๓ เราเป็นแฟนกัน (๒)
“ฮัลโหล มึงโทรมาทำไม” ไม่ปิดบังว่าหงุดหงิดแค่ไหนที่อีกฝ่ายโทรมาขัดจังหวะ เขากำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็ม หลอกล่อให้หล่อนเห็นว่าเรื่องทางกายถือเป็นสิ่งปกติสำหรับคนเป็นแฟนกัน เพราะเท่าที่รู้มาคือเธอไม่เคยมีแฟนมาก่อน ฉะนั้นช่องทางอุ่นนุ่มก็ไม่เคยมีใครล่วงล้ำ
ร่างสูงเริ่มคิดหนักกับการพรากพรหมจรรย์หญิงสาวไร้เดียงสา กลัวว่าจะมีปัญหาอื่นตามมาอีกร้อยแปดตอนบอกเลิก...
หากหล่อนไม่ยอมเลิกแล้วเกาะติดเขาล่ะ เป็นเช่นนั้นคงแย่แน่
‘เสียงหงุดหงิดเชียว กำลังทำอะไรอยู่ครับ’ พอจะเดาออกว่าปลายสายรู้สึกอย่างไรจากน้ำเสียงของอีกฝ่าย ยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดมากกว่าเดิมเพราะอัทธ์กำลังอยู่ในห้วงแห่งความสุข
“อยู่กับแฟน...มึงมีปัญหาอะไร” บอกชัดเจนจนร่างบางที่นั่งบนตักเผยอปากค้าง
หล่อนนึกว่าเขาจะปิดบังเรื่องของเราเอาไว้เสียอีก ไม่คิดว่าชายหนุ่มจะบอกเพื่อนอย่างตรงไปตรงมา ทำให้หัวใจดวงนี้พองโตมากกว่าเดิมที่ไม่ต้องเป็นคนในความลับ
ความจริงก็เข้าใจสถานะของเขาดีจึงไม่คิดจะเปิดเผย ทว่าลึกในใจก็อยากให้ธามนิธิพาไปทำความรู้จักกับคนรอบตัวของเขา เพื่อให้เธอมั่นใจว่าตนจะไม่ใช่เพียงแค่ของเล่นสำหรับคนดังเท่านั้น เพราะนับวันความรู้สึกรักก็ยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้นทุกที
ยิ่งได้อยู่ใกล้ก็ยิ่งรักชายผู้นี้...
‘หูยยยย เต็มปากเต็มคำ กูจะบอกว่าของกูก็แฟนเหมือนกันครับผม ความสัมพันธ์ก้าวกระโดดแน่นอน เตรียมตัวพ่ายแพ้นะเพื่อน’ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเมื่อทราบข่าวความคืบหน้าของคู่แข่ง ตอนแรกเขาคิดจะต่อให้อีกฝ่ายสักหน่อย แต่ดูท่าช้าไปจะไม่ได้การแล้ว
เงินสามล้านกับบ้านพักตากอากาศอาจจะหลุดมือ เดินหน้ามาได้ขนาดนี้ต้องได้รับเพียงชัยชนะเท่านั้น สงสัยคงต้องแก้เกมหน่อยแล้ว...ทำให้เธอตกเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์แบบ
“แค่นี้แหละ”
วางสายจากเพื่อนสนิทที่มาตีอารมณ์ให้ขุ่น ดวงตาคมตกอยู่ในภวังค์จนคนที่นั่งตักนึกสงสัย เธอไม่ได้ยินว่าปลายสายพูดอะไรบ้าง แต่ดูท่าทางจะเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยดีสำหรับร่างสูงเท่าไหร่ หลังจากสายตัดไปธามนิธิก็นิ่งเงียบ
หรือเขาจะกังวลเรื่องเธอนะ จากที่ดีใจเมื่อครู่ก็เริ่มห่อเหี่ยว จนต้องถามแฟนหนุ่มอย่างอ้อมๆ
“บอกว่ามีแฟนจะดีเหรอคะ”
“ไม่เห็นต้องปิดนี่น่า ไอ้อัทธ์ก็มีแฟนเหมือนกัน อีกอย่างพี่ไม่อยากปิดเรื่องของเรา...พี่อยากให้ทุกคนรู้ว่านิเป็นผู้หญิงของพี่” ตัดอารมณ์จากเคร่งเครียดมาป้อนคำหวานให้หล่อนอย่างไม่ทันตั้งตัว นิราหน้าแดงก่ำเมื่อได้ยินประโยคท้าย
ผู้หญิงของพี่...เธอเป็นผู้หญิงของเขา
ไม่น่าเชื่อด้วยซ้ำว่าแฟนของเธอจะเป็นคนที่หญิงทั่วประเทศต่างมอบความรักให้แก่เขา เผลอมองด้วยหน้าคมด้วยแววตาหลงใหล พลางพึมพำเรียกเขาเสียงเบาจนร่างหนาต้องกระชับกอดเธอแน่นกว่าเดิม พร้อมเกยคางที่ไหล่เล็ก สูดดมความหอมจากลำคอระหง
“พี่ธาม...”
