ตอนที่ 7 | เกี่ยวอะไรกับฉัน
ตอนที่ 7 เกี่ยวอะไรกับฉัน
คอนโด นิวาริน
20:20 น.
นิวารินยืนหน้าคอนโดตัวเอง รอคนขับรถที่เจ้าของห้าง J.K ชื่อดังส่งมารับไปงานเลี้ยง เธอแต่งกายด้วยชุดเดรสสั้นสีขาว ชุดประดับด้วยกระดุมวงกลมเรียงแถวตรงกลาง ใบหน้าเรียวสวยไร้ที่ติแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางอ่อน ๆ โทนชมพูให้ความสวยหวานสไตล์คุณหนู ต่างจากลุคสาวทำงานเมื่อหลายชั่วโมงก่อน
“ทำไมไม่มาสักทีนะ” ก้มมองนาฬิกาเพชรเรือนแพงบนข้อมือ พบว่าเลยเวลาที่นัดหมายเกินสิบห้านาที จึงชะโงกหน้ามองไปที่ถนนอีกครั้ง เวลานี้รถบนท้องถนนในเมืองหลวงยังวิ่งสวนกันไปมา มองจนตาลายไปหมด แต่ไม่มีวี่แววว่ารถคันไหนจะใช่เลย
Rrrrrrrrrrr
ระหว่างนั้นเสียงริงโทนจากสายเรียกเข้าก็ดังขึ้น นิวารินละสายตาจากถนน ล้วงมือหยิบโทรศัพท์เครื่องหรูในกระเป๋าถือราคาแพงขึ้นมา นิ้วเรียวกดรับสายทันทีเมื่อรายชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอสี่เหลี่ยมคือเลขาคนสนิท
“จ้ะ”
“ดากับพี่เคทถึงแล้วนะคะ พี่นิลใกล้ถึงยังคะ”
ตกลงรับน้ำใจจากเจ้าของห้างชื่อดัง จึงให้เลขาคนสนิทไปพร้อมกับบอดี้การ์ดสาว แต่ดูเหมือนว่าเธอกำลังตัดสินใจผิดพลาด เนื่องจากคนที่เจ้าของห้างชื่อดังส่งมารับ เขาคนนั้นยังไม่โผล่หน้ามาให้เห็น
“คนของคุณองศายังไม่มาเลยจ้ะ”
“เอ้า! ไม่ตรงต่อเวลาเอาซะเลย งั้นให้พี่เคทไปรับเลยไหมคะ”
“ไม่เป็นไรจ้ะ รถอาจจะติด รออีกสักหน่อยถ้าไม่มา เดี๋ยวพี่เรียกแกร็บไปก็ได้ค่ะ”
“เอาอย่างงั้นเหรอคะ?”
“จ้ะ”
“ดากับพี่เคทรอที่เคาน์เตอร์โรงแรมนะคะ”
“โอเคจ้ะ” ตอบรับเพียงสั้น ๆ ก็กดวางสาย แต่เพียงไม่กี่วินาที…
ตี๊ดดดด!!!
“กรี๊ดด!” เสียงบีบแตะรถยนต์ทำเอานิวารินตกใจสุดขีด จนหัวใจสั่นไหวอย่างรุนแรง ใครเล่นบ้าอะไร! เธอกลืนน้ำลายลงท้องอึกหนึ่งแล้วเงยหน้ามอง หัวคิ้วชนกันแน่น ขณะที่รถยนต์สีดำขับเข้าจอดตรงหน้า เธอเพ่งเล็งสายตามองคนขับผ่านหน้าต่างทึบ ก่อนที่หน้าต่างบานนั้นจะลดลง
“คุณอีกแล้วเหรอ” น้ำเสียงเบื่อหน่อยเอ่ยออก เมื่อเจ้าของใบหน้าหล่อดูดีราวกับพระเอกบนรถปรากฏแก่สายตา ไม่รู้โลกกลมหรืออะไรถึงได้เจอเขาอยู่ร่ำไป
“ขึ้นรถ”
“อย่าบอกนะว่าคนที่คุณองศาส่งมาคือคุณ”
“รู้แล้วก็รีบขึ้นมา!” น้ำเสียงห้วน ๆ เอ่ยออกด้วยสีหน้ารำคาญ แววตาดุดันที่มองมาไม่น่าไว้ใจ ปฏิเสธก็กลัวจะเสียเวลา
“ไม่เป็นไรหรอกมั้ง” เจ้าของใบหน้าสวยพึมพำเสียงเบา ให้ได้ยินคนเดียว ปราดตามองคนในรถพลางถอนหายใจ แล้วสาวเท้าเดินบนรองเท้าส้นสูงสีดำไปที่ประตูเบาะหลัง ไม่ทันได้เอื้อมมือเปิดประตูเสียงเข้มก็ดังขึ้นเป็นประโยคคำสั่ง…
“มานั่งข้างหน้า ผมไม่ใช่คนขับรถของคุณ”
“จิ๊!” นิวารินส่งเสียงในปากอย่างไม่ชอบใจ แต่เมื่อไม่มีทางเลือกจึงเดินอ้อมไปเปิดประตูฝั่งคนนั่งข้างคนขับ
บรื้นนนนนน!
