บทที่ 2 คืนสังสรรค์ต้อนรับน้องใหม่ (3)
บทที่ 2 คืนสังสรรค์ต้อนรับน้องใหม่ (3)
“โอ๊ย...ตายแล้ว น้องไหมของฉันก็เป็นไปกับเขาด้วยเหรอลูก ซ่อมก็ซ่อมวะ มาเร็วยายแบม ชนโว้ย!”
บรรยากาศกลับมาครึกครื้นสนุกสนาน การถูกซ่อมของคนมาช้าเป็นเหมือนการเริ่มต้นความสนุกอีกหนึ่งยก ครั้นแก้วที่กระดกดื่มวางกระแทกกับโต๊ะเสียงเฮจากกองเชียร์ก็ดังก้อง ก่อนที่ของเหลวจะรินเทให้กับทุกคนและยกมันขึ้นดื่มพร้อมเพรียงกันอีกครั้ง
ปิ๋มและแพทลุกขึ้นเต้นเมื่อถึงช่วงดีเจ สองคนนั้นสลับดื่มเบียร์กับเหล้าจนดูออกว่ากำลังเมา ม่านไหมจึงขอตัวแยกออกมาเข้าห้องน้ำ พอลุกขึ้นยืนโลกทั้งใบก็โอนเอียงจนต้องจับยึดกำแพงและพาตัวเองเดินไปตามหนทาง
ขาเรียวเดินซวนเซหากแต่สมองยังมีสติ ภาพตรงหน้าเรือนพร่าไปบ้างแต่ก็มั่นใจในลิมิตตัวเองว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น เธอได้ยินทุกเสียง เข้าใจทุกอย่าง ปัญหามีแค่ร่างกายเท่านั้นที่มีเรี่ยวแรงน้อยนิดในการเดิน หากแต่ม่านไหมก็ยังประคองพาตัวเองเข้าไปในห้องน้ำได้สำเร็จ
เธอนั่งหลับตาตั้งสติอยู่ในห้องน้ำชั่วคราว หยิบโทรศัพท์มาเช็กข่าวสารและการแจ้งเตือนพร้อมกับควักยาดมที่พกติดตัวขึ้นมาสูดดมเต็มปอด พอเห็นว่าภาพอันพร่าเบลอเริ่มชัดแจ้งถึงได้เดินออกมาล้างมือล้างหน้าหวังจะกลับไปสนุกร่วมกับกลุ่มก๊วนใหม่
แต่แสงสว่างจากห้องน้ำและบริเวณด้านนอกแตกต่างกันสิ้นเชิง พอเดินออกมาก็พบเพียงความมืดสลัวและแสงสาดส่องของไฟสปอตไลต์ชวนเวียนหัว ม่านไหมเดินชิดกำแพงและจับประคองเพื่อให้ตัวเองเดินไปยังโต๊ะอย่างรวดเร็ว โดยไม่ทันสังเกตถึงบุคคลที่ยืนรอเธอหน้าห้องน้ำมาตั้งแต่ต้นและตอนนี้ก็กำลังเดินตามประชิดจากทางด้านหลังที่ห่างกันเพียงไม่ถึงเมตร
“อ๊ะ!” ทว่าจังหวะก้าวเดินกลับสะดุดกึกจนร่างกายเทคะมำ หากแต่เอวบางของหญิงสาวถูกคว้าหมับเอาไว้ได้ทันก่อนจะล้มลงสู่พื้น
มือใหญ่โอบประคองและดึงรั้งให้ร่างเล็กแนบชิดกับอกแกร่งทันที ม่านไหมรีบหันมองด้วยความตกใจแต่คิดว่าจะกล่าวขอบคุณที่เขาช่วยคว้าไว้ ทว่าทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างที่นั้นเมื่อร่างกายของเธอถูกดันให้ชิดติดกับกำแพง ก่อนที่ใบหน้าของคนคนนั้นจะโน้มเข้ามาใกล้จนเธอต้องเบี่ยงหลบ
“ไหวไหมครับ คุณน่าจะเมาแล้ว” เสียงทุ้มแหบพร่าเอ่ยประชิดจนม่านไหมได้กลิ่นเหม็นของบุหรี่และเหล้าจากคนอีกฝ่าย
