ตอนที่ 4 | เจอกันสักทีนะ
สนามบิน
“อยู่ตรงไหนคะอาคิว” เจ้าของร่างเพรียวอยู่ในชุดสูทแขนยาวกระโปรงสีขาวพอดีตัวเพิ่งเดินทางจากอเมริกามาถึงไทย เธอกรวดสายตามองหาคนในสาย ขณะเดินนวยนาดบนรองเท้าส้นสูงห้านิ้วสีดำ ลากกระเป๋าเดินทางสวนกับผู้คนมากหน้าหลายตา ที่หลั่งไหลกันเข้ามาใช้บริการสนามบิน
“ผมอยู่ประตูเก้าครับคุณหนู”
“โอเคค่ะ นิลกำลังเดินไปนะคะ”
“ครับ”
หญิงสาวเจ้าของใบหน้าเรียวสวยได้รูปกดวางสาย แล้วรีบเดินจ้ำจ้าวไปยังประตูเก้าทันที ใช้เวลาไม่นานก็เดินมาถึง ลูกน้องคนสนิทของผู้เป็นพ่ออยู่ในชุดสูทสีดำ กำลังโบกมือเป็นสัญญาณว่าอยู่ทางนี้ แต่กลับไม่ได้ยืนกันแค่คนเดียว ยังมีชายหนุ่มร่างกำยำชุดดำอีกห้าคนประกบอยู่ด้านหลัง
“คุณพ่อนะคุณพ่อ อุตส่าห์บอกไม่ให้ส่งคนมาเยอะ” เจ้าของใบหน้าเรียวสวยได้รูปประดับด้วยรอยยิ้มสวย บ่นให้ได้ยินคนเดียวพลางส่ายหน้าไปมา เธอไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาของใคร
“ยินดีต้อนรับกลับไทยครับคุณหนู” คิวโค้งศีรษะทำความเคารพคุณหนูของบ้านพร้อมกับลูกน้องอีกห้าคน แล้วกล่าวทักทายคุณหนู ที่ไปทำงานไกลบ้านถึงสามเดือนเต็ม
“ขอบคุณค่ะอาคิว”
“เชิญครับคุณหนู”
หญิงสาวพยักหน้าด้วยรอยยิ้มใจดี ก่อนจะส่งกระเป๋าเดินทางให้ชายชุดดำถือต่อ แล้วเดินตามลูกน้องคนสนิทของผู้เป็นพ่อไปที่รถ โดยที่ลูกน้องอีกห้าคนเดินคุ้มกันความปลอดภัยอยู่ด้านหลัง ระหว่างทางก็ตกเป็นที่สนใจของผู้คน ต่างหันมองเป็นระยะ ทั้งสายตาสงสัย ทั้งสายตาหวาดกลัว แต่ถึงกระนั้นเธอก็ชินชาไปเสียแล้ว เพราะผู้เป็นพ่อมักให้ลูกน้องคอยตามประกบตั้งแต่เด็ก ๆ จนถึงตอนนี้
@คฤหาสน์ วรภัทรจิรธาดา
“นิลลูก”
นิวารินยกมือไหว้ผู้เป็นพ่อ และ ผู้เป็นแม่ที่เดินมาด้วยกัน ก่อนที่ผู้เป็นแม่จะสวมกอดเธอด้วยความคิดถึง
“ลูกสาวแม่กลับมาแล้ว”
นิวารินผละกอดออกจากผู้เป็นแม่ แล้วหอมแก้มนุ่มฟอดใหญ่ “นิลคิดถึงแม่นะคะ”
“แม่ก็คิดถึงหนูจ้ะ” มิลินหอมแก้มลูกสาวทั้งสองข้างด้วยความรู้สึกไม่ต่างกัน และ ห่วงหาตลอดเวลาที่อยู่ไกลกันกับลูกสาว
“คิดถึงแต่แม่เหรอเรา” น้ำเสียงของผู้ทรงอำนาจที่สุดในบ้านฟังดูน้อยใจ ที่ลูกสาวบอกคิดถึงแต่แม่ แต่กับพ่อแค่สวัสดี สองแม่ลูกที่ได้ยินอย่างนั้นก็ถึงกับมองหน้ากันแล้วอมยิ้ม เอ็นดูมาเฟียผู้น่าเกรงขามขี้น้อยใจ
“คิดถึงพ่อด้วยค่ะ” นิวารินเดินเข้าไปหอมแก้มสากผู้เป็นพ่ออย่างเอาใจแล้วสวมกอดแนบแน่น โดยมีมือใหญ่ลูปผมยาวด้วยความอ่อนโยน และ คิดถึง
“นิลมาเหนื่อย ๆ แม่ว่าขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าก่อนเถอะจ้ะ เดี๋ยวลงมาทานข้าวด้วยกัน แม่ทำของโปรดลูกเยอะแยะเลย”
“ค่ะ” จบบทสนทนาเนนิลก็แยกย้ายกับผู้เป็นพ่อและผู้เป็นแม่และกลับลงมาอีกทีในหนึ่งชั่วโมงต่อมา
…
@ภายในห้องอาหารหรู
“ทานเยอะ ๆ นะครับ แม่เราเข้าครัวตั้งแต่เที่ยงทำอาหารที่หนูชอบเลยนะ” พูดถึงความตั้งใจของภรรยาตัวเล็ก ทันทีที่รู้ว่าลูกสาวจะกลับจากอเมริกา ก็ตื่นเต้นใหญ่
“เหนื่อยแย่เลยค่ะ”
“เพื่อลูกแล้วแม่ไม่มีคำว่าเหนื่อยหรอกค่ะ”