“แววตาแบบนี้รักพี่แล้วใช่ไหม...หลงพี่แล้วล่ะสิ” จุมพิตที่สันกรามของหล่อนแล้วไล่ไปที่แก้มนุ่ม แม้เขาจะต้องการหล่อนมากแค่ไหนก็เลือกจะยับยั้งชั่งใจเอาไว้ ทราบดีว่าหญิงสาวค่อนข้างซีเรียสเรื่องระยะเวลาที่ทุกอย่างรวดเร็วไปหมด
คงต้องรออีกสามสี่วันเพื่อให้นิราได้ปรับตัว แล้วเขาก็จะเริ่มรุกเชิงลึก...ไม่ทำแค่กอดหรือหอมอีกต่อไป
“เปล่าสักหน่อย คิดไปเอง” ปฏิเสธไม่เต็มปาก แต่เขาก็ไม่ได้ไล่ต้อนหล่อนแต่อย่างใด เลือกบอกความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อหญิงสาว
“ให้มันจริง...เพราะตอนนี้พี่หลงนิมาก”
แม้มันจะไม่เป็นความจริงก็ตาม...
กลับมาทำงานตามปกติ เธออยู่ฝ่ายเสื้อผ้าจึงได้ใกล้ชิดกับแฟนหนุ่ม แต่กระนั้นก็พยายามถอยห่างเขาให้ได้มากที่สุด เพราะคนขี้แกล้งมักจะแอบมาจับมือแม้จะพักห้องที่มีเกือบสิบชีวิตอยู่ด้วย เธอเกือบเผลอตีเขาแล้วแต่ต้องเตือนสติตัวเองตลอดเวลา
ว่าตอนนี้เขาเป็นนักแสดงนำ ส่วนตนเป็นแค่ทีมงานในกองเท่านั้น...สถานะต่างกันชัดเจน
นักแสดงมักนั่งรวมกลุ่มกันเสมอ บางคนก็ต่อบท บางคนก็นั่งพูดคุยเรื่องทั่วไป ขณะที่บางคนก็หลบเข้ามุมของตัวเองแล้วนอนหลับ ซึ่งไม่ใช่ธามนิธิอย่างแน่นอน เพราะชายหนุ่มมักจะไปคุยกับช่างไฟช่างกล้อง ไม่ถือตัวเลยสักนิด
นี่อาจเป็นอีกหนึ่งเหตุผลให้เธอชอบเขามากขึ้นทุกวัน สายตาเอาแต่มองหาร่างสูงตลอดเวลาจนแทบทำงานไม่ได้
หัวใจที่ไม่เคยเปิดรับใคร ตอนนี้กลับมีเขาอยู่เต็มทั้งดวง...
