บทที่ 1 บังเอิญ (3)
บทที่ 1 บังเอิญ (3)
การทำงานวันแรกของม่านไหมเป็นไปอย่างราบรื่น เธอเป็นคนหัวไวเรียนรู้เร็วจนได้รับคำชมเชยกลับมาจากหัวหน้าแผนก หากแต่ความสงสัยและความประหม่ากลับยังคงเกิดขึ้นตลอดทั้งวัน เหตุเพราะความบังเอิญที่ได้เห็นคนที่แอบชอบอย่างปริญทำงานบริษัทนี้
เมื่อเช้าตอนที่ถูกแนะนำตัวเธอก็แทบหยุดหายใจ การกระทำแสดงออกชัดเลยว่าเธอกำลังตกใจสุดขีด เกือบจะหลุดคำถามแล้วแต่ก็ดันมีสายเข้าเร่งด่วนที่ทำให้ปริญต้องรีบเดินออกไป นั่นจึงทำให้เธอไม่ได้พูดคุยอะไรกับเขานอกเหนือจากการแนะนำตัว
“เป็นยังไงบ้างไหม ทำงานวันแรกโอเคไหม”
เสียงที่เอ่ยขึ้นทำให้ม่านไหมรีบดึงสติกลับมา เธอส่งยิ้มให้กับเจ้าของเสียงจากนั้นก็รีบปั้นหน้าให้เป็นปกติมากที่สุด
“โอเคมากเลยค่ะพี่ยุ้ย ขอบคุณพี่ยุ้ยมากนะคะที่ช่วยสอนงาน”
“พี่แทบไม่ได้สอนอะไรเลย ไหมเก่งอยู่แล้วต่างหาก” พอได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งทำให้รอยยิ้มฉีกกว้างเข้าไปใหญ่ นึกดีใจที่การทำงานวันแรกของตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิดพลาดจนต้องถูกตำหนิ ไม่อย่างนั้นประสบการณ์การทำงานของเธอคงติดลบไปชั่วชีวิตแน่ “เออใช่...พวกพี่คุยกันว่าวันศุกร์นี้อยากจะเลี้ยงต้อนรับไหมสักหน่อย ไหมว่างหรือเปล่าจ๊ะ”
“เลี้ยงต้อนรับเหรอคะ ต้อนรับไหมเหรอคะ” ม่านไหมที่ได้ยินแบบนั้นก็แปลกใจขึ้นมาทันที ก่อนที่นิ้วมือจะชี้ที่ตัวเองอย่างไม่มั่นใจ แต่ก็คิดเป็นอื่นไม่ได้แล้วเพราะเธอคือพนักงานคนเดียวที่เพิ่งเข้ามาใหม่
“ก็ใช่น่ะสิ น้องใหม่มาทั้งทีก็ต้องต้อนรับเข้าแก๊งกันหน่อย” ประโยคนี้ไม่ใช่คำตอบจากยุ้ยแต่กลับเป็นปิ๋มที่ลากเก้าอี้ล้อเลื่อนเข้ามาหา
“จริง ๆ ไม่ต้องเลี้ยงอะไรไหมก็ได้นะคะ ไหม...”
“ไม่ได้ ๆ มันเป็นธรรมเนียมของแผนกเราไปแล้ว ไม่ว่าจะคนเข้ามาใหม่หรือคนที่ลาออกพี่ก็จะเลี้ยงแบบนี้อยู่ตลอดนั่นแหละ ขอแค่น้องไหมว่างก็เป็นอันจบ”
ม่านไหมนึกเกรงใจที่พี่ในแผนกจะเลี้ยงต้อนรับ เธอไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องปกติในการทำงานหรือเปล่า แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่าเธอรู้สึกดีมากจริง ๆ
“ขอบคุณพวกพี่มากนะคะ ไหมว่างค่ะ ความจริงแล้วไหมว่างทุกวันเลย” ต่อให้ไม่ว่างเธอก็จะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มางานให้จนได้นั่นแหละ
“เริ่ดมากคนสวย! เดี๋ยวศุกร์นี้พี่จะพาไปร้านประจำของพวกพี่ รับรองว่าอาหารอร่อย เครื่องดื่มดี นักร้องเด็ด ผู้ชายแซ่บ อีปิ๋มคอนเฟิร์มค่า!”
