดลำลองสีครีม ดูแล้วสบายตากับผมที่ปล่อยยาวจนถึงกลางหลัง ครั้งนี้เธอไม่ได้แต่งแบบสาวออฟฟิศ เพราะเตรียมตัวจะลงพื้นที่
“อ้าวน้องพิมพ์ มาแล้วหรอครับ” เสียงภควินเอ่ยทักเมื่อเห็นว่าอีกคนเตรียมพร้อมแล้ว
“ค่ะคุณวิน” หญิงสาวยกข้อมือมองดูนาฬิกาสมาร์ทวอชของตนเองเพื่อดูเวลาคร่าวๆ
“นั่นไงครับ บอสมาละ” เสียงภควินเอ่ย
หญิงสาวหันมองรถที่จะออกเดินทาง ชายหนุ่มขับรสปอร์ตสองที่นั่งคันหรูมา ก่อนที่เธอจะหันไปมองภควินเชิงคำถาม
“เอ่อ … คุณวินไม่ได้ไปด้วยกันหรอคะ?”
“ไม่ครับ พอดีผมต้องดูงานที่นี่ แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ ที่ขอนแก่นสุวัฒน์ก็อยู่ครับ รายนั้นเขาเดินทางล่วงหน้าไปหลายวันละ”
หญิงสาวทำหน้างงๆ เพราะไม่คุ้นเคยกับชื่อนี้สักเท่าไหร่
“อ้อ .. สุวัฒน์คือเพื่อนที่ถือหุ้นอีกคนน่ะครับ เขาเป็นเพื่อนผมกับบอสธีรากรแหน่ะ”
“อ๋อ .. ค่ะ”
ชายหนุ่มที่พึ่งขับรถมาถึงก็จอดให้สนิท ก่อนจะก้าวลงจากรถ เขามองหญิงสาวเพียงเล็กน้อยเพื่อไม่ให้เป็นที่จับสังเกตแก่พนักงานคนอื่นๆ
“เห็นว่าไปแค่สองคน เลยเอาคันนี้ไปน่ะ อีกอย่างจะได้มีรถไว้ใช้ ขี้เกียจไปเช่าที่นั่น” เขาเอ่ยบอกเหตุผลออกไป
หญิงสาวมองดูชายหนุ่มที่วันนี้มาในชุดแบบวัยรุ่น เขาใส่กางเกงยีนสีดำกับรองเท้าหนังดูดี เข้ากับเสื้อหนังตัวสีดำพร้อมกับรถสปอร์ตสีดำด้านคันหรูของเขา เธอมองเพราะดูตัวเองแต่งตัวมาสี สีชมพูพิ้งค์โกลด์ทั้งหมวก กระเป๋า และรองเท้า ก่อนที่เธอจะลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่อย่างยากลำบาก
“เดี๋ยวพี่เอากระเป๋าไปเก็บให้นะครับ”
ทันทีที่ภควินเอ่ย ธีรากรก็ทำสายตาไม่ชอบใจเท่าใดนัก
‘หึ!! พี่งั้นหรอวะ ไอ้ห่า ‘
ภควินนำกระเป๋าของหญิงสาวไปเก็บ ตามด้วยเปิดประตูให้เธอ ก่อนจะเอ่ยบอกกับคนขับกิตติมศักดิ์ว่า
“ขับรถดีๆ นะครับบอส อย่าพาคุณหนูซิ่งล่ะ”
“อืมม …”
ภควินแอบแค่นหัวเราะกับการแต่งกายที่ไม่ค่อยจะเข้ากันสักเท่าไหร่ของคนทั้งคู่
ระหว่างทางจากกรุงเทพไปขอนแก่น ใช้เวลาเดินทางราวๆ 5-6 ชั่วโมงได้ แล้วแต่ความเร็วในการขับ ครั้งนี้ชายหนุ่มเลือกเอารถคันหรูดูดีพาเธอนั่ง เพราะเขาจำได้ว่าเธอชอบอะไรที่มันหรู ดูแพง ชั่วโมงแรกทั้งคู่ต่างไม่มีบทสนทนาใดๆ ระหว่างกัน เพราะต่างคนต่างก็ยังไม่คุ้นชินและต่างรู้สึกอึดอัด ส่วนธีรากร ก็จับพวงมาลัยไว้แน่น เขาพยายามควบคุมสติ เพราะทุกครั้งที่อยู่ใกล้เธอเขาต่างรู้สึกเคียดแค้นชิงชังแต่ต้องแสร้งทำดีด้วย มันยากที่คนเราจะฝืนใจ แต่แล้วหญิงสาวที่เริ่มทนไม่ไหวและก็เริ่มมีท่าทีอึกอัก เธอลอบแอบชำเลืองมองใบหน้าคมเข้มของคนขับอยู่หลายต่อหลายครั้ง
