2.มาเฟียร้าย
*** ทักทายคร้า ***
ปินปีเลือดขึ้นหน้าเห็นช้างตัวเท่ามด ฟาดฝ่ามือลงบนโต๊ะเสียงดังไม่แพ้กัน ตาต่อตาจ้องกันอย่างไม่มีใครยอมใคร
“หลักฐานตื้นๆ เหรอ คุณรู้มั้ยกว่าเราจะได้หลักฐานพวกนี้มายากเย็นแสนเข็ญแค่ไหน แล้วหลักฐานพวกนี้จะทำให้เราสาวไปถึงตัวคนร้ายทั้งนั้น แต่คุณก็ต้องให้เวลาทางตำรวจไทยบ้างสิคะ ไม่ใช่เอะอะจะเอาให้ได้อย่างที่ใจคิด”
ห้องทั้งห้องเงียบกริบเมื่อเสียงปินปีจบลง ทุกคนใจหายใจคว่ำเป็นห่วงคนที่กล้าลุกขึ้นเถียงโรม วาเนอร์ที่ใครๆ ต่างก็กลัว
“หลานผมตายทั้งคนนะคุณ คุณไม่เคยสูญเสียจะเข้าใจอะไร” โรมยกมือเท้าสะเอวหรี่ตามองใบหน้าหวานสวยอย่างหงุดหงิด
ปินปีเจ็บแปลบในอก ภาพพี่ชายเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ในการปราบปรามยาเสพติดลอยเข้ามาในห้วงคำนึง
“เคยสิคะ ฉันเคยสูญเสียคนที่รักไป ฉันเข้าใจและเห็นใจคุณ แต่คุณก็ต้องให้โอกาสเราด้วย ยังไงเราต้องจับตัวคนร้ายมาลงโทษให้ได้”
“อาทิตย์หน้าผมจะมาอีกครั้ง และหวังว่าคงได้รู้อะไรมากกว่านี้นะหมอ” กล่าวจบโรมก็กระแทกก้นนั่งลงบนเก้าอี้ประชุมอย่างไม่สบอารมณ์ สมภพเอื้อมมือไปสะกิดปินปีให้นั่งลง ดวงตากลมใสมองเขานิดหนึ่งแล้วถอยไปนั่งที่เดิม
การประชุมดำเนินไปอย่างเคร่งเครียด จนกระทั่งเวลาล่วงไปถึงบ่ายสี่โมงเย็นการประชุมก็เสร็จสิ้นลง นายตำรวจหลายคนทยอยออกจากห้อง โรม ท่านรองคมสัน และผู้กองสมภพนั่งหารือกันต่อ แต่สายตาคมแอบชำเลืองมองปินปีอยู่เป็นระยะ
“ผมอยากไปดูที่เกิดเหตุ” โรมแจ้งความจำนงแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ทำให้สมภพจำต้องลุกตาม
“เดี๋ยวผมจะให้หมอปินปีพาไปนะครับ”
เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นมองคนที่เธอรักเหมือนพี่ชาย แล้วชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง สมภพพยักหน้าและส่งสายตาบังคับไปให้หญิงสาว ปินปีหน้าตึงชำเลืองมองคนต้นเรื่องอย่างไม่พอใจ แต่ก็แสดงออกมากไม่ได้เพราะเพิ่งมีเรื่องกับเขาไปเมื่อสักครู่
โรมเดินตามร่างโปร่งระหงไปที่ลานจอดรถ เพราะมัวแต่มองแผ่นหลังบางอย่างเพลิดเพลิน พอหญิงสาวหยุดกะทันหันก็ทำเอาเขาเบรกไม่ทันชนเธอเต็มแรง
“ว้าย!” ปินปีร้องเสียงหลง วงแขนแกร่งโอบเอวบางไว้ทันก่อนที่เธอจนล้มไปกองกับพื้น
โรมหัวใจกระตุกวูบรับรู้ถึงความนุ่มหยุ่นของร่างในอ้อมแขน พอได้สติหญิงสาวก็เบี่ยงตัวออกจากอ้อมกอดแกร่ง ใบหน้าหวานแดงซ่านอย่างอายๆ โชคดีที่เลยเวลาเลิกงานคนเดินผ่านไปมาไม่มากนัก
“จะบ้าเหรอ ชนมาได้ ตัวใหญ่ยังกะช้าง”
“จะหยุดทำไมไม่บอกล่ะคุณ” โรมบอกเสียงเข้ม คลายวงแขนออกจากเอวบางเมื่อเธอหนีบเนื้อท่อนแขนแกร่งแรงๆ
“แล้วหยุดทำไมไม่ดูกันบ้าง” เธอบ่นอุบอิบและเตรียมจะเดินไปที่รถเก๋งคู่ใจ แต่มือใหญ่ก็ยึดข้อมือเธอไว้ทัน
“ไปรถผมดีกว่า”
เขาบอกพลางดึงมือเธอเดินตาม แต่หญิงสาวก็ขืนตัวไว้ไม่ยอมตามใจเขา
“เดี๋ยวค่ะ แล้วรถฉันล่ะคะ”
