แค้นรักมาเฟีย by ทรายสีเงิน

46.0K · จบแล้ว
ทรายสีเงิน
31
บท
9.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เพราะต้องค้นหาหลักฐานในคดีฆาตกรรมสำคัญ ทำให้ ปินปีได้รู้จักกับจอมมารเจ้าเผด็จการอย่าง โรม วาเนอร์ ที่ต้องการสืบหาคนที่ฆ่าหลานชายสุดที่รัก และเขาก็คอยตามปกป้องเธอจากการถูกลอบทำร้ายจากคนที่ต้องการทำลายหลักฐานที่จะสาวไปถึงตัว สุดท้ายจอมมารร้ายอย่างเขาก็ใช้อ้อมกอดและหัวใจดูแลเธอไปตลอดชีวิต...

นิยายรักโรแมนติกประธานมาเฟียเศรษฐีโรแมนติก

1.หาหลักฐาน

*** ทักทายคร้า แค้นรักมาเฟียเป็นนิยายรักอีกเรื่องที่ทรายสีงเินอยากนำเสนอทุกท่านให้ได้อ่านจ้า เป็นนิยยความยาวกำลังดี แต่ความสนุกครบรสจ้า ฝากติดตามด้วยนะคะ กอดๆๆ จ้า ***

***********

เสียงวิพากษ์วิจารณ์ของกลุ่มไทยมุงดังเซ็งแซ่ สายตาทุกคู่จับจ้องไปยังร่างที่ชุ่มไปด้วยเลือดของเด็กฝรั่งวัยรุ่นอายุราวยี่สิบปีที่นอนจมกองเลือดอยู่ข้างรถสปอร์ตคันหรู ใบหน้าและศีรษะถูกทุบด้วยของแข็งจนบวมช้ำ ลำคอแดงก่ำคล้ายถูกรัดด้วยเชือก ตามร่างกายมีบาดแผลฉกรรจ์หลายแห่ง

ร่างโปร่งระหงของแพทย์หญิงปินปี เทพวรา แพทย์ฝีมือดีจากสถาบันนิติเวชนั่งลงบนส้นเท้า มือหยิบผ้าสีขาวที่คลุมหน้าศพออก ดวงตากลมโตกวาดมองตั้งแต่ใบหน้าบวมเป่ง ลำคอ ไปจนถึงนิ้วมือเกร็งหงิก จนกระทั่งถึงปลายเท้า ร่างกลมกลึงในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวเสียบชายเสื้อในขอบกางเกงยีนสีซีดลุกขึ้นยืนและเดินสังเกตรอบบริเวณช้าๆ รอยเลือดหยดเป็นทางยาวตั้งแต่ใต้ต้นไม้ใหญ่ จนไปถึงบริเวณที่พบผู้ตายไกลราวห้าสิบเมตร

มือเรียวสวยสวมถุงมือแพทย์สีขาวหยิบกระเป๋าสตางค์ที่ตกอยู่ไม่ไกลจากศพแล้วเปิดออก ภาพรอยยิ้มสดใสของเด็กหนุ่มถ่ายคู่กับผู้ชายใบหน้าคมเข้มอีกคนท่าทางสนิทสนมกันเป็นอย่างดี สายตากลมโตมองชื่อและภาพถ่ายที่ปรากฏอยู่ในพาสปอร์ต

“เรียว วาเนอร์ สัญชาติฝรั่งเศส” ริมฝีปากอิ่มพึมพำอ่านชื่อผู้ตาย คิ้วโก่งสวยขมวดเข้าหากัน แล้วก็ต้องอุทานเบาๆ

“พระเจ้า! อย่าบอกนะว่าเด็กคนนี้เป็นหลานชายท่านทูตทอมสัน” ปินปีผ่อนลมหายใจออกมาแผ่วเบาและเริ่มกังวลใจมากขึ้น

ผู้กองสมภพเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกสองนาย

“เป็นยังไงบ้างปิน เจอหลักฐานอะไรหรือเปล่า” สมภพเอ่ยถามเสียงเครียดพลางปรายตามองไปยังร่างไร้วิญญาณของผู้ตาย

“งานเข้าแล้วพี่ภพ”

สมภพรับพาสปอร์ตที่หญิงสาวยื่นมาให้อย่างสนใจ “หลานชายท่านทูตฝรั่งเศส?”

ปินปีพยักหน้าพลางมองไปยังผู้ช่วยอีกสองคนที่กำลังเก็บหลักฐานคราบเลือดอยู่ไม่ไกล

“คงถูกลากมาจากที่อื่น เพราะดูจากร่องรอยแล้วไม่น่าเป็นการฆ่าชิงทรัพย์”

หญิงสาวเอ่ยออกมาเบาๆ พอได้ยินกันสองคน

“ฆ่าปิดปาก”

ปินปีใช้ความเงียบแทนคำตอบ สมภพหน้าเครียดเพราะเรื่องนี้คงเป็นเรื่องระดับประเทศแน่ๆ ในโซนเอเชียและในฝรั่งเศส ไม่มีใครที่ไม่รู้จักเจ้าพ่อโทรคมนาคมผู้เป็นเจ้าของดาวเทียมสื่อสารหลายดวงที่หลายประเทศต้องขอเช่าสัญญาณจาก โรม วาเนอร์

“บ่ายสามโมงวันนี้เราจะประชุมเรื่องนี้กันที่กองปราบ” สมภพสั่งเสียงเข้ม ก่อนจะเดินไปหาหมวดศักดาเจ้าของคดีที่ยืนมองศพอยู่เงียบๆ พอเห็นผู้บังคับบัญชาในสายงานก็ยืดตัวตรงทำความเคารพทันที

