Ep3 เริ่มงานวันแรก
Three Estate Group
บริษัทอสังหารายใหญ่ของประเทศกับตึก 40 ชั้น พนักงานอีกหลายพันคน ที่นี่ไม่เพียงแค่เป็นบริษัทในเครืออสังหา แต่มีทั้ง นำเข้า ส่งออก กระจายสินค้า พนักงานจึงมีจำนวนมาก ด้วยความน่าทึ่งของหนุ่มวัยเพียง 30 กับการเติบโตแบบก้าวกระโดด นักลงทุนทั้งในและนอกต่างพากันอยากร่วมงานกับเขา ผู้ชายที่ได้ชื่อว่า
“ราม (ธีรากร โชติอภิวัฒน์) ”
“อุ๊ย!! ขอโทษค่ะ” ด้วยความเร่งรีบจึงทำให้หญิงสาวเดินชนกับร่างนุ่มนิ่มเข้า
“อ้าว พิมพ์!!”
“นีน่า!! นี่นีน่าก็ผ่านสัมภาษณ์เหมือนกันหรอ? ”
“ใช่สิ ดีจังที่พิมพ์ก็ผ่าน จริงๆ นะวันนั้นที่ไปสัมภาษณ์บริษัทที่สอง นีน่าก็ไปเผื่อเลือกไปงั้นแหละ กลัวที่นี่ไม่ได้ แต่พอรู้ว่าที่นี่ผ่าน แทบจะกรี๊ดดด กรี๊ดอะไรรู้มะ กรี๊ดบอสหล่อ ฮ่าๆ ”
คนฟังได้แต่อมยิ้มส่ายหน้าไปมา สองสาวที่รีบเดินจ้ำอ้าวเพื่อไปรับบัตรและทำการสแกนลายนิ้วมือต่างๆ ต่างก็เร่งทำเวลา
“ที่นี่ใหญ่เป็นบ้าเลย พิมพ์ว่าป่ะ ใครจะรู้ล่ะว่าบอสจะอายุแค่สามสิบ”
“หือ…นีน่ารู้ได้ไง? …”
“วงในบอกมาแหนะ เห็นงี้เราก็มีเส้นสายนะ”
หญิงสาวเอาแต่ยิ้มขำกับคำพูดของเพื่อนใหม่
“ทำไมพิมพ์พูดน้อยจัง นี่จบเกียรตินิยม เศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศมาจริงๆ ป่ะเนี่ย!!”
“จบจริงสิ นี่พิมพ์พูดเยอะแล้วนะนีน่า”
“ใช่มั้ยล่ะ เด็กเกียรตินิยม”
“ตายจริงนีน่า นี่พิมพ์ชักจะเชื่อแล้วสิว่ามีวงในจริงๆ นี่นาน่ารู้ด้วยว่าเราจบอะไร”
“เปล่าหรอก วันนั้นแอบเห็นที่แฟ้มตอนที่พิมพ์ถือแหนะ”
“ว่าแล้วเชียว”
ทันใดนั้นเองก็มีเสียงหนึ่งเอ่ยทักขึ้น
“หวัดดีครับสาวๆ ” เสียงของภควินเอ่ยทักทายสองสาวที่อายุรุ่นราวน่าจะเท่าๆ กันของคนทั้งคู่ เขาไม่ได้มีอคติกับ
พิมพ์นาราแต่อย่างใด แต่ที่ไม่ชอบก็เพราะกลัวว่าเพื่อนของตัวเองจะสาหัสสากันอีก
“สวัสดีค่ะคุณ
วิน” สองสาวเอ่ยทักชายหนุ่มขึ้นพร้อมๆ กัน
“งั้นตามสบายเลยนะครับ เดี๋ยวผมขอตัวก่อน”
เขาแอบลอบมองสีหน้าสดใสของพิมพ์นารา ก็ไม่แปลกที่ไอ้รามมันเคยหลงจนหัวปักหัวปำขนาดนั้น ยอมรับว่าเธอสวยดูดีสวยมาก สวยกว่าในรูปเป็นไหนๆ คิดแล้วก็สลัดหัวไล่ความคิดบ้าๆ นี้ออก
เมื่อห้าคนที่สัมภาษณ์ผ่านต่างเดินดูโซนนั้นโซนนี้เฉพาะหน้าที่ ที่ตนได้รับ ด้วยการแนะนำของญา หญิงสาววัยสี่สิบที่มากด้วยประสบการณ์ เธอเป็นที่ปรึกษาให้กับ ราม ธีรากร อีกทั้งเป็นทั้งฝ่ายกฎหมายและฝ่ายบุคคลของบริษัท ทุกคนต่างแนะนำตัวและทำความรู้จักกันมาบ้างแล้ว
“อ้อ น้องพิมพ์จ๊ะ เดี๋ยวน้องพิมพ์เข้าพบบอสด้วยนะจ๊ะ พอดีบอสจะคุยเรื่องโลจิสติกน่ะจ้ะ”
“ตอนนี้ไหมคะพี่ญา?”
