ตอนที่ 6 อย่างน้อยเขาก็ช่วย
ตอนที่ 6 อย่างน้อยเขาก็ช่วย
บริษัท AD กรุป
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เจ้าของใบหน้าสวยได้รูป อยู่ในชุดสูทกางเกงขายาวสีฟ้า นั่งเหม่อคิดถึงเรื่องบางอย่างในห้องทำงาน มือก็ควงปากกาไปด้วย ระหว่างนั้นเสียงเคาะประตูจากคนด้านนอกก็ดึงสติกลับมา ก่อนที่ประตูจะถูกผลักเข้ามาด้วยฝีมือของเลขาสาว เจ้าของใบหน้าหวานซึ่งอายุน้อยกว่าสองปี
“รถพร้อมแล้วค่ะ” ทิดาโค้งศีรษะทำความเคารพเจ้านายแล้วกล่าวรายงาน
“จ้ะ” ริมฝีปากจิ้มลิ้มเคลือบด้วยลิปสติกสีสวยคลี่ยิ้มใจดีส่งให้เลขาสาว ก่อนจะผุดตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้พลางเก็บสัมภาระเข้ากระเป๋าสะพายข้างราคาแพง เสร็จแล้วก็คว้าแฟ้มงานแนบข้าง สาวเท้าเดินบนรองเท้าคัทชูสีครีมออกจากห้องทำงาน โดยมีเลขาเดินตามหลัง
ภายในรถหรู
“พี่เนนิลคะ พี่เนนิล” เลขาสาวเอ่ยเรียกพลางเขย่าตัวเจ้านายที่กำลังฝันร้าย สีหน้าของนิวารินเห็นชัดเจนว่าหวาดกลัวอะไรบางอย่าง ก่อนที่เธอจะสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ
เสียงหอบหายใจแรง ๆ ของหญิงสาว พลอยทำให้เลขาสาวอย่างทิดา และ บอดี้การ์ดหญิงคนสนิท ซึ่งทำหน้าที่ขับรถตกใจตามไปด้วย
“ฝันร้ายเหรอคะ” ทิดาถาม
นิวารินพยักหน้าเป็นคำตอบ รู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก หัวใจก็เต้นถี่แรงจนได้ยินเสียง ตั้งแต่เจอผู้ชายโรคจิตคนนั้น เธอก็กลับมาฝันถึงอุบัติเหตุเมื่อสี่เดือนก่อนถึงสองครั้งติดในหนึ่งวัน หลังจากห่างหายไปจากความฝันนานสองเดือน
“ไม่เป็นไรนะคะ ฝันร้ายจะกลายเป็นดีค่ะ”
“ขอบคุณจ้ะ ว่าแต่ถึงแล้วเหรอ”
“ค่ะ”
“งั้นเรารีบเข้าไปทำงานกันเถอะค่ะ”
“ค่ะ” ทิดาตอบรับเสียงหวานด้วยรอยยิ้มสดใส ส่วนเคทเพียงโค้งศีรษะรับคำสั่ง
เจ้าของร่างสวยอยู่ในลุคสาวทะมัดทะแมง ใบหน้าสวยอมยิ้มเล็กน้อย ขณะสับเท้าเดินบนรองเท้าคัทชูเข้าออฟฟิศของห้างชื่อดังพร้อมกับเลขาสาว และ บอดี้การ์ดสาวสวยคนสนิท ที่เดินตามอยู่ด้านหลัง
“สวัสดีค่ะ ติดต่อเรื่องอะไรคะ” พนักงานสาวในเคาน์เตอร์กล่าวสวัสดี แล้วถามถึงธุระด้วยรอยยิ้มแย้มเป็นมิตร นิวารินพยักหน้ารับ ก่อนเอ่ยตอบ…
“จากบริษัท AD กรุป มีนัดคุยงานกับคุณองศาวันนี้ค่ะ”
“ค่ะ เชิญทางนี้เลยค่ะ” พนักงานสาวเดินนำไปยังลิฟต์ตัวใหญ่ รอไม่นานประตูลิฟต์ก็เปิดออก กระทั่งลิฟต์เลื่อนขึ้นมาถึงชั้น 4 ห้องประชุม
“สวัสดีค่ะคุณนิวาริน” เมื่อเดินมาถึงห้องประชุมก็เจอกับเลขาขององศาเจ้าของห้าง J.K ชื่อดัง
“สวัสดีค่ะ”
“เชิญค่ะ คุณองศากับคุณภูตะวันรออยู่ข้างในแล้วค่ะ”
นิวารินส่งยิ้มพร้อมทั้งพยักหน้ารับ แล้วก้าวขาเรียวเดินเข้าห้องประชุมพร้อมกับเลขาสาว แต่สองเท้าของเธอกลับต้องหยุดชะงักด้วยสีหน้าที่ไม่อยากเชื่อ เมื่อสบตาเข้ากับผู้ชายที่ไม่คิดว่าจะเจอกันอีก เขาคงชื่อภูตะวันสินะ
