บทที่ 2 คืนสังสรรค์ต้อนรับน้องใหม่ (1)
บทที่ 2
คืนสังสรรค์ต้อนรับน้องใหม่ (1)
เวลาเจ็ดโมงครึ่งม่านไหมจะต้องเดินออกมาหน้าปากซอยของหอพักเพื่อรอปริญมารับและติดรถไปทำงานกับเขา เธอไปทำงานพร้อมเขาเข้าวันที่สี่แล้ว ความตื่นเต้นดีใจที่ได้เจอหน้าเขาเป็นคนแรกของวันยังคงเกิดขึ้นอยู่
นับว่าเป็นความสุขเล็ก ๆ ของคนแอบชอบอย่างเธอเลยก็ว่าได้ นอกจากจะได้ทำงานที่บริษัทเดียวกันกับปริญแล้ว เธอยังได้ติดรถไป-กลับจากที่ทำงานกับเขาทุกวันอีกด้วย
ฟ้าเป็นใจขนาดนี้จะหาว่าเธอมโนไปเองก็คงไม่ได้...
ม่านไหมเดินออกมารอได้ไม่ถึงห้านาทีรถยนต์เอสยูวีสีดำเงาก็ขับมาจอดเทียบในจุดที่ยืนอยู่ เธอฉีกยิ้มกว้างให้กับคนด้านใน จากนั้นก็เปิดประตูและขึ้นนั่งประจำที่เบาะฝั่งข้างคนขับทันที
“สวัสดีค่ะพี่ปริญ ขอรบกวนด้วยอีกวันนะคะ” คำทักทายแรกของม่านไหมคือคำคำนี้ เธอพูดกับเขาตั้งแต่วันแรกที่ปริญมารับ จนเข้าสู่วันที่สี่เธอก็ยังเปิดประโยคด้วยคำพูดเดิม พร้อมกับรอยยิ้มหวาน ๆ ที่ปริญเองก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มตามออกมาเช่นกัน
“บอกแล้วไงว่าเดี๋ยวพี่ขับเข้าไปรับหน้าหอเอง จะเดินออกมาทำไมก็ไม่รู้” ปริญตีไฟเลี้ยวและขับเบี่ยงเข้าสู่ถนนทางหลัก ปากก็พร่ำบ่นกับหญิงสาวอย่างไม่จริงจังนัก
“มันเสียเวลาค่ะ กว่าพี่ปริญจะขับเข้าซอยแล้วก็กลับรถออกมาอีก ไหมเดินออกมาเองดีกว่า”
หอพักที่เธออยู่เป็นซอยเล็ก ๆ มีถนนสองเลนสำหรับรถสวนกัน หากให้ปริญมารับถึงข้างในก็ต้องเสียเวลากลับรถอีกหลายนาที แค่เขาแวะรับเธอไปทำงานด้วยกันก็เกรงใจมากแล้ว เธอช่วยร่นเวลาให้เขาโดยการเดินออกมารอหน้าปากซอยมันก็ไม่ได้หนักหนาอะไร
“อ้อ...จริงสิคะ ไหมเกือบลืมบอกพี่ปริญแหนะ เย็นนี้พี่ ๆ ที่แผนกนัดกันว่าจะเลี้ยงต้อนรับไหม วันนี้ไหมคงไม่ต้องรบกวนให้พี่ปริญไปส่งที่หอ” ม่านไหมนึกขึ้นได้
ตั้งแต่วันแรกที่เข้าทำงานรุ่นพี่ที่แผนกก็พูดไว้ตั้งแต่ต้นแล้ววันเย็นวันศุกร์จะพาเธอไปกินเลี้ยงต้อนรับในฐานะน้องใหม่ พอคิดว่าเย็นนี้จะไม่ได้กลับพร้อมกันกับคนที่แอบชอบก็รู้สึกเศร้าใจขึ้นมาจาง ๆ
“งั้นเหรอ อืม...จริงสินะวันนี้วันศุกร์นี่นา ตอนเย็นใคร ๆ ก็คงออกไปดื่มกันทั้งนั้น” ปริญเหมือนเพิ่งนึกได้ พอรู้วันเขาก็ไม่แปลกใจเลยเนื่องจากตัวเองก็เป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่ชอบออกไปสังสรรค์ในเย็นวันศุกร์เช่นกัน
“แล้วพี่ปริญไปไหนไหมคะ เห็นพี่ ๆ เขาพูดกันว่าพี่ปริญกับเพื่อนก็ชอบออกไปดื่มกันบ่อย ๆ”
“อะไรเนี่ย สาวบัญชีเอาพวกพี่ไปนินทาเหรอหืม” ใบหน้าหล่อเหลาหันมองพลางหรี่ตาอย่างนึกจับผิด
“ไม่ได้เรียกว่านินทาสักหน่อย แค่พูดถึงเท่านั้นเองค่ะ” ม่านไหมตอบอ้อมแอ้ม แต่ลองนึกดูแล้วก็เป็นอย่างที่ปริญพูดจริง ๆ เพราะหัวข้อสนทนาส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นมักจะเป็นเรื่องของคนในแผนกวิศวกรรมทั้งนั้น และเนื้อหาความสำคัญก็คงไม่พ้นตัวบุคคลโดยเฉพาะหัวหน้าอย่างปริญที่ใครต่อใครต่างก็ยกย่องให้เป็นสามีมโน
“เย็นนี้เราอาจจะบังเอิญเจอกันที่ร้านก็ได้ ไหมไปร้านไหนล่ะ”
“ไหมเองก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ แต่พี่ปิ๋มบอกว่าเด็ดมาก นักร้องหล่อ อาหารก็อร่อยด้วย” จดจำได้ถึงสรรพคุณของร้านที่จะไปได้ดี แค่ได้ยินคำโฆษณาก็ทำให้เธออยากไปลิ้มลองด้วยตัวเองสักครั้ง
“ฮึ...ตาโตเชียวนะพอพูดถึงนักร้องหล่อ ไหมก็ต้องระวังตัวด้วยล่ะ ถ้ามีอะไรก็โทรหาพี่ได้ตลอดไม่ต้องเกรงใจ” ปริญหัวเราะเบา ๆ พลางยกมือขึ้นมายีที่เรือนผมนุ่มของหญิงสาว นึกมันเขี้ยวอยู่เหมือนกันเมื่อเห็นแววตาเป็นประกายยามเธอพูดถึงคำอวดอ้างของร้านสังสรรค์นั่น หากเป็นน้องเป็นนุ่งคงจับมาตีก้นสั่งสอนให้เข็ด
“รับทราบค่ะ ไหมจะระวังตัวอย่างดีเลย” ม่านไหมทำท่าขึงขังคล้ายการตอบรับของคนในเครื่องแบบ ก่อนที่เสียงหัวเราะจะดังขึ้นตามมาพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปากบาง ๆ ของปริญ
ในใจก็ได้แต่พูดพร่ำกับตัวเองและทอดสายตามองยังรูปหน้าฟ้าประทานที่หลงใหลว่าเธอพูดออกไปอย่างนั้น หากแท้จริงแล้วความรู้สึกและความสนใจอย่างเดียวของเธอก็คือเขาแต่เพียงผู้เดียว