โรมหยุดเดินแล้วแบมือไปข้างหน้า ปินปีมองตาเขาอย่างไม่เข้าใจ
“กุญแจ”
หญิงสาวส่งกุญแจให้เขาอย่างเลี่ยงไม่ได้ โรมโยนกุญแจให้การ์ดที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ก่อนจะพาเธอไปขึ้นรถที่เรนเปิดประตูรออยู่ เมื่อประตูปิดรถก็เคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งความเคลื่อนไหวของคนทั้งคู่นั้นมีสายตาคู่หนึ่งมองลงมาจากชั้นสองของตึกด้วยแววตาเย้ยหยัน
ร่างสูงสง่าของโรม วาเนอร์ ยืนมองบริเวณที่พบศพหลานชายด้วยดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าคมเคร่งขรึมดูน่ากลัว ชายฉกรรจ์ชุดดำหลายสิบคนยืนรายรอบบริเวณเพื่ออารักขาเจ้านายหนุ่ม ดวงตาคมดุมองหยดเลือดแห้งกรังของหลานชายสุดที่รักบนใบไม้อย่างสงสาร หลายครั้งที่หลานชายขอมาเที่ยวเมืองไทย เพราะเรียวชอบที่นี่ชอบความเป็นคนไทย ทำให้ขอเขามาประจำทุกปี และปีนี้เขาก็ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ถ้ารู้เขาคงไม่ให้มา หรือถ้ามาเขาก็ต้องมาด้วย เรียวอายุยังน้อยและเป็นเด็กดีมาตลอด ไม่เคยทำตัวให้เขาต้องกังวลใจ หลานชายเขาไม่ควรต้องมาจบชีวิตเร็วแบบนี้
ดวงตาคมหลับลงช้าๆ ใจเฝ้ากล่าวขอโทษพี่ชายและพี่สะใภ้ที่ดูแลหลานไม่ดี สายลมยามเย็นพัดวูบเข้ามาปะทะกายทำให้ใครหลายคนเย็นยะเยือกไปถึงขั้วหัวใจ ปินปีมองเสี้ยวหน้าคมอย่างเห็นใจ เธอเข้าใจความรู้สึกของการสูญเสียดีว่าคนที่อยู่เจ็บปวดเพียงใด
โรมเดินวนไปรอบๆ บริเวณที่เกิดเหตุ สายตาคมเก็บรายละเอียดต่างๆ ไว้ในหัว เท้าที่กำลังก้าวหยุดชะงัก ตาจ้องไปยังรอยกระสุนที่โคนต้นก้ามปูใกล้ที่เกิดเหตุ ร่างสูงสง่าขยับเข้าไปใกล้พร้อมกับถอดแว่นกันแดดออกจากสันจมูกโด่งเพื่อให้เห็นรูกระสุนชัดเจนขึ้น เรนอดีตนักฆ่ามืออาชีพที่ผันตัวเองมาเป็นบอดี้การ์ดคนสนิทของนายใหญ่แห่งวาเนอร์เดินไปหยุดยืนข้างเจ้านายหนุ่ม
“ซีลรีบอร์น” เรนบอกเสียงเบา ทำให้โรมหันไปมองเพื่อขอความกระจ่าง
“ซีลรีบอร์นเป็นกระสุนขนาดเล็ก ความคมของกระสุนชนิดนี้ทะลุเสื้อเกราะได้ครับ มีใช้กันในหมู่นักฆ่ามืออาชีพ อานุภาพของมันสามารถเจาะทะลุทะลวงสูง ทำให้คนที่ถูกยิงแทบไม่มีโอกาสรอด” เรนตอบข้อสงสัยของเจ้านายเสียงเรียบ
ปินปีเดินเข้าไปใกล้ มองรอยกระสุนบนเนื้อไม้
“เช็กให้ได้ว่านักฆ่ากลุ่มไหนที่ใช้ ฉันต้องการคำตอบภายในยี่สิบสี่ชั่วโมง” โรมสั่งเสียงเข้ม
ปินปีได้ยินก็แอบค่อนขอดเขาอยู่ในใจว่าบ้าอำนาจ ส่วนเรนเดินออกไปจัดการตามคำสั่งทันที
“เป็นไปได้ไหมคะว่าเป็นศัตรูทางธุรกิจของคุณ”
โรมหันไปมองต้นเสียง ก่อนจะเดินนำหญิงสาวไปที่รถ เมื่อเห็นเขายังคงใช้ความเงียบเป็นคำตอบ ปินปีก็ถามต่อ
“หลานชายคุณเคยไปมีเรื่องกับนักเลงกลุ่มไหนหรือเปล่า แล้วคุณกับหลานชายสนิทกันมากไหมคะ”
เขาไม่ตอบ แต่จับเธอยัดเข้าไปในรถแล้วก้าวขึ้นไปนั่งข้างๆ
“ผมจะตอบทุกคำถามก็ต่อเมื่อพวกคุณหาหลักฐานสาวถึงตัวคนร้ายได้เท่านั้น” โรมบอกเสียงเครียดหลังจากที่รถเคลื่อนตัวออกจากที่เกิดเหตุ
**** ****