องศากลอกตามองหน้าเพื่อนสนิทที่นั่งเยื้องกันสลับกับมองหญิงสาวเจ้าของใบหน้าสวยอย่างรู้อะไรบางอย่าง ก่อนจะยืนขึ้นพร้อมกับเอ่ยทักทายด้วยน้ำเสียงสุภาพ “สวัสดีครับคุณนิวาริน”
“สวัสดีค่ะ เรียกนิลว่าเนนิล หรือนิลเฉย ๆ ก็ได้ค่ะ” นิวารินละสายตาออกจากเจ้าของดวงตาดุที่ยังคงนั่งมองหน้าเธออย่างเสียมารยาท ตอบรับชายหนุ่มด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
“ครับคุณเนนิล” องศาตอบรับด้วยน้ำเสียงสุภาพ ตามองหญิงสาวแทบไม่กะพริบ ในรูปว่าสวยแล้ว ตัวจริงสวยสะกดสายตากว่าอีก มือหนาขยับเก้าอี้ออกให้เธอนั่งอย่างสุภาพบุรุษ “เชิญนั่งครับ”
“ขอบคุณค่ะ” นิวารินหย่อนสะโพกนั่งตรงข้ามกับผู้ชายที่ดูไม่ชอบหน้าเธอเอามาก ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็พยายามไม่ใส่ใจ สนใจเพียงแค่งานเท่านั้น
“คุณเนนิลครับ นี่ภูตะวัน เป็นทั้งเพื่อนแล้วก็หุ้นส่วนผมครับ” องศาแนะนำภูตะวันให้หญิงสาวรู้จักอย่างเป็นทางการ
“สวัสดีค่ะคุณภูตะวัน” แม้จะไม่ชอบหน้าเท่าไหร่ แต่เธอก็ทักทายตามมารยาท
“ครับ คุณเนนิล ผมขอเรียกชื่อเล่นอีกคน คงไม่ว่าอะไรนะครับ” ภูตะวันเน้นเสียงตรงชื่อของหญิงสาวเป็นพิเศษด้วยรอยยิ้มที่ไม่จริงใจ ก่อนที่คิ้วเป็นทรงจะยกขึ้นเล็กน้อย
“ค่ะ ส่วนนี่ทิดาค่ะ เลขานิล” นิวารินตอบเพียงสั้น ๆ ละความสนใจจากผู้ชายป่าเถื่อนที่กำลังเสแสร้งปั้นหน้ายิ้ม ทั้งที่ความเป็นจริงไม่ใช่ แล้วแนะนำเลขาให้กับทุกคนรู้จัก หลังจากที่ทำความรู้จักกันเสร็จก็เข้าเรื่องงานทันที
หนึ่งชั่วโมงต่อมา ย้ายจากห้องประชุมมาเดินสำรวจภายในห้างสรรพสินค้า ซึ่งโดยรอบมีผู้คนเข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก ทั้งมาเพื่อเลือกซื้อสินค้า ทานอาหาร และ เดินเล่น
“ชั้น 2 ส่วนใหญ่จะเป็นร้านแบรนด์เนมแทบทั้งหมดครับ สื่อโฆษณาจะติดตั้งให้เป็นจุดเด่นตรงกลางจุดเดียว” ขณะที่กำลังเดินนักธุรกิจหนุ่มก็พูดรายละเอียดให้กับหญิงสาวที่จ้างให้ออกแบบสื่อโฆษณาฟัง โดยเลขาของเธอเป็นฝ่ายจดบันทึก
“...” นิวารินเหลือบตามองผู้ชายที่เป็นหุ้นส่วนของห้างสรรพสินค้าชื่อดังอย่างเกรง ๆ แวบหนึ่ง แล้วถอนหายใจ เมื่อรู้สึกว่าถูกจับจ้องแทบตลอดเวลา ซึ่งเธอเลือกไม่สนใจ แต่ก็อดไม่ได้อยู่ดี ไม่รู้เขามองทำไมนักหนา
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ ถอนหายใจแรงเชียว”
“อ๋อ เปล่าค่ะ” ตอบรับด้วยรอยยิ้มหวาน โมโหจนลืมตัวว่าไม่ได้อยู่คนเดียว
“ครับ คุณเนนิลรับเครื่องดื่มอะไรดีครับ”
“กาแฟก็ได้ค่ะ”
“ครับ มึงล่ะไอ้ภู”
“ไม่เอา” น้ำเสียงห้วน ๆ ตอบกลับเพื่อนสนิท องศาก็พยักหน้ารับ แล้วหันไปสั่งกับเลขา ประโยคต่อมากล่าวบอกกับเจ้าของใบหน้าเรียวสวยได้รูป “นั่งพักตรงนี้ก่อนนะครับคุณเนนิล”
“ค่ะ” ขณะที่นิวารินกำลังจะก้าวขาขึ้นพื้นต่างระดับ แต่…
“คุณหนูระวังค่ะ!” เสียงของบอดี้การ์ดสาวกลับดังขึ้นเตือนภัยเสียก่อน ดึงความสนใจจากเธอให้หันไปมอง รวมถึงทุกคน ทว่ากลับเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน….