“พี่ก็คอนเฟิร์มอีกเสียง เด็ดจริงจนพี่ยุ้ยแทบหย่ากับผัวอะขอบอก!” คราวนี้เป็นเสียงของแพทที่ดังแทรกขึ้นมา พร้อมกันนั้นก็ลากเก้าอี้มาสมทบเข้าสู่วงสนทนาด้วยกัน
“พวกแกก็เวอร์! ถ้าฉันหย่าจริง ๆ แล้วลูกที่บ้านจะอยู่ยังไงยะ!”
“แหม...ก็แค่เปรียบเปรยป้ะพี่ยุ้ย แต่ก็เด็ดจริงป้ะล่ะ นั่งดูนักร้องอยู่แล้วน้ำลายไหลอะคิดดูสิน้องไหม”
“ว้าย! นังแพทเดี๋ยวเถอะ ฉันมีลูกมีผัวแล้วอย่ามายังอาจใส่ความฉันนะ”
“เออยัยแพทแกก็พูดเกินไป ไม่ได้น้ำลายไหลแต่แค่น้ำเดินเฉย ๆ เหอะ วันนั้นฉันจำได้เลยว่าพี่ยุ้ยท่องพึมพำตลอดทั้งคืนว่า ‘มีผัวแล้ว มีลูกแล้ว’”
“โอ๊ย! น้องไหมอย่าไปเชื่อพวกมันนะ ยอมรับว่านักร้องหล่อ แต่พี่ไม่ได้คิดอะไรเกินเลย ก็แค่เสพบรรยากาศเฉย ๆ ลูก อย่าไปเชื่อพวกมันมาก”
ม่านไหมที่นั่งฟังสามคนพูดคุยก็ได้แต่หัวเราะท้องแข็ง ดวงตาหยัดโค้งเป็นสระอิ ไม่มีจังหวะได้เอ่ยคำใดเพราะถูกแย่งพูดไปจนหมด
ภาพฝ่ายบัญชีอันเคร่งเครียดดุโหดถูกลบเลือนในนิยามของเธอไปหมดจรด หลงเหลือเพียงรุ่นพี่ใจดี ตลกเฮฮา จนเธอยังแอบคิดว่าหากทำงานด้วยกันไปนาน ๆ เธอคงต้องฝึกวิชาเพื่อเข้าแก๊งแน่
การทำงานวันแรกผ่านพ้นไปด้วยดี ม่านไหมเก็บข้าวของก่อนจะล่ำลากับกลุ่มพี่ร่วมแผนกแล้วเดินแยกมายังป้ายรถเมล์หน้าบริษัท เพื่อขึ้นรถกลับหอพักที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก
เธอลองมาสำรวจเส้นทางและการเดินรถแล้วถึงรู้ว่ารถคันที่ผ่านหอพักเธอนั้นมีหลายสาย แต่ช่วงเวลาห้าโมงเย็นแบบนี้ต้องใช้ความอดทนและความพยายามมากพอสมควรเนื่องจากท้องถนนเต็มไปด้วยรถรามากมาย อีกทั้งยังเป็นที่รู้กันว่ากำหนดการเดินรถนั้นไม่ได้ตรงต่อเวลาเท่าที่ควร
ม่านไหมนั่งรอพลางหยิบโทรศัพท์มาเล่น เธอกดส่งข้อความไปบอกแม่ว่าเลิกงานแล้วและตั้งใจว่าหากกลับถึงหอพักก็น่าจะโทรคุยเล่าเรื่องการทำงานวันแรกให้ฟัง แต่จังหวะที่กำลังกดพิมพ์ตัวอักษรบนหน้าจอโทรศัพท์อยู่นั้นกลับมีรถยนต์คันหนึ่งที่ขับมาจอดเทียบข้างฟุตพาท ซึ่งเป็นจุดที่เธอนั่งอยู่พอดิบพอดี ม่านไหมเชยใบหน้าขึ้นมองทำให้ดวงตาสบประสานกับคนที่อยู่หลังพวงมาลัยในตอนที่กระจกฝั่งข้างกายลดระดับลง ความตกใจแปลกใจปรากฏขึ้นจนเธอร้อง ‘เฮ้ย’ ออกมาเสียงดังเพราะไม่คิดว่าเขาคนนั้นจะเป็นปริญ
“พี่ปริญ…”
