๓ เราเป็นแฟนกัน (๑)
๓
เราเป็นแฟนกัน
พอได้รักกับพระเอกที่คนรู้จักทั่วบ้านทั่วเมืองก็มีข้อจำกัดหลายอย่างหากจะออกไปข้างนอกด้วยกัน พวกเขาจึงตกลงอยู่ด้วยกันในห้องของเขา หรือบางครั้งชายหนุ่มก็มาหาที่ห้องเธอบ้างแต่ไม่มีอะไรเกินเลยมากไปกว่าจับมือ
ธามนิธิเป็นสุภาพบุรุษจนหล่อนนึกชื่นชมเขาเสมอ ไปกองถ่ายก็แอบมองกันบ้างแต่คนเยอะเกินกว่าจะแสดงออกมากกว่านี้ ทั้งที่เมื่อก่อนยังพูดคุยกับเขาได้ ทว่าพอพัฒนาความสัมพันธ์ก็กลัวไปหมด แค่ร่างสูงเดินเข้ามาใกล้ เธอก็รีบหนีไปอีกฝั่งแล้ว
คบกันเหมือนจะเหนื่อย...แต่หัวใจกลับอิ่มเอมเต็มตื้นไปด้วยความสุข
“อื้อ อร่อย” วันนี้หล่อนมาหาเขาที่คอนโดมิเนียมหรูซึ่งชายหนุ่มใช้เป็นที่พักผ่อนมากกว่าการกลับไปอยู่บ้านที่ค่อนข้างไกลจากตัวเมืองพอสมควร
ห้องขนาดแปดสิบสองตารางเมตรค่อนข้างกว้างพอสมควร ความจริงมีสองห้องนอนแต่เขาทุบทิ้งทำเป็นห้องนอนเดียวและเพิ่มส่วนบิวท์อินห้องแต่งตัว ขณะที่โซนกลางก็กว้างขวางแบ่งสัดส่วนการใช้งานได้อย่างเหมาะสม
ครอบครัวส่งแม่บ้านมาทำความสะอาดห้องให้ทุกวันพุธกับอาทิตย์ เขาแทบไม่ต้องแตะอะไรเอง เข้าห้องก็ตรงดิ่งไปอาบน้ำนอน วันว่างไปหาเพื่อนหรือกลับบ้าน ชีวิตประจำวันส่วนมากอยู่กองถ่ายละครเพราะรับสามเรื่องต่อปี ไม่ค่อยมีวันหยุดเท่าไหร่
ตอนนี้เขาอายุยังน้อยจึงอยากกอบโกยให้ได้เยอะที่สุด น้ำขึ้นต้องรีบตัก ไม่รู้วันไหนชื่อเสียงที่มีจะหมดไป อย่างน้อยตอนนี้ก็อยากเก็บเงินให้ได้มากที่สุด
บิดาจะได้ไม่ค่อนขอดการทำงานของเขาสักที...