พรั่ก!
“อ๊ะ!” นิวารินเปล่งเสียงร้อง หน้าตาแตกตื่น เมื่อเด็กผู้ชายตัวเล็กวิ่งมาด้วยความเร็ว และ ระยะประชิดตัว ทำให้เธอหลบไม่ทัน จึงถูกเด็กน้อยชนเข้าเต็ม ๆ จนทรงตัวไม่อยู่
หมับ!
โชคดีที่ท่อนแขนแกร่งของใครบางคนคว้าตัวเธอได้ทัน ในขณะที่เธอหลับตาปี๋อยู่ในท่อนแขนนั้น เมื่อรู้สึกว่าปลอดภัยจึงค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ทว่าใบหน้าหล่อ ๆ ของคนตรงหน้า ทำเอาม่านตาเบิกกว้าง เมื่อผู้ชายที่ช่วยเธอไม่ให้ล้ม คือผู้ชายโรคจิตคนนั้น คนที่ชอบมองเธอด้วยสายตาเกลียดชัง
“คุณ” ริมฝีปากจิ้มลิ้มขยับเอ่ยเรียกอย่างไม่เป็นตัวเอง ขณะหัวใจเต้นถี่รัวไม่เป็นจังหวะทั้งตกใจทั้งรู้สึกแปลก ๆ ในเวลาเดียวกัน สายตาคู่นั้นที่มองลงมาสบตากันยากจะคาดเดาอารมณ์
“!0!” แต่ในระหว่างที่เธอตกอยู่ในภวังค์ความคิด เขากลับปล่อยตัวเธอให้ร่วงโดยไม่บอกกล่าว
ตุบ!
“อ๊ะ!” บั้นท้ายของเธอกระแทกกับพื้นเต็ม ๆ ท่ามกลางสายตาผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา น่าอายซะมัด แต่ถึงจะไม่แรงมาก แต่ก็เจ็บเอาการ ทั้งองศา ทั้งทิดา และ บอดี้การ์ดสาวที่เห็นต่างก็ตกใจไปตาม ๆ กัน
“คุณเนนิลค่อย ๆ ลุกนะครับ” องศาและทิดาที่อยู่ใกล้นิวารินมากที่สุดตอนนี้ ช่วยพยุงตัวเธอลุกขึ้น ส่วนภูตะวันเดินไปนั่งอย่างหน้าตาเฉย โดยไม่รู้สึกผิดเลยแม้แต่นิดเดียว
“นี่คุณ! ปล่อยคุณหนูทำไม” เสียงของคนที่กำลังเอาเรื่องชายหนุ่มคือบอดี้การ์ดสาว หากเธออยู่ใกล้ ๆ คุณหนูคงไม่ต้องเจ็บตัว ทว่าคำถามนั้นกลับไม่ได้รับคำตอบใด ๆ จากชายหนุ่ม
“หูตึงหรือไง!”ยั่วอารมณ์โมโหกันชัด ๆ หมอนี่น่าหมั่นไส้จริง!
“ช่างเถอะค่ะพี่เคท นิลไม่ได้เป็นอะไร อย่างน้อยเขาก็ช่วยนิลไว้ค่ะ” นิวารินพูดแกมประชดหน่อย ๆ พลางเหลือบตามองคนใจร้าย เขายังนั่งทำหน้าขรึม ทำทองไม่รู้ร้อน
นี่ขนาดช่วยนะ บอดี้การ์ดสาวสวยคิดในใจ แล้วถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่อย่างหงุดหงิด แต่ก็ยอมเชื่อฟังคุณหนู
---------------
