บทที่ 2 คืนสังสรรค์ต้อนรับน้องใหม่ (2)
บทที่ 2 คืนสังสรรค์ต้อนรับน้องใหม่ (2)
หลังเลิกงานชาวบัญชีก็รวมตัวกันและพุ่งไปยังร้านข้าวตามสั่งก่อนจะเริ่มต้นสังสรรค์ในช่วงสามทุ่ม ม่านไหมติดรถไปกับปิ๋มและแพท ส่วนยุ้ยต้องขอตัวกลับบ้านไปรายงานต่อสามีและลูกก่อน ครั้นมาถึงจุดหมายคนที่เป็นขาประจำเลือกสรรโต๊ะถูกใจ อาหารเครื่องดื่มมากมายยกมาวางเรียงรายเต็มล้น ราวกับว่าข้าวที่กินไปตอนเย็นนั้นยังไม่เคยตกถึงท้องสักคำ
“โอ้โห...ไอ้ปิ๋ม! แกสั่งอะไรเยอะแยะวะเนี่ย นี่กะจะผลาญเงินฉันไม่ให้เหลือถึงสิ้นเดือนเลยหรือไง!” แพทถึงกับอ้าปากค้าง เห็นของที่วางบนโต๊ะก็ปาดเหงื่อเป็นอันดับแรกเมื่อลองคำนวณถึงค่าใช้จ่ายของค่ำคืน
เช่นเดียวกับม่านไหมที่ทำตาโตเป็นไข่ห่าน ไม่ว่าจะอาหาร ของทานเล่น เครื่องดื่มทั้งเหล้าและเบียร์ก็ถูกวางอยู่บนโต๊ะ เธอเคยเห็นภาพแบบนี้ก็คืองานเลี้ยงโต๊ะจีนตามงานเท่านั้น
“อย่าเวอร์! หารสี่จะเอาอะไรมาแพง ลืมหรือไงว่ายายแบมมันก็มาด้วย” ปิ๋มพูดถึงแบมหนึ่งในสมาชิกของฝ่ายบัญชีที่มาในค่ำคืนนี้ ถึงแม้จะไม่ได้รวมแก๊งสนิทสนมเหมือนกับยุ้ยและแพท แต่การเลี้ยงต้อนรับน้องใหม่ก็ควรชวนคนในแผนกมาด้วยเช่นกัน
“เออว่ะ หารตั้งสี่คนคงไม่เกินคนละสองพันหรอกมั้ง”
“หารไหมด้วยก็ได้นะคะ อย่าเลี้ยงไหมเลย เรามาด้วยกัน กินด้วยกัน ควรหารทุกคนดีกว่า” หญิงสาวเสนอตัวด้วยสีหน้าเป็นกังวล เธอไม่อยากให้ทุกคนต้องหนักใจเรื่องค่าใช้จ่ายเพียงเพราะเลี้ยงเธอคนเดียว
“โอ๊ย! ไม่ได้ ๆ พวกพี่บอกแล้วไงว่าจะเลี้ยงต้อนรับน้องใหม่ ไหมน่ะห้ามออกเงินแม้แต่บาทเดียวเชียวนะ” เป็นแพทที่รีบแทรกขึ้นมาทันที ต่อให้เธอจะกังวลเรื่องเงินที่ต้องจ่ายก็จริง แต่เธอไม่มีวันยอมให้น้องใหม่น้องเล็กต้องร่วมออกเงินแน่
“ขอบคุณพวกพี่มากนะคะ”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก มา ๆ เลือกที่นั่งเลยดีกว่า เรามาวอร์มเครื่องระหว่างรอพี่ยุ้ยกับยายแบมกันก่อนเลย นี่พี่จะบอกให้ว่าตอนสี่ทุ่มน่ะมีดีเจด้วยนะ ไฟนี่ส่องจนตาแทบบอด”
ม่านไหมถูกจับจูงให้นั่งอยู่กลางวงและถูกล้อมด้วยปิ๋มและแพท จากนั้นแก้วเบียร์ก็ถูกส่งยื่นมาใส่มือของเธอ ก่อนที่เธอจะยกมันขึ้นดื่มไปพร้อมกับอีกสองคนที่ส่งเสียงเชียร์ถือเป็นการเปิดพิธีในค่ำคืน