“ใช่จ้ะตอนนี้เลย จำได้แล้วน้อ บอสอยู่ชั้น 24 ห้องใหญ่ซ้ายมือสุด”
“ทราบแล้วค่ะ”
“อะไรกันคะพี่ญา บอสไม่เรียกนีน่าด้วยหรอคะ?”
“ยังจ้ะ ไว้บอสเรียกเมื่อไหร่พี่จะมาบอกนะ ไปได้ละแยกย้ายทำงาน”
“ค่า…” นีน่าสาวสวยอีกคนเอ่ยตอบอย่างเซ็งๆ
ด้วยความน่ารักเป็นกันเองของทุกคน ทำให้ทุกคนที่นี่ต่างเรียนรู้งานได้ไวแล้วเข้ากันได้ง่าย หญิงสาวที่พึ่งมาใหม่ก็ดูเหมือนว่าจะแอบเข้าตาใครหลายคน ไม่นานนักคนที่อยู่ในลิฟต์ต่างก็หัวใจเต้นตึกตักเมื่อรู้ว่าตนเองต้องไปเจอเขา ละแล้วลิฟต์ก็ถูกเปิดออก
ติ๊ง …
กรึบ …
กรึบ …
หญิงสาวหยุดตรงหน้าห้องใหญ่ของผู้บริหารหน้าหล่อคนนั้น เพียงแค่คิดเธอกลับรู้สึกใจสั่นแปลกๆ หญิงสาวกับผู้ที่ผ่านเรื่องราวชีวิตแบบคนธรรมดาๆ ทั่วไป ไม่เคยรัก ไม่รู้จักคำว่ารัก และไม่เคยมีผู้ชายคนใดได้แง้มหัวใจของเธอเข้ามาแม้สักครั้ง
‘เป็นบ้าอะไรไปเนี่ยยัยพิมพ์’
ก๊อกๆ …
สักพักประตูก็ถูกเปิดออกโดยอัตโนมัติ
“ขออนุญาตค่ะ”
เสียงหวานใสที่ไม่คุ้นเคย ปกติแล้วห้าปีที่พวกเขาคบกันส่วนมากจะคุยกันผ่านการพิมพ์เสียมากกว่า นี่ก็งงกับความสัมพันธ์ที่ว่า แต่มันมีอยู่จริงนะ คนที่แค่พิมพ์คุยกัน แต่กลับรักจนสุดหัวใจ ทุ่มเทแทบหมดหน้าตัก ก็ดี การที่เธอทำเป็นจำเขาไม่ได้ มันก็ดี งั้นก็จะเริ่มแผนการใหม่ได้ง่ายโดยไม่ต้องลังเล
“เข้ามา” ชายหนุ่มเอ่ยเพียงคำพูดสั้นๆ
เป็นอีกครั้งที่คนทั้งคู่ได้สบตากัน เขามองหญิงสาวที่แสดงออกว่าใสซื่อราวกับคนไม่ประสีประสาอะไร หึ น่าขันชะมัด ผู้หญิงอะไรตีหน้าตายได้อย่างแนบเนียน
“พอดีวันนี้เรามีนัดคุยงาน ผมเห็นว่าคุณมีประสบการณ์มาบ้างแล้ว ฉะนั้นผมจึงเลือกคุณมาเป็นผู้ช่วย อีกอย่างผมพึ่งกลับมารับงานที่นี่ ยังไม่คุ้นผู้คนและสถานที่ ผมหวังว่าคุณพิมพ์นาราคงทำมันออกมาได้ดีกว่าผม เรียกผมว่ารามแล้วกันนะครับ”
‘ชื่อรามอย่างนั้นหรอ’
“ค่ะ คุณรามเรียกพิมพ์ว่าพิมพ์ก็ได้ค่ะ”
ผู้หญิงอะไรตีหน้าตายได้เก่งชะมัด แต่ว่าเสียใจ ครั้งนี้ฉันจะไม่ยอมให้เธอมาจูงจมูกได้อีก ร่างสูงที่นั่งอยู่แอบกำมือที่ถูกโต๊ะตัวหนาบังอยู่ เขากำมันแน่นจนตัวแทบสั่น เขาไม่ได้เสียใจที่เคยทุ่มเทเงินทองให้เธอไป แต่เสียใจในตอนที่ถูกบอกเลิก การที่หญิงสาวพิมพ์มาบอกเขาว่าเจอคนที่ดีกว่า รวยกว่า และห้ามมาข้องแวะกับเธออีก พร้อมกันนั้นยังส่งรูปภาพรถสปอร์ตคันหรูมาเย้ยหยัน นี่แหละที่เขาเจ็บใจเป็นที่สุด พอนึกมาถึงตอนนี้ทีไรสีหน้าของเขาก็เริ่มแดงก่ำ สั่นเทาด้วยความโกรธ ตัวเขาเริ่มสั่นเทิ้มขึ้นเรื่อยๆ จนร่างหนาควบคุมตัวเองไว้ไม่อยู่
“คุณรามคะ!!”