“ว้าย!” นิวารินไม่ทันได้ตั้งตัว อีกทั้งยังไม่ได้กดล็อกเข็มขัดนิรภัย กลับต้องส่งเสียงกรี๊ดออกมาทันควันด้วยหน้าตาแตกตื่น เมื่อคนขับเหยียบคันเร่งขับออกไปด้วยความเร็วโดยไม่บอกไม่กล่าวซึ่งมือก็ล็อกเข็มขัดนิรภัยอัตโนมัติเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง ไม่ใช่ว่าเธอกลัวความเร็ว แต่แค่ตกใจเท่านั้น
“ขับรถเหมือนคนปกติหน่อยไม่ได้เหรอคุณ” คิ้วเรียวสวยหม่นเข้าหากันยุ่ง ประโยคที่เปล่งออกมาตำหนิชายหนุ่ม ทว่ายังมีความอ่อนโยนอยู่ในน้ำเสียง แต่ดูเหมือนคำพูดของเธอไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มสะทกสะท้าน กลับเร่งความเร็ว เร็วกว่าเดิม จนเธอต้องจับสายเข็มขัดนิรภัยแน่นด้วยความหวาดเสียว
“คุณ! ช่วยลดความเร็วลงหน่อยค่ะ” เขาขับรถแซงคันข้างหน้าด้วยความเร็วเกินมาตรฐานอย่างไม่กลัวอันตราย “ถ้าจะขับรถไม่กลัวตายแบบนี้ ก็จอดให้ฉันลงเดี๋ยวนี้”
“กลัวตายเป็นเหมือนกันเหรอ”
นิวารินขมวดคิ้วแน่น เมื่อได้ยินประโยคของคนข้าง ๆ “ที่พูด หมายความว่ายังไง”
“มีสมองก็ลองคิดดูเองสิ”
“เอ๊ะ!” วาจาร้ายกาจแต่ละคำที่พ่นออกมาจากปากของชายหนุ่มชวนให้โมโห “ให้เกียรติกันหน่อย เราไม่ได้สนิทกันถึงขั้น ที่คุณจะด่าว่าอะไรก็ได้”
นิรวารินกัดริมฝีปากแน่น เมื่อคำพูดของเธอเหมือนเป็นอากาศสำหรับเขา ครั้นสายตามองออกไปนอกรถอารมณ์เปลี่ยนผันทันที เนื่องจากทางที่เขากำลังมา ไม่ใช่ทางไปโรงแรมที่จัดงานเลี้ยง ซึ่งเส้นทางเธอคุ้นตาแปลก ๆ เหมือนเคยผ่านถนนเส้นนี้มาก่อน
“คุณจะพาฉันไปไหน”
“…”
“นี่คุณ! ฉันถามไม่ได้ยินเหรอ” จะพาไปฆ่าหรือเปล่านะ หรือหมอนี่!เป็นศัตรูของพ่อ “จอดรถเดี๋ยวนี้!”
“บอกให้จอดไง!” คนขับเอาแต่เงียบนิ่ง เหยียบคันเร่งขับไปด้วยสีหน้าน่ากลัว ทำเอาหญิงสาวร้อนใจ จนแทบนั่งไม่ติด
เอี๊ยดดดดดด!!
“อึก!” นิวารินหลับตาแน่น หอบหายใจออกมาหนัก ๆ ด้วยความตกใจ เมื่อภูตะวันหักพวงมาลัย แล้วเหยียบเบรกจอดรถตรงข้างฟุตบาทกะทันหัน ทำเอาหน้าผากของเธอเกือบกระแทกเข้ากับคอนโซนรถ
ปัง!ประตูรถฝั่งคนขับถูกปิดเสียงดัง จนหญิงสาวสะดุ้งตัวโหยง
“โอ๊ย!” นิวารินไม่ทันได้ตั้งหลักก็ถูกชายหนุ่มดึงลงจากรถอย่างป่าเถื่อน ก่อนจะถูกกระชากให้เดินตาม ด้วยความที่ใส่รองเท้าส้นสูง ทำให้เธอแทบล้มลงบนพื้นฟุตบาท
“ทำบ้า!อะไรของคุณ ปล่อยนะ” ใบหน้าสวยบิดเบ้ด้วยความเจ็บข้อมือและเท้า
พรั่ก!