“เก็บรายละเอียดให้ดีนะหมวด เรื่องนี้คงใหญ่ไม่แพ้คดีปล้นเพชรซาอุแน่”

หมวดศักดามองหน้าผู้บังคับบัญชาอย่างสงสัย สมภพจึงต้องขยายความต่อ

“ผู้ตายนามสกุลวาเนอร์ เท่านี้คงรู้แล้วนะหมวด”

หมวดหนุ่มอึ้งไปนิดหนึ่ง ก่อนจะมองห่อผ้าสีขาวด้วยสีหน้ากังวล

“คงเขม่นกับเด็กวัยรุ่นในผับใกล้ๆ แล้วถูกลวงมาฆ่าที่นี่น่ะครับผู้กอง บางทีอาจจะมีเรื่องยาเสพติดเข้ามาเกี่ยวด้วย” ศักดาเอ่ยสรุป มองร่างผู้ตายถูกเจ้าหน้าที่ยกขึ้นรถไปเก็บไว้ที่โรงพยาบาลตำรวจ

“อย่าเพิ่งด่วนสรุปหมวด ผิดพลาดมาจะเด้งกันไม่รู้ตัว ผมว่าไม่เกินพรุ่งนี้เราได้ต้อนรับโรม วาเนอร์แน่ๆ” สมภพบอกเสียงเครียด เป็นตำรวจมาหลายปีไม่เคยหนักใจเท่าคดีนี้มาก่อนเลยให้ตายสิ...ผู้กองหนุ่มพึมพำอยู่ในอก ก่อนจะเดินไปขึ้นรถ

หมวดศักดามองตามท้ายรถของผู้บังคับบัญชา ริมฝีปากหนาเหยียดยิ้มคล้ายสมใจอะไรบางอย่าง ก่อนจะเดินไปที่รถอย่างไม่ไยดีกับหลักฐานที่รวบรวมมาได้

และก็เป็นอย่างที่สมภพคาดการณ์ไว้ไม่มีผิด สิบโมงเช้าของอีกวันกองปราบปรามก็ได้ต้อนรับผู้ทรงอิทธิพลด้านการสื่อสาร โรม วาเนอร์ เดินทางมากองปราบปรามพร้อมกับเจ้าหน้าที่สถานทูตฝรั่งเศสสองคน และมีบอดี้การ์ดอารักขาตามมาอีกเป็นสิบ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องถูกเรียกเข้าประชุมด่วนทันที

ปินปีเป็นคนสุดท้ายที่เดินเข้าไปในห้องประชุม มือเรียวสวยพนมมือไหว้นายตำรวจอาวุโสอย่างมีสัมมาคารวะ

มือบางยกค้างเมื่อมาถึงร่างสูงสง่าสวมสูทสากลสีดำซึ่งนั่งอยู่ข้างรองคมสัน ใบหน้าคมเข้มมีแว่นกันแดดปิดบังไปกว่าครึ่ง เขาไม่แม้แต่จะมองมา สายตายังคงสนใจภาพในมือมากกว่าคนรอบข้าง

“ทุกคนมาพร้อมหมดแล้วครับท่านรอง” สมภพบอกรองคมสันอย่างสุภาพ ทำให้ร่างสูงขยับตัวเมื่อประธานการประชุมกล่าวเปิดประชุมอย่างเป็นทางการ

“ผมขอแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับคุณโรม วาเนอร์ อาของเรียว วาเนอร์ผู้ตายครับ”

ร่างสูงสง่าลุกขึ้นก้มศีรษะทักทายเพียงเล็กน้อย สายตาภายใต้แว่นกันแดดหนากวาดมองทุกคนในห้อง จนกระทั่งมาหยุดที่ใบหน้าเนียนสวยของปินปีที่นั่งอยู่ข้างสมภพ หญิงสาวขยับตัวเมื่อรู้สึกว่ากำลังถูกมอง

“ผมอยากทราบผลการสอบสวนทั้งหมด” เสียงทรงอำนาจของโรมดังขึ้น ทำให้หลายคนขยับตัวอย่างอึดอัด สายตาคมกวาดมองด้วยแววตาแข็งกร้าว หมวดศักดาในฐานะเจ้าของพื้นที่ลุกขึ้นชี้แจง พร้อมกับฉายสไลด์ภาพถ่ายและหลักฐานที่เก็บได้จากที่เกิดเหตุ โรมมองภาพหลานชายนอนจมกองเลือดด้วยใจร้อนรุ่มไปด้วยไฟแค้น มือหนากำเข้าหากันแน่น ระงับอารมณ์ที่เดือดพล่านในกายอย่างเต็มที่

“แล้วผลทางนิติเวชมีมั้ย” โรมถามต่อเมื่อหมวดศักดารายงานเสร็จ

ปินปีขยับตัวแล้วลุกเดินไปยืนด้านหน้า ดวงตาคมเข้มดุดันจ้องมองร่างโปร่งระหงด้วยแววตานิ่งลึกจนหญิงสาวประหม่า

“ผลทางนิติเวชคงต้องรออีกประมาณหนึ่งอาทิตย์ แต่เท่าที่ดูคร่าวๆ ผลตรวจไม่พบสารเสพติดและแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดค่ะ” หญิงสาวรายงานจบ เสียงฝ่ามือก็กระแทกกับโต๊ะประชุมดังลั่น

“ผมต้องการหลักฐานที่จะสาวถึงตัวคนร้าย ไม่ใช่หลักฐานตื้นๆ แบบนี้” โรมพูดเสียงดังอย่างผิดหวัง ใจร้อนรนโกรธแค้นคนที่ฆ่าหลานชายสุดที่รัก

**** ****