๔ อาการประหลาด (๓)
เพียงแค่เขาก้าวเข้ามาพร้อมแฟนสาว หนุ่มหล่ออีกคนก็รีบลุกจากเก้าอี้แล้วเดินเข้ามาเตรียมเอาเรื่องเต็มที่ แต่พอเห็นว่าธามนิธิไม่ได้มาคนเดียว ยังควงสาวน้อยหน้าใสมาด้วยจึงเปลี่ยนจากใบหน้าบูดบึ้งเป็นแย้มยิ้ม แนะนำตัวยาวเหยียดจนคนเป็นเพื่อนถึงกับส่ายหน้าระอา
“บอกทำเพื่อ แฟนกูไม่ได้อยากรู้จักมึงสักหน่อย” โอบเอวบางเอาไว้พลางดึงหล่อนเข้ามาใกล้ บอกถึงสถานะของเราต่อหน้าบุคคลที่สาม ทำให้เธอตกใจเป็นอย่างมาก จึงเผลอเรียกชื่อเขาคล้ายจะเตือนสติ ทว่าเพิ่งนึกออกคนตรงหน้าก็คนกันเอง
“พี่ธาม”
เขาหันมายิ้มให้เธอ จากนั้นจึงหันไปสบตากับอัทธ์ที่ส่ายหน้าระอา รู้ดีว่าที่เพื่อนพาหญิงสาวมาที่นี่ก็เพื่อเย้ยกันเท่านั้น
พนันสิ้นสุดลงแล้วและอีกฝ่ายชนะในเกมนี้ เงินสามล้านที่โอนเข้าไปในบัญชีของธามนิธิทำเอาคนแพ้ถึงกับเบิกตาโต อยากเป็นเจ้าของเงินรางวัลนั้นบ้าง
ถ้าเมื่อคืนเธอไม่เป็นประจำเดือน...ป่านนี้เขาชนะไปแล้ว!
“แฟนเต็มปากเต็มคำเลยนะมึง” กัดฟันบอกเสียงเข้ม แววตาเต็มไปด้วยความโกรธเคืองตามประสาเพื่อน
“ก็ใช่ไง นี่แฟนกู” ยักคิ้วอย่างเหนือกว่า โดยที่หญิงสาวไม่ได้รู้เรื่องอะไรกับเขา ทำเพียงยิ้มเขินเมื่อเขาบอกว่าหล่อนเป็นแฟนต่อหน้าเพื่อน ไม่ล่วงรู้ความนัยที่ชายทั้งสองพยายามสื่อถึงกัน เพราะเธอไม่รู้ว่าตนเองกลายเป็นแค่หมากในเกมการแข่งขัน
เพื่อเอาชนะเงินรางวัลสามล้านและบ้านพักตากอากาศ...
เธอมีค่าแค่นั้นเองสำหรับเขา...
“ไอ้เหี้ย” หลุดผรุสวาทอย่างเหลืออด ขณะที่ธามนิธิก็ไม่ได้สนใจคำด่า เลือกพาแฟนสาวนั่งลงที่เก้าอี้โต๊ะยาวในห้องรับประทานอาหารแบบส่วนตัว
“หึหึ ไอ้เตมายัง” นั่งลงบนเก้าอี้ขณะที่ร่างบางก็นั่งลงข้างเขา เธอไม่ได้พูดอะไรปล่อยให้เพื่อนทั้งสองพูดคุยกันเอง แต่ก็ไม่ได้อึดอัดเพราะเขาก็ยังหันมาคุยด้วย อีกทั้งอัทธ์ก็ชอบชวนหล่อนคุย
อีกฝ่ายเองก็เป็นพระเอกที่มีชื่อเสียงโด่งดังเช่นเดียวกัน ทว่ากลับไม่ถือตัวเลยสักนิด ยังมีอารมณ์ขันอีกต่างหาก ไม่แปลกใจที่พวกเขาคบกันได้
“ทำกับข้าวอยู่ในครัว ให้นั่งรอได้เลยอีกไม่นานก็ทยอยมาเสิร์ฟแล้ว...วันนี้ไม่มีถ่ายเหรอ”
“ไม่มี มึงล่ะ”