“อยากเข้าห้องน้ำมั้ยครับ? ”
ในที่สุดเขาก็เป็นฝ่ายถามเธอออกมา
“ก็ดีเหมือนกันค่ะ” หญิงสาวรีบตอบออกไปในทันที นี่เป็นบทสนทนาแรกก็ว่าได้ เธอรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องแปลกๆ ใจก็เต้นแรงผิดจังหวะ แต่ก็พอรู้ได้ว่านี่คืออาการตื่นเต้น ไม่ได้กระทบต่อสุขภาพหัวใจแต่อย่างใด ไม่นานนัก ธีรากร ก็จอดแวะที่ปั้ม เขามองดูหญิงสาวก้าวลงจากรถด้วยความระมัดระวังโดยกลัวว่ารองเท้าผ้าใบที่เธอใส่อยู่ จะไปทำรถคันหรูของเขาเปื้อน ท่าทางระมัดระวังของเธอ ทำให้เขาหลุดขำ ก่อนจะรู้สึกหงุดหงิดตัวเองชะมัด
เมื่อลงจากรถได้ หญิงสาวก็เล่นสูดเอาออกซิเจนเข้าปอดไปฟอดใหญ่ก่อนจะไปเข้าห้องน้ำ เมื่อล้างไม้ล้างมือเสร็จเธอก็เดินไปที่ร้านสะดวกซื้อ ซื้อเพียงน้ำเปล่ามาด้วยสองขวด ใจจริงก็แอบหิวนิดๆ อยู่แหละ เพราะตอนนี้ใกล้จะเที่ยงแล้ว ทันทีที่เดินมาที่รถก็ต้องหยุดคอยใครอีกคน เมื่อเห็นว่าประตูรถถูกล็อกเอาไว้ ไม่นานนักคนตัวสูงก็เดินกลับมา เขาเดินเข้ามาใกล้ๆ จนในที่สุดหญิงสาวก็ได้ยินเสียงประตูปลดล็อก
จุ๊ด จุ๊ด …
“อุ้ย สวยหล่อ รวย ครบ จบที่เดียว”
เธอได้ยินเสียงสองสาวเอ่ยถึงเธอกับคนที่กำลังเดินมา หญิงสาวเม้มปากไว้แน่น มันจะเป็นไปได้อย่างไร นั่นเจ้านายของเธอเชียวนะ แต่พอได้ยินดังนั้นก็อดคิดตามไม่ได้ ยอมรับว่าเจ้านายของเธอดูดีจริงๆ เก่ง หล่อ และรวย คนที่เจียมเนื้อเจียมตัวอย่างเธอ ต่างรู้สถานะของตัวเองดี หญิงสาวพยายามดึงสติของตัวเองกลับมาเพื่อไม่ให้คิดฟุ้งซ่าน
“หิวมั้ย? ” เขาเอ่ยถามเธอทันทีที่เดินมาถึง หญิงสาวเพียงแค่ยิ้มและพยักหน้าตอบน้อยๆ
เขารู้สึกไม่ชอบกับท่าทางเจี๋ยมเจี้ยมของเธอสักเท่าไหร่ มันดูปลอม และตอแหลสิ้นดี ก่อนที่ชายหนุ่มจะแอบยกยิ้มที่มุมปาก
จนในที่สุดทั้งคู่ก็เริ่มออกเดินทางกันอีกครั้ง
“ทำไมไม่หาขนมปังหรือไส้กรอกมาทานรองท้อง”
“เอ่อ… พิมพ์กลัวว่ารถคุณรามจะเหม็นน่ะค่ะ”
อยากจะเชื่อเลย เขาพึมพำในใจ
“ฉันไม่ได้ถือขนาดนั้น ก็แค่สิ่งของนอกกาย มีได้ หมดได้ ต่างจากใจคน ที่…” เขาหันมามองหญิงสาว ก่อนที่เธอจะมองเขากลับและรอฟังว่าเขาจะพูดอะไรต่อ แต่เมื่อเขาไม่พูดเธอก็ไม่ได้ถามอะไร ชายหนุ่มจึงเฉคุยเรื่องอื่น
“ร้านที่เราจะไปกินน่าจะอีกเกือบๆ ครึ่งชั่วโมง เป็นร้านฟิวชั่น อีสานผสมผสานกับยุโรป คุณพิมพ์พอจะทานได้มั้ย?”