เจ้าของใบหน้าเรียวสวยได้รูปส่งยิ้มบาง ๆ ให้ผู้เป็นแม่แทนคำพูด เธอโชคดีที่ได้รับความรักความเอาใจใส่จากผู้เป็นพ่อและผู้เป็นแม่อย่างเต็มเปี่ยมมาตั้งแต่เกิด
“ว่าแต่ คนที่หนูขับรถชนตอนนี้เป็นยังไงบ้างคะ”
จู่ ๆ ลูกสาวก็ถามถึงเรื่องนั้นอีกแล้ว ทำเอาคนเป็นพ่อ คนเป็นแม่ต่างเลิ่กลั่ก พลันเคี้ยวข้าวในปากช้าลงโดยอัตโนมัติ เป็นเรื่องเดียวที่อยากให้ลูกสาวลืมให้เสียหมดสิ้น
“ก็อย่างที่พ่อเคยบอก ใช้ชีวิตได้ตามปกติ ไม่ได้เป็นอะไรมาก”
นิวารินยังไม่วางใจ จนกว่าเธอจะเห็นด้วยตาเนื้อตัวเองว่าคู่กรณีสุขสบายดี
“ว่าแต่เขาอยู่ที่ไหนเหรอคะ นิลอยากเข้าไปขอโทษด้วยตัวเองค่ะ” คำถามของหญิงสาว ทำเอาสองสามีภรรยาสบตากันอีกครั้ง แววตามีความกังวลอยู่ในนั้น โดยเฉพาะคนเป็นแม่ที่สีหน้าแสดงออกชัดเจน เผยพิรุธให้ลูกสาวจับสังเกต ส่งผลให้หัวคิ้วเรียวของหญิงสาวหม่นเขาหากันอย่างสงสัย
“…”
“มีอะไรหรือเปล่าคะ?” เห็นว่าผู้เป็นพ่อและผู้เป็นแม่ยังไม่ให้คำตอบเธอจึงทวนถาม
“อ๋อเปล่าครับ ส่วนที่อยู่…เดี๋ยวพ่อให้ลูกน้องไปหาให้อีกทีแล้วกัน พ่อเองก็ลืมไปแล้ว”
“ค่ะ”
“ทานข้าวกันต่อเถอะจ้ะ” บทสนทนาบนโต๊ะอาหารจบเพียงเท่านั้น
…
เจ้าของใบหน้าเรียวสวยได้รูปขับรถซิว ๆ ไม่ได้เร็วมาก ในหัวคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย แต่ระหว่างนั้นรถที่ขับตามมาด้านหลัง กลับขับปาดหน้าอย่างไม่ทราบสาเหตุ ทำให้เธอต้องเหยียบเบรกกะทันหัน
เอี๊ยด!
ปึก!
“อ๊ะ!” นิวารินเบิกตากว้างพลางหอบหายใจแรง ๆ อย่างตื่นตระหนก เมื่อรถของเธอชนท้ายรถคันดังกล่าว แต่ดีที่เหยียบเบรกรถทัน จึงชนไม่แรงมาก ขณะนั้นความตกใจก็เปลี่ยนเป็นความกลัว เมื่อภาพอุบัติเหตุครั้นก่อนประเดประดังเข้ามาในหัว
“…” เธอกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่อย่างขวัญเสีย แล้วพยายามตั้งสติ ก่อนจะตบไฟเลี้ยวขับรถตามรถของคู่กรณีไปจอดข้างทาง
ผู้ชายร่างสูงยังหนุ่ม ก้าวขายาวออกจากตัวรถยนต์หรูสีดำ หน้าตาหล่อเหลาราวกับพระเอกละคร ลักษณะการแต่งกายดูดี สวมใส่เสื้อยีนสีดำทับเสื้อยืดสีขาวด้านใน ท่อนล่างใส่เป็นกางเกงยีนพอดีตัว
ไม่รอช้าที่เธอจะลงจากรถเพื่อไปเคลียร์ เป็นจังหวะที่ชายหนุ่มสาวเท้าเดิมมาหยุดยืนตรงหน้าพอดีด้วยสีหน้านิ่ง ๆ ไม่เป็นมิตร “คุณไม่ควรขับรถปาดหน้าคนอื่นแบบนี้นะคะ เกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจริง ๆ จะทำยังไง”
หัวคิ้วเรียวหม่นเข้าหากันเป็นปม เมื่อคนตรงหน้าเอาแต่ยืนมองนิ่ง ๆ แววตาดุ โดยไม่พูดอะไรราวกับคนโรคจิต
“…”
“นี่คุณ! เอาแต่มองอยู่ได้”
“เจอกันสักทีนะ”
“หะ!?” สิ้นสุดเสียง ร่างสูงก็หมุนตัวเดินกลับไปที่รถของตัวเองโดยไม่พูดอะไรสักคำ ทิ้งให้เธอยืนงงอ้าปากค้างอยู่คนเดียว
“อะไรของเค้าเนี่ย ขอโทษสักคำก็ไม่มี” นิวารินถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งอย่างไม่เข้าใจ แต่ถึงกระนั้นเธอก็เลือกปล่อยผ่าน ปล่อยให้ผู้ชายไร้จิตสำนึกคนนั้นขับรถหนีไป เธอเองก็ไม่อยากมีเรื่องกับใครเหมือนกัน
“…”
------------------
เผชิญหน้ากันครั้งแรก ก็ทำตัวเป็นโรคจิตเลยนะพ่อ ?