ชายหนุ่มเป็นลูกนอกคอกอยู่แล้วตั้งแต่เด็ก พี่ชายสองคนเดินตามเส้นทางที่บุพการีขีดไว้ไม่เคยออกนอกกรอบ ต่างจากธามนิธิมักเดินทางที่ต่างเสมอ กระทั่งสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่เลือกคณะวิศวกรรมศาสตร์แทนที่จะเป็นแพทยศาสตร์ ทำให้คนเป็นพ่อโกรธอยู่หลายเดือน แทบจะไม่ส่งเสียลูกเรียนหากไม่ได้ภรรยาคู่ชีวิตคอยปลอบและช่วยพูดจนสุดท้ายเขาได้เรียนตามที่ตัวเองชอบ
ไม่อย่างนั้นคงถูกบังคับให้ซิ่วไปแล้ว
ร่างบางถอดเสื้อกันเปื้อนออกเมื่อชิมขนมคุกกี้ที่ใช้เครื่องครัวในห้องของเขาอบ หล่อนชอบทำขนมแต่ที่คอนโดของตัวเองไม่ค่อยมีเครื่องครัวเท่าไหร่ พอได้มาอยู่ที่นี่มีทุกอย่างครบครันจึงชอบเป็นอย่างมาก
อยู่ด้วยกันสองคนก็เป็นคนทำขนมและอาหารให้เขากิน ยิ่งเห็นชายหนุ่มชอบก็ทำบ่อยจนธามนิธิต้องวอนขอให้เพลาการทำขนมลงหน่อย เขายังต้องใช้หน้าตาและรูปร่างในการทำมาหากิน กลัวว่าจะอ้วนขึ้นใส่เสื้อผ้าที่ทางทีมงานหานำมาให้ไม่ได้
“อร่อยนะคะ ทำจากข้าวโอ๊ยไม่ใส่แป้งแน่นอน กินได้” เดินมานั่งลงที่โซฟาตัวนุ่ม ยื่นจานคุกกี้ให้แฟนหนุ่ม ซึ่งเขาก็มองอย่างระแวงแต่พอเธอพูดเช่นนั้นจึงพยักหน้า หยิบขนมเข้าปากพลางพยักหน้าแล้วหันมาชื่นชมหล่อน
“อร่อยจริงด้วย” แม่ครัวมือสมัครเล่นยิ้มกริ่มกับคำชม ยิ่งเห็นเขาหยิบกินไม่หยุดก็ยิ่งมีความสุข
“เหลือแค่เดือนเดียวละครก็จะปิดกล้อง นิจะไปทำงานอะไรเหรอ” ไม่น่าเชื่อว่าเวลาจะผ่านไปเร็วเช่นนี้ เธอเข้ามาทำงานที่นี่ได้ไม่ถึงสามเดือน ไม่มีความคืบหน้าความสัมพันธ์ของตนกับคนที่อยากรู้จักเลยสักนิด
คุณฉัตรชยายังคงเย็นชาและไว้ตัว ไม่เข้ามาพูดคุยและมองหล่อนเป็นเพียงอากาศ ใจหญิงสาวเจ็บทุกครั้งที่โดนท่านเมิน...
ยิ่งละครใกล้จะปิดฉากลงก็คงไม่ได้เจอผู้กำกับมากฝีมืออีก ตอนนี้หล่อนเริ่มหย่อนใบสมัครไว้หลายบริษัทเตรียมตัวเข้าทำงาน แม้จะยังไม่มีที่ไหนติดต่อมาก็ตาม
“คงทำงานที่บริษัทหรือธนาคารน่ะค่ะ ต้องรอดูว่าที่ไหนจะรับ...” เขาเพิ่งทราบว่าหญิงสาวเรียนจบปริญญาตรีจากคณะบริหารธุรกิจ นึกว่าวุฒิการศึกษาคือจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายเสียอีก และนิราก็มาสมัครงานในกองถ่ายเพราะอยากหาประสบการณ์ระหว่างรอเรียกเข้าทำงานเท่านั้น
เขายังนึกสงสัยว่าจะมาหาประสบการณ์ในสายงานที่ไม่ได้ร่ำเรียนมาทำไม หล่อนก็ไม่ตอบอะไรนอกจากยิ้มน้อยๆ
“พี่คงคิดถึงนิแย่เลย ย้ายมาอยู่กับพี่ไม่ได้เหรอ” คว้าร่างแบบบางมานั่งบนตัก ด้วยน้ำหนักตัวที่น้อยเขาจึงยกเธอได้สบายโดยที่หญิงสาวไม่มีท่าทีตระหนกเพราะนึกชิน
ไม่ใช่ครั้งแรกที่อีกฝ่ายทำเช่นนี้ ธามนิธิมักจะอุ้มหล่อนมานั่งตักเหมือนเด็ก คราวแรกก็ตกใจเขินอายบ้าง บ่อยครั้งเข้าก็กลายเป็นความชอบไปโดยปริยาย อิงแอบพิงอกกว้าง รับความอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยได้
มีความสุขจนอยากให้ความรักของเราคงอยู่ตลอดไป...