“กระเป๋าเงินใครมาอยู่ตรงนี้” คุณฉัตรชยาเดินมาโซนเครื่องดื่มเพื่อจะชงน้ำหวานนำกลับไปรับประทานระหว่างกลับบ้าน กลับเห็นกระเป๋าสตางค์สีหวานวางไว้ จึงยกขึ้นพลางถามคนแถวนั้น
วันนี้เลิกกองเร็วกว่าปกติเพราะการถ่ายทำเป็นไปด้วยดี ทุกคนเต็มที่ตอนอยู่หน้าฉากแทบจะสำเร็จในเทคเดียว คนในกองจึงไม่เหนื่อยมากและพาได้กลับบ้านเร็ว แถมเดือนหน้าก็จะปิดกล้องแล้ว ระยะเวลารวดเร็วจนได้รับคำชมจากฝ่ายผู้บริหาร ทำให้มีละครอีกหลายเรื่องจองตัวผู้กำกับคิวทองไว้
“ไม่รู้ค่ะอา” ส่ายหน้าทันทีแล้วรีบวิ่งไปเก็บของ ปล่อยให้ชายวัยกลางคนยืนอยู่ลำพัง
ท่านถอนหายใจเหนื่อยหน่ายกับคนขี้ลืม คงต้องเสียมารยาทเปิดดูของข้างในเพื่อเป็นข้อมูลในการตามหาเจ้าของ และเพียงแค่กระเป๋าถูกเปิดออก ดวงตาของท่านก็เบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นภาพของหญิงผู้เป็นดั่งดวงใจแต่ไม่อาจอยู่เคียงกายได้
“นี่มัน...” พึมพำเสียงเบาขณะที่มือไม้สั่น
รูปของรินลดาที่กำลังอุ้มเด็กหน้าตาจิ้มลิ้มทำไมถึงอยู่ในกระเป๋าใบนี้ได้ ดวงตาของท่านสั่นไหวคิดเหตุผลอื่นไม่ออกนอกจากคนทั้งสองเป็นแม่ลูกกัน...
ไหนเธอเคยบอกกับเขาว่าแท้งไปแล้วไม่ใช่เหรอ...
“อาฉัตรคะ ของหนูเองค่ะ...ขอบคุณนะคะ” ร่างแบบบางเดินแกมวิ่งเข้ามาหาท่าน พร้อมคว้ากระเป๋าสตางค์สีอ่อนไปถือไว้ พลางยกมือไหว้ด้วยรอยยิ้มค่อยวิ่งออกจากกองเมื่อถึงเวลาเลิกงาน ผู้กำกับมากฝีมือมองตามหญิงสาวคราวลูก
ภาพของเธอซ้อนทับกับใครบางคน พลันหัวใจเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ มุมปากยกยิ้มด้วยความดีใจแต่ก็จำต้องพิสูจน์ความจริงบางอย่างเสียก่อน เดินออกจากโซนเครื่องดื่มแล้วตะโกนหาผู้ช่วยของตัวเองเสียงดัง
“ปิ๊ก ปิ๊ก!” เสียงทุ้มก้องกังวานจนคนที่ยืนละแวกนั้นต่างหันมองเป็นตาเดียว สงสัยว่าอาฉัตรของพวกตนเป็นอะไร ทำไมจึงได้ร้องเรียกผู้ช่วยเสียงดังขนาดนั้น
“ครับอา” เจ้าของชื่อรีบวิ่งมาด้วยความเร็ว หยุดยืนตรงหน้าท่านพลางหอบหายใจถี่
“ขอประวัติของทีมงานหน่อย ฉันอยากดูข้อมูลบางอย่าง” ใจร้อนเป็นอย่างมากจึงรีบสั่งแล้วนั่งรออยู่หน้ามอนิเตอร์สักพัก เวลาทุกนาทีผ่านไปแสนยาวนาน กระทั่งแฟ้มรายชื่อทีมงานซึ่งมีประวัติส่วนตัวยื่นมาตรงหน้าก็คว้าไปเปิดค้นโดยเร็ว
