4.อ่อนใจ (ต่อ)
*** ทักทายคร้า ***
เวลาผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมง โรมเห็นหลานชายเดินออกจากกลุ่มเพื่อนไปตามทางเดินแคบๆ แล้วก็หายออกไปจากรัศมีของกล้อง ดวงตาคมเข้มยังคงจ้องจอมอนิเตอร์อย่างรอคอยว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้น
“เรียว...” โรมเรียกชื่อหลานชายสุดที่รัก หัวใจแกร่งเต้นแรง เมื่อเห็นหลานชายวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในรัศมีกล้องอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เรียววิ่งออกมาอย่างร้อนรนคล้ายวิ่งหนีอะไรสักอย่าง ไม่ถึงสองนาทีก็มีกลุ่มชายฉกรรจ์ห้าคนวิ่งตามออกไป แล้วภาพบนจอก็มืดสนิท
โรมหันขวับไปมององอาจด้วยสายตาโหดเหี้ยมและปล่อยหมัดเข้าใบหน้าอูมขาวเต็มแรง ร่างองอาจล้มกลิ้งไปกระแทกผนังห้องและร่วงลงไปกองกับพื้น เลือดสดๆ ไหลออกมาเต็มปาก ร่างสูงเดินไปลากคอองอาจลุกขึ้น
“ลมหายใจแกเหลืออีกไม่ถึงสามนาที”
ได้ยินเพียงเท่านั้นองอาจก็รูดลงไปกราบเท้าโรมอย่างน่าสงสาร แต่แววตาแข็งกร้าวก็ไม่อ่อนแสงลงสักนิด
“ไว้ชีวิตด้วย ไว้ชีวิตผมด้วย” องอาจลนลานบอก
ร่างสูงเดินไปยืนหน้าโต๊ะทำงานแล้วกระแทกฝ่ามือลงแรงๆ อย่างระบายอารมณ์ที่เดือดพล่านอยู่ข้างใน เรนเดินเข้าไปจับแขนองอาจให้ลุกขึ้น
“ทีนี้จะบอกได้หรือยังเสี่ย”
องอาจเงยหน้าขึ้นมองเรนอย่างกลัวๆ ใบหน้าบวมช้ำขยับขึ้นลงแล้วเดินไปเปิดลิ้นชักโต๊ะทำงาน หยิบเทปอีกม้วนส่งให้เรนมือไม้สั่น
“ภาพที่เหลืออยู่ในนี้ครับ”
เรนยื่นมือออกไปรับแล้วรีบเปิดทันที โรมและการ์ดทุกคนจ้องภาพบนจอมอนิเตอร์ตาไม่กะพริบ ภาพของชายฉกรรจ์ห้าคนที่วิ่งตามนายน้อยของพวกเขาออกมาชัดเจน และถูกบันทึกไว้ในหัวอย่างแม่นยำ
เสี่ยองอาจตัวสั่นงันงกกลัวจนแทบหยุดหายใจเมื่อเห็นใบหน้าคมเข้มแดงก่ำด้วยความโกรธ มือใหญ่กำเข้าหากันแน่นจนเส้นเลือดปูดขึ้นมาให้เห็น
“หาพวกมันให้เจอ ฉันจะทำให้มันรู้ว่าความทรมานก่อนตายมันเป็นยังไง” โรมบอกเสียงเหี้ยม หากไฟในดวงตาคมเผาไหม้ได้อย่างใจคิด ทุกอย่างรอบตัวของโรม วาเนอร์คงกลายไปเถ้าธุลีไม่มีชิ้นดี การ์ดทุกคนน้อมรับคำสั่ง แววตาและใบหน้าแม้จะนิ่งสนิท แต่ใจสุดแค้นคนที่ทำร้ายนายน้อยของพวกเขา
โรมและการ์ดออกไปจากวาเชียร์ผับได้ไม่นาน เสี่ยองอาจก็ได้ต้อนรับไอ้โม่งที่มาพร้อมกับลูกกระสุนเจาะเข้าร่างท้วมของเสี่ยองอาจจนพรุนไปทั้งตัว ชีวิตบนเส้นทางเลวร้ายของเสี่ยองอาจก็จบลงไปด้วยเช่นกัน
ภายในห้องประชุมเล็กของกองปราบปราม นายตำรวจระดับหัวหน้าหน่วยต่างนั่งหน้าเครียดอยู่ในห้อง หกชีวิตที่ตายในคืนเดียวกันแต่คนละสถานที่ ทำให้กองปราบปรามถูกตำหนิจากผู้ใหญ่อย่างรุนแรง จนทุกฝ่ายต้องมานั่งประชุมเพื่อหาทางปิดคดีกอบกู้ชื่อเสียงของกองปราบปรามกลับคืนมา