หญิงสาวเอ่ยเรียกชื่อเขาด้วยความตกใจ เพราะคิดว่าเขาคงมีโรคประจำตัวที่บอกใครไม่ได้ เพราะเธอเองเจอกับโรคภัยมาตั้งแต่เด็ก เลยพอจะดูอาการนี้ออก ‘ทำไงดีล่ะพิมพ์ ทำไงดี’
“ผมโอเค” เขาทำมือขึ้นห้ามเธอ
แต่เมื่อหญิงสาวเห็นว่าเขาเริ่มมีอาการตัวสั่นมากเข้าๆ เธอจึงลุกขึ้นอย่างถือวิสาสะ
พล้วดดด!!
เธอเดินอ้อมมาด้านหลังโต๊ะผู้บริหารที่เขานั่งอยู่ ก่อนจะใช้ปลายนิ้วชี้กับนิ้วกลางมาตรวจชีพจรที่คอตรงเส้นเลือดใหญ่ เธอนับจำนวนครั้งของชีพจรภายใน 15 วินาทีและคูณด้วย 4 เพื่อคำนวณอัตราการเต้นของหัวใจต่อนาที เพราะความขี้โรคเธอจึงพอรู้วิธีการตรวจเช็คชีพจรเบื้องต้นมาบ้าง
“ทำอะไร …” เขาสบตาเธออย่างคนเอาเรื่อง
“พิมพ์ขอโทษค่ะ แต่ตอนนี้อาการของคุณดูไม่ดีเลย คุณรามสะดวกไปนอนตรงโซฟาตรงโน้นไหมคะ?” หญิงสาวชี้มือไปทางโซฟาหนังสีดำตัวใหญ่ที่ถูกวางเอาไว้ตรงมุมห้อง
ชายหนุ่มทำแค่พยักหน้า ก่อนจะให้หญิงสาวพยุงร่างหนาของตัวเองไปอีกมุมด้านใน มันมีโซฟา และที่นอนหรูสำหรับผู้บริหาร เขาชี้มือไปด้านใน หญิงสาวจึงถือวิสาสะเดินไปเปิดประตูออกก่อน ก่อนจะพาร่างสูงกว่า 190 เข้าไปด้านในอย่างทุลักทุเล กลิ่นกายหอมๆ ของหญิงสาวที่น่าจะมาจากกลิ่นแป้งเด็ก กลิ่นนี้ไม่มีน้ำหอมปรุงแต่งแต่อย่างใด ตอนนี้ร่างของทั้งคู่ต่างแนบชิดสนิทกันแทบไม่มีช่องว่าง เขามองดูหญิงสาวทุกๆ การกระทำ ใบหน้ารูปไข่ขาวใสชวนมองมีเลือดฝาดตรงแก้มนิดๆ แน่นอนว่ามันพึ่งจะเกิดขึ้นเป็นแน่ เพราะก่อนหน้านี้เขาไม่เห็นสีชมพูระเรื่อของแก้มนวล ที่แก้มเธอแดงขึ้นนี่น่าจะมาจากที่พวกเขาใกล้ชิดกันจนทำให้หญิงสาวรู้สึกเขินอาย เมื่อเห็นว่าเธอหันมา ทั้งคู่จึงเผลอสบตากันอีกรอบ พวกเขาจ้องมองกันราวๆ นาทีได้ ก่อนที่ทั้งสองจะเบนสายตาเฉมองไปทางอื่น
“คุณรามนอนราบก่อนนะคะ พิมพ์ขออนุญาตถอดเนกไทออกนะคะ” เธอยังไม่รอคำอนุญาตจากเขา ก็ถือวิสาสะอีกระรอก ถอดมันออกในทันที ก่อนจะปลดกระดุมเสื้อออกอีกสองเม็ด ตามมาด้วยถอดรองเท้าและถุงเท้าตามลำดับ แม้ว่าภาพที่เห็นตรงหน้าเธอจะพยายามทำดีกับเขาสักแค่ไหน แน่นอนเขารู้ว่าเธอเสแสร้ง และแกล้งทำ
เห็นฉันมีตังค์น่ะสินะ หึ … ตลกสิ้นดี!!