“พี่ธามอย่างอแงสิ ยังไงนิก็มาหาบ่อยๆ อยู่แล้ว” จับใบหน้าคมแล้วเผลอหยิกด้วยความหมั่นเขี้ยว จนเขาต้องงับนิ้วหล่อนเล่น สร้างเสียงหัวเราะให้ร่างบางจนยิ้มตาหยี
ธามนิธิห่างจากความรักมาสองสามปีเพราะต้องพุ่งความสนใจไปยังหน้าที่การงาน พอได้มีความรักอีกครั้งแม้จะเป็นแค่เรื่องโกหกก็ทำให้หัวใจกระชุ่มกระชวยดีเหมือนกัน ทว่าเขายังไม่ได้รู้สึกรักหล่อนมากขนาดนั้น
มันเป็นความต้องการอยากเอาชนะมากกว่า...
ที่ยังปล่อยหล่อนเป็นอิสระไม่ทำอะไรมากกว่ากอดหรือจับมือก็เพราะฝั่งของอัทธ์แทบไม่มีความคืบหน้า รอให้อีกฝ่ายไล่ตามเขาทันค่อยเผด็จศึกแล้วจบเกมก็ไม่สาย
อย่างไรสุดท้ายก็ต้องแยกย้ายกันไปอยู่แล้ว เขาไม่ได้คิดจะคบหล่อนตลอดไปหรอก เพราะอย่างไรรักครั้งนี้ก็แค่เกมแข่งขัน
“มาทุกวันนะ...หรือพี่จะย้ายไปอยู่กับนิดี” ทำท่าคิดแต่เป็นหล่อนที่ร้อนรน
“ไม่เอาหรอก อยู่แบบนี้ก็ดีแล้ว” หล่อนคงทำตัวไม่ถูกถ้าหากเขาจะมาอยู่ด้วยกัน สมองมันพาลจะคิดถึงเรื่องไม่ควร ทั้งที่เราเพิ่งคบกันได้ไม่กี่สัปดาห์ อยากใช้เวลากับเขาโดยไม่มีเรื่องราวของร่างกายเข้ามาเกี่ยว
ถึงบางครั้งหล่อนจะอยากรู้อยากลองบ้าง แต่ก็ยังหวงเนื้อตัวอยู่ดี ถนอมร่างกายมากว่ายี่สิบปีจะปล่อยให้ชายเชยชมโดยง่ายได้อย่างไร...
“หึหึ กลัวพี่เหรอ” ถามอย่างรู้ทันแล้วก้มลงขบที่ติ่งหูเธอ หญิงสาวย่นคอหลบแล้วหมายจะลุกจากตักหนา แต่เขาก็กอดเธอไว้แน่น นึกสนุกกับท่าทีของอีกฝ่าย
“ไม่เอานะพี่ธาม ไม่เล่น” นอกจากหูแล้วเขาก็ไล่ไปตามกรอบหน้าของเธออย่างสนุกสนาน จุ๊บเสียงดังให้เธอได้ยินพลางหอมที่แก้มนุ่มฟอดใหญ่ ค่อยมาเล่นที่ลำคอระหงด้วยการจุมพิตหลายครั้ง เล่นเอาเจ้าตัวหัวเราะร่วนด้วยความจักจี้
“พี่ไม่เล่น...พี่เอาจริง” บอกเสียงพร่าพร้อมอารมณ์ปรารถนาที่ถูกปลุก ยิ่งได้กอดรัดและมีเธอนั่งบนตัก เขายิ่งไม่อาจอยู่สุขได้ คิดจะปล่อยกระต่ายน้อยให้ตายใจ ทว่าตอนนี้เหมือนจะเป็นตนที่อยากกลืนกินเธอให้สมอยาก
ตืด ตืด ตืด
แต่แล้วกลับมีเสียงโทรศัพท์มาขัดจังหวะ พอปรายตามองก็เห็นชื่อของเพื่อนสนิทโชว์หรา ร่างสูงกัดฟันข่มความโกรธ นึกก่นด่าอัทธ์ที่โทรมาไม่รู้เวลาล่ำเวลาเอาเสียเลย
“รับสายสิคะ” ดิ้นรนจะขอลงจากตักเขา แต่ชายหนุ่มก็ไม่ยอมปล่อย ยังคงกอดนิราเอาไว้แน่น