“ของกูปิดกล้องแล้ว งดรับงานไปสามเดือนอยากอยู่กับตัวเอง” ประโยคนั้นคล้ายกับกำลังอวด ร่างสูงจึงรีบยกมือโอบพนักเก้าอี้ของนิราเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ ก่อนเชิดใบหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วอวดอ้างถึงสถานะที่เหนือกว่า
“อยู่กับตัวเองไปนะ ส่วนกูจะอยู่กับแฟน” อัทธ์ได้ยินทีไรก็นึกโมโหตลอด
“มึงนะมึง” คนแพ้ได้แต่ส่ายหน้าแล้วลุกออกจากโต๊ะเดินเข้าครัวไปช่วยเจ้าของร้านยกอาหารออกมาเสิร์ฟ วันนี้เป็นวันหยุดของร้านซึ่งเขียนบอกชัดเจนว่าจะหยุดหนึ่งวัน ไม่สนใจว่าจะเสียเงินเท่าไหร่เพราะที่ขายทุกวันนี้ก็แค่แก้เบื่อเท่านั้น
พอลับร่างของบุคคลที่สาม เธอก็หันไปมองร่างสูงพลางสอบถามอย่างไม่มั่นใจ กลัวว่าการบอกถึงสถานะของเราอาจล่วงรู้ถึงหูคนอื่น
ความจริงก็ไม่อยากเป็นคนในความลับ แต่รู้ดีว่าหากทุกอย่างเปิดเผย ประวัติของหล่อนก็ต้องโดนขุด ซึ่งเธอไม่พร้อมเตรียมใจรับสิ่งนั้น
“พี่ธามบอกเพื่อนแบบนี้จะดีเหรอคะ”
“มันไม่ปากโป้งหรอก คบกันมาตั้งแต่มอต้นแล้ว รู้ไส้รู้พุงกันหมด ถ้าอันไหนคือความลับมันก็ไม่ปริปากพูด สบายใจได้”
“ค่ะ” พยักหน้ารับแล้วยิ้มเล็กน้อย เธอเชื่อใจเขาความกังวลจึงลดลงจนแทบไม่เหลือ ก่อนเสียงพูดคุยจะดังขึ้นพร้อมจานอาหารที่วางตรงหน้า ซึ่งแต่ละอย่างดูน่ารับประทานทั้งนั้นจนน้ำลายสอ เผลอมองตาโตแล้วค่อยเงยหน้าขึ้นจ้องคนมาใหม่
หล่อนไม่รู้จักเขาและมั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้เป็นนักแสดงอย่างเพื่อนสองคน แต่หน้าตาของเขาก็หล่อเหลาเอาการ ติดจะไปทางหนุ่มตี๋ที่สาวหลายคนชื่นชอบ...แต่ไม่ใช่กับเธอ
ตาของเขาดูเจ้าเล่ห์ชอบวางแผนการอย่างไรชอบกล...
“มาเอากุญแจบ้านเหรอ” เพียงแค่ประโยคแรกที่ทักกันก็ทำให้ธามนิธิคิ้วกระตุก ไม่คิดว่าเพื่อนจะเข้าประเด็นอย่างรวดเร็ว จนเขาต้องหันไปมองดวงหน้าหวานที่ยิ้มไม่รู้เรื่องราวเบื้องหลังสักนิด
“เออ ไว้ว่างวันไหนค่อยไปทำเรื่องโอนย้าย...มึงจะให้กูจริงใช่ไหม” พยักหน้ารับแล้วถามเพื่อความแน่ใจ ไม่อยากเชื่อว่าจะได้เงินสามล้านและบ้านพักตากอากาศหนึ่งหลังโดยเงื่อนไขที่ง่ายดายเสียเหลือเกิน
และเขาก็ทำสำเร็จ...