“พิมพ์ทานได้ค่ะ ทานได้หมดเลย” แต่เธอเลือกที่จะไม่บอกเขาตามตรงว่าเธอทานเผ็ดมากไม่ได้
ระหว่างทางชายหนุ่มก็เริ่มถามนั่นถามนี่ จนเธอเริ่มรู้สึกผ่อนคลายกว่าครั้งแรกๆ เวลาที่เขาน่ารักก็น่ารักดีเหมือนกัน เป็นกันเอง สบายๆ
“ทำไมคุณพิมพ์ถึงเลือกมาทำงานที่นี่ล่ะครับ? ” ใบหน้ายังคงมองตรงที่ถนนทั้งที่ปากเอ่ยถาม
‘ถ้าจะตอบไปตามตรงว่าเพราะเงินเดือนเยอะ จะน่าเกลียดไปไหมนะ ‘แต่มันก็คือความจริงนี่นา
“ก็… เงินเดือนเยอะด้วยค่ะ พิมพ์อยากจะลองทำงานกับผู้คนใหม่ๆ ด้วยค่ะ”
นั่นไง ว่าแล้วเชียว ผู้หญิงคนนี้ยังไงก็เงิน เขาแอบแสยะยิ้ม ก่อนจะพูดต่อ
“วิธีหาเงินมีหลายแบบนะครับ จริงๆ ผมก็ดูแลน้องๆ อยู่หลายคน”
หญิงสาวทำหน้าตาสงสัย
“ผมหมายถึงเด็กๆ หน่ะครับ แบบคบกัน เลี้ยงดูอะไรประมาณนี้ แต่ถ้ามีแฟนเป็นตัวเป็นตนก็คิดว่าคงจะเลิก แต่พอดีไม่มี ก็เลยยังมีเด็กๆ อยู่”
‘ทำไมต้องมาบอกเราด้วยนะ คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง’
“อะ … อ่อ …. ค่ะ - -” เธอยิ้มแหยๆ
“แล้วคุณพิมพ์ล่ะครับ เคยมีแฟนรึเปล่า?”
‘นี่ต้องถามเราอีกหรอเนี่ย’ หญิงสาวอึกอักอยู่ครู่ใหญ่
“พะ…พิมพ์ไม่เคยมีแฟนค่ะ”
“อ้อ … ครับ …” หึ ตลกเป็นบ้า
บรื้นนนน …..
พอได้ฟังดังนั้นเขาก็โมโหสุดขีด ผู้หญิงอะไรหน้าด้าน ไม่เคยมีแฟนงั้นหรอ งั้นที่คบมาห้าปี คบกับหมารึไงวะ มือก็กำพวงมาลัยแน่น เท้าก็เหยียบคันเร่งจนเกินความเร็วที่กฎหมายกำหนด
“คุณรามคะ … ช่วยขับช้าๆ หน่อยได้มั้ยคะ” หญิงสาวเริ่มรู้สึกไม่ดี เธอเริ่มหน้าซีดปากสั่นมือจับเบาะไว้แน่นหลับตาปี๋ ธีรากรหันมาเห็นสภาพหน้าซีดๆ ของเธอ เขาจึงยอมถอนคันเร่งออก
หึ!! กฃัวตายสินะ!!
“ขอโทษที เมื่อกี้เผลอกดคันเร่งแซงและขับเร็วไปหน่อย”
แม้ว่าชายหนุ่มจะไม่ชอบใจสักเท่าไหร่กับท่าทางน่าสงสารของเธอ แต่เขาก็เชื่อว่าผู้หญิงคนนี้ทำได้ทุกอย่างเพียงเพื่อให้ตัวเองดูน่าสงสารและดูอ่อนแอ ธาตุแท้ของเธอ ฉันเห็นมาหมดแล้ว พิมพ์นารา!!
สักพักรถสปอร์ตคันหรูสีดำด้านก็จอดลงตรงร้านอาหารอีสาน แนวฟิวชั่นที่เขาเคยเกริ่นก่อนหน้า ตอนนี้เกือบจะเข้าตัวโคราช เขาเลยพาเธอแวะทานมื้อเที่ยง ที่เกือบบ่าย
หญิงสาวเดินลงจากรถไปพร้อมกันกับเขา เธอหยิบหมวกแก๊ปไนกี้สีชมพูที่เข้ากับสีของรองเท้าผ้าใบ ก่อนจะเดินตามเขาลงไป ทั้งคู่เลือกนั่งชั้นบนที่เป็นโซนมองเห็นวิวรอบๆ มันสวยดูดีทีเดียวเลยแหละ
“สวัสดีค่ะ มาสองท่านนะคะ”
ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆ พยักหน้าให้ ก่อนที่เมนูอาหารจะถูกวางลง
“ทานอะไรดีครับ?”