เสียงเพลงบีตหนักดังเคล้าเป็นจังหวะช่วยขับกล่อมและเร่งเร้าให้เกิดความสนุกสนาน ยิ่งมีฤทธิ์มึนเมาจากเครื่องดื่มที่ไหลกลืนลงคอก็ยิ่งทวีคูณมากขึ้นสองเท่า แก้วแล้วแก้วเล่าถูกเติมและส่งเข้ามือของม่านไหม เธอไม่ปฏิเสธสักครั้งมีแต่จะยินดีพร้อมพรักกับการบริการของคนรุ่นพี่
กว่าสมาชิกอีกสองคนจะมาสติของเธอก็ถูกความมึนเมาครอบงำไปเกือบครึ่ง และแน่นอนว่าคนมาช้าย่อมถูกซ่อมกันไปตามระเบียบ
“เดี๋ยวนะ ฉันมาช้ากว่าพวกแกแป๊บเดียว นี่กินกันขนาดนี้แล้วเหรอ” ยุ้ยเท้าเอวสำรวจมองเครื่องดื่มและแก้วส่วนตัวของทุกคนบนโต๊ะที่เห็นว่าตอนนี้พร่องไปมากแล้ว
ขวดเบียร์เปล่าแบรนด์ดังถูกวางที่มุมโต๊ะหกขวด ในแก้วสามใบก็มีแค่ก้อนน้ำแข็งน้อย ๆ ครั้นเบนสายตาไปมองใบหน้าก็พบว่าถูกความแดงก่ำเล่นงานลามไล้ไปถึงคอกันแล้วเรียบร้อย
“นี่พวกแกมาเลี้ยงต้อนรับไหมจริงป้ะเนี่ย เบาหน่อยเถอะ” เป็นเสียงของแบมที่เอ่ยขึ้นต่อจากยุ้ย เธอเห็นภาพตรงหน้าก็ได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ
“แหม...พวกมาช้านี่ปากเก่งจริง ๆ อย่าพูดมากค่ะ ซ่อมเดี๋ยวนี้เลย กินให้หมดคนละสามแก้ว ห้ามพักห้ามวาง!”
“ใช่! ไม่ต้องมาว่าเราเลย คนมาช้าไม่มีสิทธิ์พูดอะไร ซ่อมเดี๋ยวนี้ ดูอย่างน้องไหมสิ กินหมดไปหลายแก้วไม่มีบ่นเลย นี่แหละสมาชิกใหม่ของแก๊งเรา!”
ม่านไหมอมยิ้มกลั้นเสียงหัวเราะ นึกทึ่งอยู่ไม่น้อยที่ก่อนหน้านั้นเธอและรุ่นพี่สองคนสนุกสนานกันอย่างสุดเหวี่ยง แถมยังคาดไม่ถึงอีกว่าตัวเองจะดื่มได้มากขนาดนี้ มั่นใจว่าไม่ใช่คนคอแข็ง แต่พอตอนนี้เริ่มเข้าข้างตัวเองนิด ๆ แล้วว่าเธอเองก็ใช้ได้อยู่เหมือนกัน
“อย่าว่าพี่ปิ๋มพี่แพทเลยค่ะ ไหมสนุกมากเลย พวกพี่ก็มาดื่มด้วยกันสิคะ มาช้าแบบนี้ต้อง...ต้องอะไรนะคะ ที่เมื่อกี้พี่ปิ๋มพูด”
“ซ่อมจ้า! คนมาช้าต้องซ่อม กระดกให้หมดคนละขวดเลยเป็นไง!”
“ใช่ค่ะ ต้องซ่อม!” หญิงสาวหัวเราะตาหยีก่อนจะรีบบริการหยิบแก้มและเทรินเบียร์ให้กับรุ่นพี่ทั้งสองคนที่เพิ่งมา
ตอนแรกเธอประหม่ากลัดเกร็งอยู่ตั้งนาน ไม่รู้ว่าจะทำให้บรรยากาศกร่อยจนหมดสนุกหรือเปล่า แต่กลายเป็นว่าพอถูกฤทธิ์แอลกอฮอล์ควบคุมเธอก็เอ็นจอยเริงร่าจนลืมตัวเสียอย่างนั้น
“โอ๊ย...ตายแล้ว น้องไหมของฉันก็เป็นไปกับเขาด้วยเหรอลูก ซ่อมก็ซ่อมวะ มาเร็วยายแบม ชนโว้ย!”