“วะ...ไหวค่ะ ช่วยปล่อยฉันด้วย” เธอผลักคนตรงหน้าออก ยกมือขึ้นปัดป่ายทั้งดันผลักตัวและดันใบหน้า แต่ก็ดูเหมือนว่าเขาคนนั้นจะยิ่งชอบใจและโน้มตัวเข้ามาใกล้มากกว่าเดิม “ปล่อยนะ ออกไป”
“คุณสวยมากเลย มากับใครเหรอครับ สนใจไปนั่งที่โต๊ะผมไหม” ไม่พูดเปล่า มือหยาบกร้านยังถือวิสาสะยกขึ้นเกลี่ยไล้ที่แก้มใส ๆ ของเธออีกด้วย
ม่านไหมขืนตัวรวบรวมเรี่ยวแรงผลักออกห่าง หากแต่เธอไม่สามารถสู้กับแรงมหาศาลของบุรุษเพศที่ตัวใหญ่กว่าเธอหลายเท่าได้
“ช่วยปล่อยฉันด้วยค่ะ คุณกำลังล่วงเกินฉันอยู่” เสียงเล็กเอ่ยขึ้นด้วยความกรุ่นโกรธ พยายามกวาดสายตามองหาตัวช่วยเผื่อว่าจะมีใครเดินผ่าน แต่ก็เหมือนกับโชคชะตาเล่นตลกเพราะไม่มีแม้แต่เงาเฉียดใกล้ให้เห็นเลยสักนิด
“ไม่เอาน่า ผมแค่เป็นห่วง แล้วคุณเองก็สวยถูกใจผมมากด้วย ผมเลยอยากชวนคุณไปนั่งที่โต๊ะด้วยกัน”
“อ๊ะ! ปล่อยนะ ฉันบอกว่า...”
หมับ!
พรึ่บ!
ทว่าแรงปะทะบางอย่างเกิดขึ้นส่งผลให้คนตรงหน้าถูกผลักออกก่อนจะถูกกักตัวด้วยฝีมือของการ์ดชุดดำที่เธอเห็นอยู่หน้าร้าน
คนหยาบช้าถูกล็อกแขนซ้ายขวา พยายามดิ้นรนก็ยิ่งถูกกักกันด้วยแรงมหาศาลจนต้องส่งเสียงร้องโวยวายออกมา
“เฮ้ย! ทำเหี้ยไรวะ! มึงทำกับลูกค้าแบบนี้ได้ยังไง”
ม่านไหมมึนเบลอไปชั่วขณะ แต่ไม่นานก็เข้าใจได้ว่าคนที่มาช่วยนั้นคือการ์ดดูแลความเรียบร้อยของร้าน เธอผ่อนลมหายใจและรีบยกมือไหว้ขอบคุณทันที หากแต่การกระทำกลับหยุดชะงักเมื่อร่างสูงใหญ่อันคุ้นเคยเดินเข้ามาปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้า
“เป็นอะไรหรือเปล่าไหม” เสียงทุ้มนุ่มหูเอ่ยขึ้นด้วยความอ่อนโยน มือใหญ่สองข้างจับที่ไหล่มนเบา ๆ พลางสำรวจมองด้วยความลนลาน ในขณะที่ม่านไหมกลับนิ่งงันคล้ายถูกมนตร์สะกด
เธอไม่คิดว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าจะเป็นปริญ
ใช่...เป็นปริญที่อยู่ตรงหน้าของเธอในตอนนี้!
“พะ...พี่ปริญ ทำไมถึง...”
“ช่วยจัดการด้วยนะครับ มันลวนลามน้องสาวผม” ปริญหันไปพูดกับการ์ดชุดดำสองคนด้วยความแข็งกร้าว ใบหน้าของเขาปรากฏชัดถึงแรงโทสะ ซึ่งมันเป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นเขาในมุมนี้
“ครับ ขอบคุณที่แจ้งด้วยนะครับ เราไม่ปล่อยไว้แน่นอน”
“เฮ้ย! จะทำอะไรวะ ปล่อยกู!”
“เอาออกไปนอกร้านเลย!”