“คำไหนคำนั้น...” อาหารออกมาเสิร์ฟครบแล้ว เขาจึงถอดผ้ากันเปื้อนที่ใช้คลุมกายระหว่างทำอาหาร ซึ่งดูเข้ากับชายหนุ่มเป็นอย่างดี เพื่อนสนิทสามคนเผชิญหน้ากันโดยมีแขกสาวซึ่งนั่งกระพริบตาปริบมองพวกเขาสลับกัน เธอเพิ่งเคยเข้าสังคมแบบนี้เป็นครั้งแรก ออกจะประดักประเดิดเล็กน้อย ไม่รู้จะชวนคุยอย่างไร
แต่โชคดีที่พวกเขาชวนเธอคุยราวกับรู้จักกันมานานหลายปี หญิงสาวจึงไม่ต้องเป็นฝ่ายเริ่มก่อน เพราะด้วยนิสัยก็เป็นคนชวนคุยไม่เก่งอยู่แล้ว
“สวัสดีครับคุณนิรา ผมเตชินท์เพื่อนของสองคนนี้ เรียกผมว่าเตเฉยๆ ก็ได้ยังไงเราก็คนกันเอง” ยิ้มให้หล่อนอย่างคนจิตใจดี รูปลักษณ์ที่แสดงภายนอกสร้างความประทับใจในการพบแก่หล่อน จึงพยักหน้ารับแล้วเรียกชื่อเล่นของเขา
“ค่ะคุณเต”
“ธามโสดมานาน ไม่คิดว่าจะสละโสดเร็วขนาดนี้...สงสัยจะรักจริงใช่ไหม” เริ่มลงมือรับประทานอาหารพร้อมกัน หนุ่มนักธุรกิจจึงเหลือบมองคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม พลางเย้าแกมหยอกเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาแต่แฝงนัยบางอย่างเอาไว้ให้รู้กันแค่สามคน
“รักสิวะ แฟนกูน่ารัก”
“อ้วก หมั่นไส้ว่ะ ไอ้พวกปากหวานนี่มันน่ารำคาญจริงๆ อย่าให้กูมีแฟนบ้างนะมึง จะหวานเช้าหวานเย็นให้พวกมึงอิจฉาทั้งวันเลย” คิดแล้วก็หงุดหงิดไม่หายที่ตนชวดเงินสามล้าน จึงเลิกติดต่อหญิงผู้นั้นเป็นการถาวร ไม่ว่าเธอจะติดต่อมาก็ถูกเขาบล็อก
ตนแพ้แล้วจะเข้าหาเหยื่ออีกทำไม สนเพียงว่าเพื่อนตรงหน้าจะทิ้งเหยื่ออย่างไรมากกว่า...
ดูเหมือนว่าแววตาของธามนิธิจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ไม่ทราบว่าเจ้าตัวจะรู้หรือเปล่า ว่าอาจตกหลุมพรางที่วางเอาไว้
“ขอให้วันนั้นมาถึงเร็วๆ นี้แล้วกัน”
พูดคุยและร่วมรับประทานอาหารกันพักใหญ่ ค่อยแยกย้ายไปทำธุระของตัวเอง ขณะที่เขาก็พาหล่อนกลับคอนโดมิเนียมเพื่อไปเก็บเสื้อผ้ามานอนห้องของตน อย่างไรพรุ่งนี้ก็ต้องไปทำงานพร้อมกัน จะแยกย้ายทำไม
ตนเพิ่งได้ชิมของหวานหลังจากห่างหายไปนานสองถึงสามปี ก็ต้องเอาให้คุ้มหน่อยสิ...รสชาติของเธอก็หวานล้ำเสียด้วย
สาวน้อยที่ไม่เคยต้องมือชายใดมาก่อน กลับโดนเขาจับรวบหัวรวบหางกินทั้งตัวอย่างเอร็ดอร่อย ใครจะยอมปล่อยไปง่ายๆ ล่ะ
เอาไว้กินจนเบื่อเมื่อไหร่ค่อยทิ้งก็ไม่สาย...
“พี่ธามซื้อบ้านกับพี่เตเหรอคะ” ระหว่างทางกลับคอนโดเธอก็ใช้โอกาสนี้ถามเขาเพราะเห็นทั้งสองคุยเรื่องบ้านพักตากอากาศ เจ้าตัวหัวเราะในลำคอแล้วพยักหน้า
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้...พอดีได้ในราคาค่อนข้างถูกน่ะ” เหลือบมองหล่อนแล้วกลับมามองถนน โดยที่หญิงสาวไม่รู้เลยสักนิดคำว่าราคาถูกที่ชายหนุ่มเอ่ยถึง
คือตัวเธอเอง...
“ดีจังเลยนะคะ”
“ครับ”
หล่อนยังคงมีความสุขกับสถานะแฟนสาวของชายหนุ่มผู้เป็นสุภาพบุรุษทุกกระเบียดนิ้วในความคิดของตน ไม่ล่วงรู้เลยว่าอีกไม่นาน...เขาจะนำมาซึ่งความเจ็บปวดมหาศาลสู่ตน