“อ๊ะ!” ถูกปล่อยให้เป็นอิสระอย่างไม่อ่อนโยน จนเกือบล้มหน้าคะมำ
“จำได้ไหม เคยทำอะไรเลว ๆ ไว้ที่นี่”
“…” นิวารินกลืนน้ำลายลงท้องอึกหนึ่ง ยังไม่เข้าใจความหมายที่คนตรงหน้าพูด แต่เมื่อเลื่อนสายตามองไปตรงถนนที่ว่างเปล่าไร้รถคันอื่นขับผ่าน ทั้งที่ยังไม่ดึกมากขนาดนั้น เนื่องจากเป็นถนนนอกเมือง รถค่อนข้างสัญจรน้อย
แต่สามแยกไฟแดงตรงหน้าทำเอาม่านตาเบิกกว้าง จำได้ว่าถนนเส้นนี้เธอเคยเกิดอุบัติเหตุเพราะถูกศัตรูของผู้เป็นพ่อไล่ล่ามาก่อน ตั้งแต่เกิดเรื่องเธอไม่ขับผ่านถนนเส้นนี้อีกเลย
หมับ!
“อ๊ะ!” ระหว่างที่เผลอคิด ข้อมือก็ถูกร่างสูงกระชากให้เดินตามไปกลางถนน “นี่! ปล่อยนะ”
พรั่ก!
ตุบ!
“อ๊ะ!” เจ้าของใบหน้าเรียวสวยได้รูปส่งเสียง ครั้นถูกผลักจนล้ม บั้นท้ายกระแทกเข้ากับพื้นถนนจนรู้สึกเจ็บปวด
“ตรงนี้ไง ที่เมียฉันต้องมาตาย” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความแค้นที่ฝังลึกในจิตใจ ซึ่งนิวารินรับรู้ได้ถึงความรู้สึกนั้นของคนตรงหน้า ขณะภาพเมื่อหลายเดือนก่อนกำลังประดังประเดเข้ามาในหัวบวกกับประโยคของเขา จนตอนนี้เธอสับสนไปหมดแล้ว
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน” หญิงสาวน้ำตาคลอหน่วย ก้มหน้านัยน์ตากลอกไปมาอย่างจิตตก เมื่อเริ่มจำเหตุการณ์สี่เดือนก่อนได้เกือบทั้งหมด รถคันนั้นที่เธอพุ่งชนพลิกคว่ำ แล้วหลังจากนั้น….
“เหอะ!” ภูตะวันเค้นเสียงออกมา มือหนาเสยผมบริเวณหน้าผากพลางดันปลายลิ้นเข้าหากระพุ้งแก้มย้ำ ๆ อย่างเหลือเชื่อ ผู้หญิงคนนี้ถามกลับมาอย่างไม่รู้สึกผิด
“อึก!” ภูตะวันย่อตัวให้เท่ากับคนตรงหน้า มือหนาบีบเข้าที่สองแก้มนุ่มจนเป็นร่องแล้วกระตุกดึงใบหน้าเรียวให้เงยขึ้นมาสบตา นิวารินที่ยังสับสนคิดไม่ตกว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองตอนนี้ ก็ได้แต่นิ่ง หยาดน้ำสีใสค่อย ๆ ไหลกลิ้งออกหางตา
“ ตราบใดที่ฉันยังมีชีวิตอยู่ อย่าหวังว่าเธอจะใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข จำไว้!”
“อึก!” ใบหน้าเรียวถูกผลัก หญิงสาวหอบหายใจถี่รัวด้วยความหวาดกลัว ไม่อยากรับความจริง หลังจากที่สมองปะติดปะต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอุบัติเหตุครั้งนั้น ดูเหมือนข้อมูลที่เธอได้รับตลอดที่ความทรงจำช่วงหนึ่งหายไป จะตรงกันข้ามกับความเป็นจริง
“เตรียมตัวรับมือไว้ให้ดี ๆ เพราะถ้าเธอพลาดเมื่อไหร่ ฉันเหยียบเธอให้จมดินแน่” ภูตะวันทิ้งท้ายด้วยประโยคเตือน แต่ดูเหมือนจะเป็นคำขู่เสียมากกว่า ก่อนจะเดินกลับไปที่รถ ปล่อยทิ้งให้นิวารินนั่งกลางถนนเพียงลำพัง ทว่ารถยนต์ที่กำลังแล่นมาจากทางตรงขับมาด้วยความเร็วสูง จนต้องหันหน้ากลับไปมองคนที่นั่งนิ่งอยู่กลางถนน ด้วยสายตาที่มีความลังเล
“จิ๊!” ส่งเสียงในปากอย่างหงุดหงิด เมื่อรถคันดังกล่าวไม่บีบแตรส่งสัญญาณ หรือ ชะลอความเร็วลง ทำราวกับไม่เห็นว่ามีคนอยู่กลางถนน ซึ่งสุดท้ายแล้ว…
พรึ่บ!
นิวารินเบิกตากว้างหน้าตาตื่นตระหนก เมื่อต้นแขนถูกกระชากให้ลุกขึ้นด้วยฝีมือของคนที่แรงเยอะกว่า ก่อนที่ทั้งร่างจะปลิวไปตามแรง จนล้มลงบนฟุตบาทไปพร้อมกับร่างใหญ่ แต่ดูเหมือนสายตาจะพร่ามัว ก่อนที่ภาพทุกอย่างจะดับมืด
------------------
เบา ๆ กับน้องหน่อยนะ น้องไม่ได้ตั้งใจ ?