สิ้นประโยคชายร่างสูงใหญ่ก็นำตัวออกไปท่ามกลางความตกใจของลูกค้าคนอื่นในร้านที่ได้ยินเสียงโวยวายเข้าพอดี
หญิงสาวอ้าปากค้าง ไม่รู้ว่าจะต้องตกใจกับอะไรก่อนระหว่างการที่ปริญมายืนอยู่ตรงหน้าเธอแบบนี้ หรือการที่การ์ดของร้านหิ้วปลีกคนหยาบช้าออกไป
“พี่เห็นพอดีน่ะเลยเรียกการ์ดให้มาช่วย ไหมเป็นอะไรหรือเปล่า มันทำอะไรเราหรือเปล่า จะได้ไปแจ้งความ”
“ไหม...”
“โชคดีที่พี่เห็นเราพอดี พี่เห็นว่าไหมหายไปเข้าห้องน้ำนานแล้วก็เลยเดินตามมาดู นี่ถ้าพี่มาไม่ทันมันจะเกิดอะไรขึ้น”
“...” ม่านไหมพูดอะไรไม่ออก ในหัวมีแต่คำถามที่วนเวียนไปมา
คำพูดของปริญเหมือนกับว่าเขาอยู่ที่นี่ตั้งแต่ต้น แถมยังดูเหมือนว่าเขาให้ความสนใจกับเธอโดยเฉพาะด้วยซ้ำ
“ไหม อย่าเงียบ”
“ไหมไม่ได้เป็นอะไรค่ะ โชคดีที่เข้ามาช่วยได้ก่อน” หญิงสาวสะดุ้งกับน้ำเสียงดุที่ได้ยิน เธอเงียบอยู่นานสองนานจนปริญต้องตีหน้าขรึมที่เพียงมองก็ขนลุกซู่ไปทั้งตัวแล้ว
“สรุปเมาใช่ไหมเนี่ย แล้วทำไมมาเข้าห้องน้ำคนเดียวล่ะ”
“มึน ๆ นิดหน่อยน่ะค่ะ แล้วพี่ปริญมาได้ยังไงคะ หรือว่ามาดื่มที่นี่เหมือนกัน”
ปริญหรี่ตามองคนตอบไม่ตรงคำถาม ทวนคำพูดของเธอเมื่อครู่ก็คิดว่ามันน่าจะห่างไกลจากคำว่า ‘นิดหน่อย’ ของเธอไปมาก
แบบนี้ไม่น่ามึนนิดหน่อยแล้วมั้ง...
“มาดื่มกับเพื่อนน่ะ พวกในแผนกนั่นแหละ”
“งั้นเรากลับโต๊ะกันดีกว่าค่ะ ไหมมานานแล้วด้วย” หญิงสาวหลบสายตาเพราะรู้ว่าปริญกำลังวางท่าเหมือนผู้ปกครองไม่มีผิด เธอเดินนำเขาไปที่โต๊ะ แต่จังหวะที่กำลังก้าวเดินกลับสะดุดขาตัวเองจนเกือบล้ม ทว่าปริญกลับคว้าเธอเอาไว้ได้ทันส่งผลให้ร่างกายแนบชิดกับแผงอกแกร่งของเขา
“ไม่ระวัง” น้ำเสียงติดดุดังขึ้นพร้อมกับการกระชับอ้อมแขนจับให้คนตัวเล็กยืนตรง
ม่านไหมนิ่งงันพยายามปั้นหน้าเรียบ เธอรู้สึกได้ว่าร่างกายตัวเองอยู่ใกล้กับปริญมากจนหัวใจแทบระเบิดออกมา
“ไปกัน พี่ช่วยประคอง จะได้ไม่ล้ม”
คราวนี้ม่านไหมตัวอ่อนปวกเปียกนึกขอบคุณความมึนเมาที่ขับกล่อมให้ตัวเองพร่าเบลอ ตามจริงเธอควรขืนตัวและปฏิเสธเขาด้วยความเกรงใจ แต่โอกาสของคนแอบชอบที่จะได้ใกล้ชิดนั้นน้อยนิดมาก มันผิดไหมถ้าเธอจะขอใช้โอกาสนี้อยู่ในอ้อมแขนอบอุ่นของเขา
ไม่ผิดหรอกมั้ง ก็เธอเมานี่นา...