“ขอบคุณ …” เขาเอ่ยเพียงเพราะมารยาทเท่านั้น
เธอเพียงแค่หันมายิ้มให้เขาหน่อยๆ ก่อนจะเดินออกไปหยิบเอาผ้าเย็นและน้ำเปล่าอุณหภูมิห้องเข้ามาด้วยหนึ่งแก้ว
“คอแห้งไหมคะ ถ้าคอแห้งแค่จิบน้ำก็พอนะคะ ส่วนนี่ผ้าเย็นค่ะ เผื่อคุณรามจะสดชื่นขึ้น มีอะไรเรียกพิมพ์ด้านเลยนะคะเดี๋ยวพิมพ์นั่งรอด้านหน้าค่ะ คุณรามรู้สึกดีขึ้นค่อยคุยงานกันต่อก็ได้ค่ะ” หญิงสาวเอ่ยบอกกับเขา
“เดี๋ยวสิพิมพ์!!”
“ค… คะ!!” หญิงสาวที่กำลังจะเดินออกไปถึงกับต้องเอี้ยวตัวหันกลับมามองตามเสียงเรียกในทันที
ฉันละเกลียดท่าทีใสซื่อของเธอนัก แม้ชายหนุ่มจะคิดแบบนั้นแต่ในใจลึกๆ กลับรู้สึกแปลกๆ เขาพยายามรวบรวมสติอยู่พักหนึ่ง
“คุณช่วยนั่งอยู่เป็นเพื่อนผมก่อนได้ไหม?”
แผนการแรกก็เริ่มขึ้น
“อ … เอ่อ … ก็ได้ค่ะ” หญิงสาวนั่งตรงโซฟาอีกตัว มือก็เผลอบีบกันจนแน่นโดยอัตโนมัติ ยอมรับว่าเธอประหม่า คนที่ทำตัวไม่ถูกก็ไม่รู้จะวางมือวางไม้ยังไง หญิงสาวแอบมองชายหนุ่มนี่นอนราบยาวเหยียดไปกับโซฟาหนังสีดำตัวหรูในขณะที่มือของเขายังคงกอดอกตัวเองอย่างหลวมๆ เขากำลังนอนหลับตานิ่งๆ คนแอบมองก็มองอย่างลืมตัว เธอสำรวจรอบๆ กรอบหน้าของเขา ใบหน้าคมเข้ม จมูกโด่ง ปากสวยได้รูปยิ่งกว่าผู้หญิงบางคนเสียอีก
ตึกๆ ตึกๆ ….
เธอพยายามสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ
‘ใจเย็นๆ นะพิมพ์ อย่าตื่นเต้น เดี๋ยววูบ ๆ …’ เธอพยายามบอกกับตัวเอง คนที่นั่งตัวแข็งทื่อเป็นหุ่นยนต์ต้องสะดุ้งน้อยๆ เมื่อเสียงของใครบางคนเปิดประตูเข้ามา
‘เอ๊า ไอ้นี่ แม่งหายไปไหนวะ ราม!! ราม!! ‘
เมื่อมองหาคนไม่เห็นเขาจึงเลือกเปิดประตูเข้ามาด้านในที่เป็นห้องพักสำหรับผู้บริหาร
“เอ้า!! คุณพิมพ์ บอสเป็นอะไรไปหรอครับ?” ภควิน มีสีหน้าตกใจกับสภาพของคนที่นอนหลับตาปี๋ตรงหน้า แต่ไม่ทันที่หญิงสาวจะได้เอ่ยบอก เสียงของคนที่หลับตาอยู่ๆ ก็โพล่งขึ้น
“ฉันไม่เป็นไร”
“ไม่เป็นกับผีแกนะสิ”
เมื่อหญิงสาวรู้ดีว่าตนเองสมควรจะต้องออกไป เธอจึงเอ่ยขอตัวกับคนทั้งสอง
“เอ่อ งั้นพิมพ์ขอตัวนะคะ”
“ครับ”
ทันทีที่หญิงสาวเดินออกไป ภควินก็รีบบึ่งเข้าไปนั่งลงข้างๆ ไอ้เจ้าเพื่อนตัวหนาสูง
“อาการกำเริบอีกหรอวะ นี่มึงจะไหวรึเปล่า?” แม้ต่อหน้าพนักงานพวกเขาจะให้เกียรติกัน แต่พอลับหลังความเป็นเพื่อนก็ยังคงเดิม
“กูไหว ..” ธีรากร ตอบออกมาพร้อมกับค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้น และหยัดกายลุกนั่งช้าๆ โดยที่ภควินช่วยพยุง
“มึงแน่ใจนะว่าจะให้เธอออกไปงานข้างนอกด้วย ถ้ามึงมีอาการนี้อีก แล้วยามึงล่ะอยู่ไหน?”
“กูทิ้งไปล่ะ กูไม่ได้กินมันนานละ หมดอายุไปละมั้ง”
“เฮ้ย!! เชี่ยราม!!”
“เออ … กูเก็บไว้อยู่ แต่ไม่ได้เอาออกมากิน”
“ทำไมเธอถึงมานั่งเฝ้ามึงอยู่ที่นี่วะ อย่าบอกนะว่าแผนของมึงอ่ะ”
“อืม … แผนกูเอง มึงจะถามอะไรนักหนาเนี่ย ช่วยไปตามเธอมาพบกูใหม่” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับเริ่มใส่กระดุมเสื้อ ตามด้วยเนกไท ถุงเท้า และรองเท้า
“อย่าบอกนะว่าเธอถอดให้มึง?”
“อืมม …”
“กูห่วงมึงนะราม”
“อืมม … รู้แล้วหน่า พูดมากจริง ไปตามเธอมาพบกู”
“คร้าบไอ้บอส” ภควินเดินออกไป แต่ก่อนจะพ้นประตูก็ยังมิวายที่จะหันมาและยกมือส่งนิ้วกลางเท่ๆ ให้เพื่อน
“ไอ้ห่าวิน!!”
ไม่นานเสียงของหญิงสาวก็เคาะประตูอีกครั้ง ก่อนจะเปิดประตูเข้ามา
ชายหนุ่มทำท่าผายมือเพื่อเป็นการบอกให้นั่ง
“พรุ่งนี้เราต้องไปดูโครงการหมู่บ้านเฟดสองที่กำลังจะสร้างขึ้นที่จังหวัดขอนแก่น น่าจะห้าวันรวมวันเดินทางแล้ว ไม่ทราบว่าคุณพิมพ์สะดวกไหม?”
“สะดวกค่ะ พิมพ์สะดวก ไปขอนแก่นหรือคะ?” หญิงสาวดูทำหน้าทำตาตื่นเต้นดีใจ เพราะตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยไปอีสานเลยแม้สักครั้ง
“ใช่ครับ พรุ่งนี้เราออกเดินทางกันเก้าโมง” เขาหยุดชะงักไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยต่อ “ถ้าไม่มีอะไรแล้วคุณพิมพ์ไปทำงานต่อเถอะครับ ไม่เข้าใจตรงไหนก็ถามฝ่ายบุคคล”
“ค่ะ แล้วเสื้อผ้าที่จะเตรียมไปต้องประมาณไหนคะ? ทางการไหมคะ? ”
“แต่งตัวสบายๆ”
“ค่ะ”
ทันทีที่หญิงสาวปิดประตูลง คนร่างหนาก็ยกยิ้มที่มุมปาก จริงๆ แล้วโครงการที่ว่ามันไม่ได้มีอะไร เขาแค่อยากใกล้ชิดกับเธอ และจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ครองใจของเธออีกครั้ง ก็ครั้งนี้มันจะไปยากอะไร เธอชอบเงิน เขาก็จะใช้เงิน …ก็แค่นั้น