“ห้าคนที่เสียชีวิตอยู่ในบัญชีดำของกองปราบทั้งหมดครับ แต่สภาพศพและอาวุธที่ใช้ปลิดชีวิตพวกมันเป็นคนละแบบ สองคนตายเพราะอาวุธลับอาบยาพิษ ส่วนอีกสองตายเพราะถูกยิงในระยะประชิดเข้าที่หน้าผาก ส่วนศพที่ห้าตายเพราะขาดอากาศหายใจ” ตำรวจเจ้าของท้องที่โชว์ภาพประกอบตามลำดับ ก่อนจะส่งรายงานให้กับผู้กองสมภพ
“หมวดศักดาไปตรวจที่วาเชียร์ผับเจอหลักฐานอะไรบ้างไหม” สมภพถามใบหน้าเคร่งเครียด
ศักดาขยับตัวประสานมือบนโต๊ะประชุม ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้เจ้าหน้าที่เปิดภาพที่ถ่ายมา
“สภาพศพเสี่ยองอาจถูกยิงตามร่างกายจนพรุนไปทั้งร่าง เด็กในร้านยืนยันว่าก่อนตายคุณโรมไปที่วาเชียร์ผับและคุยกับเสี่ยองอาจนานเกือบสองชั่วโมง พอได้เวลาเปิดร้านเด็กก็ขึ้นไปเรียก เห็นเสี่ยองอาจนอนจมกองเลือดอยู่ที่พื้น” พูดจบศักดาก็กวาดสายตามองผู้ร่วมประชุม และหยุดสายตาที่ใบหน้าเนียนสวยของปินปี ริมฝีปากหนาเหยียดยิ้มเมื่อเห็นแววตาเคร่งเครียดของหญิงสาว ปินปีหันไปมองสมภพที่นั่งอยู่หัวโต๊ะในฐานะประธานการประชุม
“จากเวลาที่ปรากฏบนกล้องวงจรปิด ที่ภาพคุณโรมและลูกน้องเดินออกจากผับกับช่วงเวลาที่เสียชีวิตของเสี่ยองอาจ ห่างกันเกือบชั่วโมงนะคะ ถ้าจะฆ่าเสี่ยองอาจเพื่อล้างแค้นให้หลานชาย ฉันว่าเขาคงไม่เดินเข้าไปอย่างเปิดเผยแบบนี้” ปินปี บอกอย่างที่ใจคิด หลายคนหันไปมองปินปีและเริ่มคล้อยตาม
“อะไรกันหมอ แค่ไปดูที่เกิดเหตุด้วยกันวันเดียวเข้าข้างกันเป็นปี่เป็นขลุ่ย แบบนี้ชักยังไงๆ นะผมว่า” ศักดาพูดด้วยน้ำเสียงยียวนกวนอารมณ์อีกฝ่ายให้โมโห
“พูดให้ดีๆ นะหมวดศักดา” ปินปีสวนกลับไปเสียงเข้ม สีหน้าบอกถึงความไม่พอใจ
ศักดาเหยียดยิ้มอย่างดูแคลนทั้งสีหน้าและแววตา
“เอาล่ะๆ หมอปินนั่งลง เก็บเรื่องส่วนตัวไว้อย่าให้เสียงานใหญ่” สมภพส่งเสียงปราม ทำให้สงครามน้ำลายจำต้องยุติโดยปริยาย
“ผมเห็นด้วยกับหมอปินนะครับผู้กอง คนอย่างโรม วาเนอร์ คงไม่เอาชื่อเสียงมาเสี่ยงเรื่องแบบนี้แน่ สู้เขาให้มาเฟียที่หนุนเขาอยู่ไปจัดการเสี่ยองอาจไม่ดีกว่าเหรอ” นายตำรวจอีกคนกล่าวสนับสนุนความคิดของหญิงสาว
“สรุปว่าเรื่องการตายของเสี่ยองอาจ คนที่อยู่ในข่ายผู้ต้องสงสัยก็คือโรม วาเนอร์ ส่วนห้าศพเราคงต้องส่งสายลงพื้นที่ เพื่อสืบให้แน่ใจว่าการตายของพวกมันไม่เกี่ยวข้องกัน” สมภพสรุปจากรายงานที่อยู่ในมือ
ไม่รู้ว่าบทสรุปที่เหลือของเรื่องราวเป็นยังไง ปินปีก็จำไม่ได้เพราะใจครุ่นคิดถึงคำพูดของโรม วาเนอร์ที่ทิ้งท้ายไว้อย่างน่าตกใจก่อนที่เธอจะหนีเขากลับไป...คนที่มีกฎหมายในมือกลับทำผิดเสียเอง เขาหมายความถึงใครกันแน่
*** ***