“เอ่อ …” หญิงสาวเลือกเปิดดูเมนู มันมีแต่เมนูแซ่บๆ พริกๆ ก่อนที่เธอจะจิ้มชี้เอาเมนูคอหมูย่าง กับข้าวสวย เมื่อชายหนุ่มเห็นดังนั้นจึงจัดการสั่งมันเองซะหมด
“เอาไก่ย่างหนึ่งตัว น้ำตกหมู” เขาชะงักไปนิดๆ แต่จำได้ว่าเธอเคยบอกเขาว่าเธอทานเผ็ด ชายหนุ่มจึงตัดสินใจสั่งเมนูต่อไปต่อ “เอาตำ..” เขาชะงักไปอีกครู่ เพราะจำได้ว่าเธอทานปลาร้าได้ “เอาส้มตำปลาร้า เมนูผักลวกน้ำพริก ข้าวเหนียวสอง น้ำเปล่าสอง ปลาเผาหนึ่งตัว”
หญิงสาวลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ดูท่าเขาน่าจะหิวและกินจุน่าดู ไม่นานนักเมนูทุกอย่างก็มาวางกองตรงหน้า มันน่าทานนะ แต่ติดที่เธอไม่ทานปลาร้าและทานเผ็ดมากไม่ได้ ไม่ใช่คุณหนูหรืออะไรหรอก แต่มันไม่ดีต่อสุขภาพคุณหมอสั่งห้ามตั้งแต่เด็ก และมารดาของเธอก็กำชับนักกำชับหนาว่าไม่ให้ทาน
เขามองดูหญิงสาวที่เลือกทานแค่คอหมูย่าง ไก่ย่าง และปลาเผา โดยคอหมูย่างที่เธอทานเธอแทบไม่แตะน้ำจิ้มเลย
อย่าบอกนะว่าไม่กินเผ็ด ตลกชะมัด!!
“คุณพิมพ์ไม่ทานเผ็ดหรอครับ?”
เขาจะหาว่าเราเรื่องมากไหมนะ
“ทานได้ค่ะ พอดีว่าพิมพ์…” เธอตัดสินใจจ้วงช้อนเข้าที่เมนูส้มตำปลาร้า ก่อนจะค่อยๆ วางมันลงที่จาน ด้วยกลัวคนอื่นคิดว่าเธอรังเกียจหรือเรื่องมาก
“ผมไม่ได้ว่าอะไร ก็แค่ถามดู ผมเองที่ไม่ถามคุณพิมพ์ก่อน ดูสิสั่งเมนูเผ็ดๆ มาตั้งเยอะ”
“จริงๆ พิมพ์ทานเผ็ดได้นิดหน่อยค่ะ”
ตลก!! นี่ไม่รู้จักแค่ห้าปีกระแดะไม่ทานเผ็ดซะแล้ว
“อ้อ … ครับ” ชายหนุ่มผงกหัวก่อนจะจ้วงข้าวเหนียวด้วยส้อมทานต่อ เขาแอบมองทุกอากัปกิริยาของเธอ เขามองดูเธอที่กำลังฝืนทานส้มตำ แล้วก็รีบยกขวดน้ำขึ้นมาดูด ถ้าแกล้งก็คงจะเนียนเกินไป เพราะตอนนี้ใบหน้าซีดขาวของเธอมันเริ่มแดงก่ำด้วยเลือดฝาด บ่งบอกได้ว่าอาการนี้คือเผ็ดจริงๆ
ข้อความ (เมื่อสิบปีที่แล้ว)
พิมพ์ : พิมพ์ชอบทานเผ็ดค่ะ
ราม : พี่จะจำเอาไว้ครับ ว่าพิมพ์ชอบหรือไม่ชอบ
แบบไหน
แต่แล้วความคิดนั้นก็ถูกทำลายลง เมื่อเสียงของเด็กเสิร์ฟมาคิดเงิน
“เมื่อกี้เรียกเช็กบิลใช่ไหมคะ?”
“ครับ ใช่ครับ”
ทานเสร็จทั้งคู่ก็เริ่มออกเดินทางต่อ
…. ขอนแก่น ….
